ดื่มน้ำเย็นหลังอาหาร ระวังเป็นมะเร็งลำไส้


ได้รับเมลล์จากเพื่อนมาค่ะ

รับประทานอาหารแล้ว สั่งเครื่องดื่มเย็นๆมาดื่มให้ชุ่มฉ่ำใจ! จากนั้น…เป็นมะเร็งลำไส้!

อย่าได้คิดว่าเป็นไปไม่ได้! มีผู้คนมากมายมีความเคยชินดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ หลังจากรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของชา เพราะเชื่อกันว่า สามารถขจัดไขมันและแก้เลี่ยน ดื่มลงไปแล้ว ย่อมชุ่มฉ่ำใจแน่นอน แต่คุณเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า หลังจากนั้นในท้องของคุณจะเกิดอะไรขึ้น? !

ลองนึกภาพตามดูนะค่ะ! ! ซี่โครงเนื้อในท้องของคุณ (หรืออาจจะเป็นไก่ทอด ฯลฯ) ล้วนเป็นอาหารทีุ่มันย่อง กระเพาะและลำไส้จะทำการย่อยพวกมัน ก็ต้องเปลืองแรงหน่อย ตอนนี้เทน้ำเย็นลงไปอีกถ้วยหนึ่ง...

เคยเห็นน้ำมันหมูในตู้เย็นมั้ยค่ะ? ! คุณจินตนาการว่า กลืนไขมันที่จับตัวเป็นก้อนสีขาวเหล่านั้นลงไปในกระเพาะออกมั้ย? ! เมื่อกระเพาะลำไส้ของคุณเต็มไปด้วยน้ำมันที่จับตัวเป็นก้อนราวน้ำตาเทียนไข ยังจะแก้เลี่ยนได้อีกมั้ย!

ถ้าหากแค่เพียงทำให้รู้สึกอยากจะอาเจียนเท่านั้นก็แล้วไปเถอะ แต่ที่สำคัญคือ มันสามารถทำให้คุณเป็นมะเร็งลำไส้ได้ด้วย! !

ไขมันที่จับตัวเหล่านี้เมื่อเจอกับกรดในกระเพาะอาหาร จะอ่่อนตัวกลายเป็นสภาพกึ่งของเหลวที่เหนียวข้น จากนั้นจะไหลเข้าสู่ลำไส้ก่อนอาหารที่มีสภาพเป็นของแข็งชนิดอื่น ดังนั้นวัตถุที่มีสภาพเป็นน้ำก็ไม่ใช่ ไขมันก็ไม่เชิง เหนียวๆข้นๆนี้ ก็จะถูกลำไส้ดูดซึมไปเป็นอันดับแรก

แต่ว่า! ลำไส้ไม่อาจดูดซึมกำจัดวัตถุประหลาดนี้ได้ทั้งหมด ผนังลำไส้จะเต็มไปด้วยคราบไขมัน ก็เหมือนกับการล้างหม้อใส่น้ำแกงเนื้อในหน้าหนาว ไม่ว่าจะล้างยังงัยก็ยังรู้สึกมันลื่น และเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า วัตถุที่ชวนอาเจียนนี้ก็จะฝังเข้าไปในผนังลำไส้ สะสมนานเข้าทำให้เกิดปฏิกิริยาที่อาจนำมาซึ่งโรคมะเร็งลำไส้ในที่สุด! !

ดังนั้นรีบเปลี่ยนพฤติกรรมความเคยชินที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตนี้โดยเร็วเถอะ! รับประทานอาหารแล้วอย่ารีบกรอกน้ำเย็นลงไป ดีที่สุดคือ ควรดื่มน้ำแกงร้อนๆ หรือน้ำอุ่นๆก็โอเคแล้ว

ขอบอกเรื่องชวนอาเจียนกับคุณอีกอย่างหนึ่ง ถ้าเป็นมะเร็งลำไส้แล้ว จะต้องต่อท่อเข้าไปกระเพาะถึงจะอุจจาระได้นะ คุณคงไม่อยากเจอเรื่องแบบนี้ใช่มั้ย รีบบอกต่อคนที่คุณรักและห่วงใย อย่าให้พวกเขาต้องต่อสายท่อเลย! !

หมายเลขบันทึก: 135426เขียนเมื่อ 6 ตุลาคม 2007 08:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ความรู้เรื่องมะเร็งลำไส้ดีมากค่ะ 

เอ...ขนาดนั้นเชียวหรือคะ

มีข้อมูลทางการแพทย์ยืนยันได้ไหมเอ่ย...

แต่ยังไงก็ขอบคุณนะคะ  ทำให้ได้คิดอะไรต่ออีกหลายข้อค่ะ

โอ้โห...

ชีวิตประจำวันของคนไทย หลีกเลี่ยงน้ำเย็นไม่ได้แน่นอนครับ

เนื่องจากเป็นเมืองร้อน เวลาทานอาหาร ไม่ว่าจะที่บ้าน หรือตามร้านนอกบ้าน ก็มักจะต้องมีน้ำเย็นดื่มเสมอๆ

โดยปกติส่วนตัว ผมเป็นคนชอบดื่มน้ำมากๆ ซะด้วย  โดยเฉพาะน้ำเย็น

ทำไงดีล่ะทีนี้...?

 

 

ลองหาอ่านบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเวป

mthai.com บทความของหมอแมวดูนะครับ

จะบอกว่าไม่ต้องกังวลนะ เพราะมันไม่จริง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.ศูนย์เวชศาสตร์ อายุรวัฒน์นานาชาติ อธิบายว่า ความจริงการดื่มน้ำเย็นหลังอาหาร คงไม่เป็นอันตราย ถึงขั้นทำให้ไขมันจับตัวเป็นไข เป็นก้อนขนาดนั้น เพราะปกติอุณหภูมิร่างกายคนเราอยู่ที่ประมาณ 37 องศาเซลเซียส น้ำที่เราดื่มเข้าไปถึงจะเย็น แต่ร่างกายเราร้อนอยู่แล้ว ก็จะเปลี่ยนให้เป็นน้ำอุ่นๆ อยู่ดี ไขมันกว่าจะจับกันเป็นก้อนแข็ง ต้องอาศัยอุณหภูมิเหมือนอยู่ในตู้เย็น 3 - 4 องศาเซลเซียส กรณีนี้จึงเป็นข้อความหลอก



ถ้าถามว่า เราควรจะดื่มน้ำเย็นหรือน้ำอุ่นดี ก็ต้องขอเรียนว่า น้ำเย็นจะช่วยเติมน้ำให้ร่างกายได้ดีกว่าน้ำอุ่น เพราะว่าน้ำเย็นดูดซึมได้เร็วกว่า ตรงนี้เป็นข้อมูลจากสถาบันวิทยาศาสตร์การกีฬาของสหรัฐ เขาบอกเลยว่า น้ำที่ควรจะดื่มถ้าอยากให้สดชื่น ออกกำลังกายได้อึดขึ้น อุณหภูมิควรอยู่ที่ประมาณ 15 - 22 องศาเซลเซียส หรือง่ายๆ คือ ให้ดื่มน้ำที่อุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิร่างกาย



ไม่มีงานวิจัยฉบับไหนเลย ที่บอกว่าดื่มน้ำเย็นแล้วจะเป็นมะเร็ง อีเมล์ในลักษณะนี้มีการส่งต่อกันไปทั่ว แม้แต่ในต่างประเทศ ดูเหมือนจะเป็นวิชาการ แต่กลับไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มารับรอง ทำให้คนกลัวกันมาก ดังนั้นคนที่ได้รับอีเมล์จะต้องใช้วิจารณญาณให้ดี



การดื่มน้ำเย็นเป็นผลดีด้วยซ้ำ เพราะจะช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกาย เนื่องจากร่างกายต้องใช้พลังงานในการทำให้น้ำอุ่นขึ้น โดยน้ำ 1 แก้ว จะช่วยเผาผลาญไขมันประมาณ 9 กิโลแคลอรี ถ้าเราดื่มน้ำ 8 แก้วก็จะเผาผลาญไขมันได้ถึง 70 กิโลแคลอรีเลยทีเดียว นั่นก็หมายความว่า ยิ่งดื่มน้ำมาก ก็จะยิ่งช่วยลดความอ้วน แต่ในคนที่กำลังลดความอ้วน ลดปริมาณอาหารแต่ลืมดื่มน้ำ ต้องระวัง เพราะน้ำหนักจะไม่ลง เพราะน้ำคือตัวช่วยทำให้ไขมันสลายเร็วขึ้นนั่นเอง

cr: www.kapook.com

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท