ตามกำหนดการจะออกเดินทางให้เช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะทุกคนโทรมาเร่งเร้าเหลือเกินว่าว่าเนี่ยยังไม่ได้ไปไหนเลยรอyou คนเดียว กดดันมากค่ะ ก็เลยตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตั้งแต่ ตี 5 ครึ่ง เพราะว่าจะได้ออกเดินทางซัก 6 โมงเช้า แต่พอตื่นขึ้นมาแล้วฟ้าฝนไม่เป็นใจเลย ฝนตกลงมาหนักมากๆ จนออกจากหอไม่ได้ ก็เลยอาบน้ำแต่งตัวรอ พร้อมกับภาวนาว่าฝนจ๋าอย่าหยุดตกเลยนะ จะได้ไม่ต้องไป (นิสัยไม่ดีจริงๆ) โทรบอกทุกคนที่แม่สอดว่าที่นี่ฝนตกหนัก ถ้ามันไม่หยุดจนถึง 10 โมงเช้า หนูขออนุญาตไม่ไปนะ
แต่พอ 8 โมง ฝนก็หยุดตกแบบหยุดสนิทเลย ก็ทำงัยได้สัญญาต้องเป็นสัญญา แบกเป้เดินออกจากหอ ไปขึ้นรถรถไฟฟ้าของมหาลัย ไปจนถึงท่ารถของ มน. แล้วขึ้น ปอ.12 (เป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นรถประจำทางเข้าเมือง) พอถึง บขส. ก็เดินหารถที่จะไปแม่สอด เห็นป้ายแล้วเดินเข้าไปถามก็พบว่า มีแต่รถที่เป็นรถตู้ ถ้าเป็นรถทัวร์มีแค่จังหวัดตาก ก็ซื้อตั๋วรถตู้เลย ราคา 157 บาท แล้วเดินตามที่คนขายตั๋วชี้ว่าเป็นรถแม่สอดไป พอไปถึงรถตู้อึ้งมากๆ เลยอ่ะ มันแบบว่าเก๊าเก่า ตัดสินใจเดินกลับไปที่ขายตั๋วอีกครั้ง บอกว่าขอซื้อตั๋วแบบรถทัวร์ดีกว่าเพราะไม่มั่นใจสภาพรถเลย พี่ๆ ทั้งคนขับรถคนขายตั๋วก็บอกว่าไม่เป็นไรน่า ปลอดภัยแน่ๆ ไม่ต้องกลัว เอ้า... ไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไร
แล้วรถก็ออกตอน 8.30 น. เป็นรถตู้ที่เก่า แล้วก็ไม่มีแอร์ มีผู้โดยสารทั้งหมด 5 คน เป็นชาวต่างชาติ (น่าจะพม่านะ) 2 คน พี่คนขับแกขับรถได้เสียวมากๆ จนไปถึงสุโขทัย ปรากฏว่ากระจกด้านคนขับ หลุดค่ะ(ไหนบอกว่าไม่เป็นไร) หยุดซ่อมประมาณ 20 นาทีก็ไปต่อได้ ดิฉันก็นั่งไปเสียวไปจนถึง ท่ารถ จ.ตาก ก็มีชาวต่างชาติขึ้นมาอีก 5 คน ตอนนี้ประชากรในรถหนาแน่นมาก เห็นว่ารถหยุดพักดิฉันจึงเดินไปซื้อกาแฟ มากิน 1 แก้ว แล้วโทรหาพรรคพวก ที่รออยู่ที่แม่สอด ทางโน้นก็บอกว่าให้ลงก่อนถึงตัวแม่สอด บอกคนขับว่าให้ลงที่ “แม่สอด ปลาสด” พอดิฉันไปบอกคนขับ คนขับก็บอกไม่รู้จัก จึงสื่อสารกันใหม่ ให้คุยกับคนขับเองเลย ก็สรุปว่าให้ลงตรงเลยราชภัฏกำแพงเพชร (สาขาแม่สอด) มาซัก 20 เมตร เมื่อสื่อสารกันเข้าใจก็ เดินทางต่อ ข้างทางก็มีป้ายเตือนให้ขับรถด้วยความระมัดระวังเนื่องจากเป็นทางขึ้นเขาและถนนโค้งมาก ดิฉันนับไม่ถูกเลยค่ะว่ากี่โค้ง ตอนแรกกะจะเลียนแบบคุณหมอภักดีที่นับระยะทางเป็นโค้ง ไปด่านซ้ายนี่ คุณหมอบอกว่า 250 โค้ง ดิฉันนับไปได้ซัก 20 โค้ง ก็ต้องค้นยาหม่อง ยาดม ยาอม ให้วุ่นวาย พอซักโค้งที่ 50 ดิฉันก็ได้ค้นพบประโยชน์ของอีกอย่างของแก้วกาแฟ คือมันรองรับอาหารส่วนเกินจากกระเพาะดิฉันได้ดีจริงๆ แถมมีฝาปิดด้วยนะไม่เลอะเทอะเลย หลังจากอาเจียนไป 3 ครั้ง ชาวต่างชาติที่นั่งข้างๆ ก็ยื่นเม็ดกลมๆคล้ายยาลูกกลอนให้ แล้วทำท่าเอาใส่ปากแล้วพูดว่า กินๆ นี่แหละน้าน้ำใจคนไทย ดิฉันยกมือไหว้ขอบคุณ แต่ตอนแรกไม่กล้ากินอ่ะ ก็กำไว้ซักพัก แล้วท้องใส้มันก็ปั่นป่วนอีก ก็เลยคิดว่า กินไปเถอะเป็นงัยเป็นกัน พอกินเข้าไปมันแบบว่าขมๆ ขื่นๆ อย่างงัยไม่รู้ แต่กินไปซักพักก็รู้สึกว่ามันปากโล่งๆ แล้วท้องมันปั่นป่วนน้อยลง แต่ดิฉันยังปวดหัวอยู่ พอใกล้ๆ บ่ายโมง คนขับบอกให้เตรียมตัวลง เมื่อลงรถก็พบว่ามิตรรักแฟนเพลงยืนรออยู่เป็นแถว เมื่อทักทายกันแล้วดิฉันก็หันไปมองป้ายร้านอาหารที่พี่เค้าบอกให้ลงว่าชื่อร้าน “แม่สอด ปลาสด” ถึงว่า ทำไมถึงไม่มีคนรู้จัก เพราะว่าที่ร้านป้ายมันเขียนตัวใหญ่มากๆ ว่า ร้าน “ปลาสด เมืองฉอด” เฮ้ออออ พี่เรา เหตุการณ์การเที่ยวครั้งนี้ สนุกแบบสุดๆ แล้วจะทยอยเขียนบันทึกค่ะ
Rest room:ขอเชิญคุณเข้ามาปลดปล่อยความทุกข์...ในห้องแห่งความสุข
แถมมีรูปมาฝากด้วยคะ..อย่าแวะไปเยี่ยมผมบ้างนะครับ..อิอิ
ผ่านแม่สอดไปอย่าลืมแวะชิมอาหารที่ร้านปลาสดเมืองฉอดหรือเข้าไปชมเมนูอาหารได้ที่http://www.prasod.tht.in อาหารอร่อยจริง ๆ โดยเฉพาะผัดผงกะหรี่ปูนิ่ม ชอบมากๆเลย
ก่อนออกจากแม่สอดอย่าลืมแวะชิมอาหารประเภทปลาที่ร้าน ปลาสดเมืองฉอด หรือเข้าไปที่ http://www.plasodmaongchod.com