LadyFlute
นางสาว วรัญญา สายไหม ศรีวรบุตร

ทุกครั้งที่ทำบุญ


ทุกปีที่ไปวัด....พระมักจะเทศนาเรื่องเดิมเสมอ
    

         ต้องขอบอกท่านผู้อ่านก่อนนะคะว่า เรื่องเล่าครั้งนี้ขอใช้คำและภาษาอย่างที่ดิฉันเรียกมาตั้งแต่สมัยเด็ก บางคำเป็นภาษาใต้ คิดเสียว่าเรียนรู้ภาษาใต้ วันละคำก็แล้วกันนะคะ

         วันที่ 11 ตุลาคม 2550  เป็นวันทำบุญใหญ่ (วันชิงเปรตตามประสาที่บ้านเราเขาเรียกกัน) มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ก็ปิดการทำงานด้วย เพื่อให้นักศึกษาบุคลากรทุกคนเล็งเห็นถึงความสำคัญของประเพณีและวัฒนธรรม  เขาปิดทำการแล้วดิฉันก็ได้กลับบ้าน จ.ตรัง เพื่อไปวัดทำบุญ   วัดที่ดิฉันไปอยู่ทุกๆปี คือ วัดควนวิเศษ อยู่ใกล้บ้านอดีต นายกรัฐมนตรีค่ะ นายชวน หลีกภัย บรรยากาศของวัดนี้ก็เรียบง่าย  ดิฉันไปวัดนั้น ไม่เคยเปลี่ยนไปวัดอื่นเลย อาจเป็นเพราะว่าบรรพบุรุษดิฉัน เคยไปวัดนั้นเสมอ     

         สมัยดิฉันยังเด็กคนยังมาที่วัดนี้ไม่เยอะ  ก่อนที่ดิฉันจะไปที่เขาเทศนากัน ในช่วงเช้าๆ ครอบครัวของดิฉันก็จะไปกันที่ บัว(ที่เก็บกระดูกของบรรพบุรุษค่ะ ที่บ้านดิฉันเรียกกันแบบนี้) เราบังสุกุล(ไม่แน่ใจว่าเขียนถูกหรือไม่) รวมถึงบัวเล็กๆ ของพ่อดิฉันด้วย พวกเราก็จะลากสายสิญจน์ ตั้งแต่บัวบรรพบุรุษของเรา โยงรวมคนรู้จักด้วย หลายบัวทีเดียว  แล้วเรานิมนต์พระ 4 รูป มาสวดบังสุกุล  มีจดหมายด้วยค่ะ เป็นทุกๆครั้งที่ครอบครัวฉันเขียนถึงบรรพบุรุษที่ได้จากเราไป เราก็จะเขียนประมาณว่า  ลูกๆหลาน ได้มาทำบุญในวันเดือน 10 ก็อย่าลืมเอาผลบุญที่ทำให้ไปใช้ในภพของเขา เรามีกับข้าว อย่าลืมมากินกันนะคะ อวยพรให้ลูกๆหลานๆด้วย 

          หลังจากนั้นเราก็จะไปที่พระท่านเทศนา ตรงนั้นก็มีญาตโยม นำปิ่นโตมาวัด น้ำหลายๆ ขวด ขนมบ้า ขนมลา ขนมพอง ขนมรู (อร่อยทั้งนั้นเลยค่ะ)มาจัดวางเป็นสามเหลี่ยมในกะละมัง เพราะถ้าไว้ในจานหรือถาดคงไม่เพียงพอค่ะ  แล้วเราก็รอพระมาพร้อมกัน สวด..........เยอะเลยค่ะ มาหลายครั้งก็จำไม่ค่อยได้  แล้วเมื่อพระเริ่มเทศนา ก็ฟังทุกครั้ง ขอบอกเลยว่าเรื่องเดิมทุกครั้งเลย แต่ตอนนี้ดิฉันจำเรื่องราวไม่ได้น่ะสิ คราวนี้จะกลับไปฟัง แล้วจะนำมาเล่าให้ฟังนะคะ เป็นคติสอนใจได้ดีไม่น้อยเลย

        เมื่อพระเทศน์เสร็จแล้ว เวลาประมาณ 11.00 น. ก็ฉันเพลค่ะ ระหว่างนั้น ญาตโยมก็จะนำอาหารใส่ถ้วยโฟมเล็ก หรือ ถ้วยใบตอง ไปหน้าวัด จะต้องหน้าวัดนะ เขาบอกว่าไม่งั้นเปรตไม่ได้กิน เพระว่าเปรตเข้าวัดไม่ได้ ค่ะ อาหารที่มีก็ เช่น ขนมบ้า ขนมลา ขนมพอง ปลาทู ข้าว แกง 2-3 อย่าง กล้วย ผลไม้ น้ำ ข้าวเหนียวปิ้ง และที่ขาดไม่ได้เห็นจะเป็น "เงิน" เป็นเหรียญค่ะ ใส่ไว้ แล้วทุกอย่างเราจุดธุปปักไว้อย่างละ 1 ดอก และสักพักเราเริ่มเดินกลับเข้าไปในวัด  นั่นล่ะจุดเริ่มต้นของคำว่าชิงปรต จะมีเด็กไปเก็บเงิน หรือขนมที่พอจะกินได้ ตามที่เราวางไว้ เด็กไปวัดเยอะนะคะ แย่งกันใหญ่เลยอ่ะ หลานๆ ดิฉันก็เล่นกับเขาด้วย จำได้ว่าปีที่แล้ว ได้มาหลายบาทเชียวไว้สะสมเงินได้อีก

         เคยรู้มั้ยค่ะว่า เปรตเป็นยังไง  จากคำบอกเล่า เป็นเรื่องเล่าสินะ จากคุณแม่ดิฉันเอง เขาบอกว่า "เปรตเหรอลูก  สูงกว่าตึก 10 ชั้น ปากก็จู๋เท่าเข็ม มือใหญ่เท้าใหญ่ยังก่ะใบลาน เสียงสูงปรี๊ด เขาพูดยังก่ะเห็น แม่ดิฉันบอกว่า เป็นเรื่องเล่ามาตั้งแต่ สมัยไหนๆๆมาแล้ว อิอิ ดิฉันก็ฟัง แม่ก็บอกว่าถ้าเราทำบาปนะลูก ด่าพ่อแม่ ปากก็จะจู๋เท่ารูเข็ม  เขาเลยทำขนมลาไงคะ เป็นเส้นๆ นิ่มๆ แต่อร่อยมากเลย แต่บางคนเขาก็บอกว่าขนมลาน่ะแทนเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มนะ  ขนมบ้า ขนมรู นี่ไว้แทนเงิน เป็นการใช้จ่าย ในภพของเขา  ขนมพองไว้แทนเรือ รถ ยานพาหนะ นั่นเองค่ะ"    แต่ที่สำคัญ เป็นวันรวมญาตสำคัญคนไทย ไม่จำเป็นต้องวันสงกรานต์อย่างเดียวนะคะ วันทำบุญที่นี่ถือว่าใหญ่ทุกคนต้องกลับมาร่วมกันทำบุญค่ะ

      *****ทุกท่านถ้าหากมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับวันทำบุญเดือน 10 เล่าสู่กันฟังได้นะคะ  แล้วก็อย่าลืมกลับบ้านทำบุญให้กับบรพพบุรุษของท่านด้วยนะคะ****

หมายเลขบันทึก: 134505เขียนเมื่อ 3 ตุลาคม 2007 14:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • มายิ้มๆๆ
  • ตอนอยู่สงขลาได้ทำบุญบ่อยมากในมหาวิทยาลัย
  • แต่ไปเที่ยวนครมีงานชิงเปรตด้วย
  • ขอบดูขนมหู
  • ขอบคุณครับ
  • อันนี้อะไรครับ
  • สูงกว่าตุก 10 ชั้น
ขอบคุณค่ะ ไหมได้แก้ไขแล้ว ขอบคุณที่ชี้แนะค่ะ อิอิ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท