วิเคราะห์เนื้อหามงคลชีวิตข้อที่ ๑ การไม่คบคนพาล
ประเด็นปัญหาเดิม ผู้เขียนตั้งข้อสังสัยว่า ๑) การไม่คบ มีขอบเขตเพียงใด ๒) คนพาล คือคนแบบใด ๓) การคบคนพาลหรือการไม่คบคนพาล มีผลดีผลเสียอย่างไร (ผลดีจากการไม่คบคือมงคลชีวิต ผลร้ายจากการคบคืออวมงคล)
การไม่คบในที่นี้ คือการไม่พูดด้วย การไม่สมาคมด้วย การไม่รับทั้งสิ่งของทั้งตัวบุคคลไว้ในความดูแล พร้อมกับการไม่ให้การสนับสนุนใดๆ เพราะการเข้าไปใกล้คนพาลแม้เพียงนิดเดียวก็ทำให้เขวได้
คนพาลในที่นี้ คือคนที่คิดแต่เรื่องไม่ดี (คิดอยากได้ของๆผู้อื่น คิดปองร้ายผู้อื่น คิดเห็นไม่ตรงกับความถูกต้องโดยรวม) พูดแต่เรื่องไม่ดี (พูดไม่จริง พูดเสียดสีผู้อื่น พูดจาหยาบคาย พูดไร้สาระ) และทำแต่เรื่องที่ไม่ดี (ถือเอาสิ่งของๆผู้อื่นโดยไม่ชอบทางศีลธรรม เช่น บางครั้งเขาให้มาเพราะถูกขอ การให้นั้นเป็นการให้ที่ไม่ได้รับความยินยอมภายใน ดังนั้น การไม่ขอจะดีกว่า ฆ่าและเบียดเบียนสัตว์อื่นให้ได้รับความเดือดร้อน และละเมิดลูกเมียผู้อื่นตลอดถึงนอกกายนอกใจลูกเมียตัวเอง
การคบคนพาลจะมีผลดีก็ต่อเมื่อผู้นั้นต้องการที่จะเป็นคนพาลด้วย จะมีผลร้ายก็ต่อเมื่ออิทธิพลของคนพาลเข้าครอบงำชีวิตของผู้นั้น ทำให้ผู้นั้นกลายเป็นคนพาลไปด้วย โคลงโลกนิติจึงสอนว่า
ปลาร้าพันห่อด้วย ใบคา
ใบก็เหม็นคาวปลา คละคลุ้ง
คือคนหมู่ไปหา คบเพื่อน พาลนา
ได้แต่รายร้ายฟุ้ง เฟื่องให้เสียพงศ์
พร้อมกับภาษิตไทยสอนว่า คบคนให้ดูหน้า ซื้อผ้าให้ดูเนื้อ อย่างไรก็ตาม คำว่าหน้าในที่นี้หมายถึงหน้าต่างใจ บางคราวเราเห็นคนแต่งตัวดีเรียบร้อย นั้นไม่ได้หมายว่าใจเขาจะดี เพราะไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง สิ่งที่มองเห็นอาจไม่ใช่ความจริงก็ได้ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดี ส่วนการซื้อผ้าที่ดี ต้องดูเนื้อของผ้าถึงจะได้ผ้าที่ดีมาสวมใส่ เฉกเช่นการเลือกคบคน จะได้คนที่ดีเป็นเพื่อนหรือมิตรสหายก็ต้องเลือกให้ดี มิฉะนั้นจะนั่งนอนเป็นทุกข์ไปตลอดชีวิต
-------
หมายเหตุ : อันที่จริง ทุกคนเป็นคนดี ชอบสิ่งดีๆ อยากทำสิ่งดีๆ แต่เพราะแพ้ภัยพาลตัวเองจึงทำไม่ได้อย่างใจคิด
ตราบที่คนยังมีความต้องการ ยังมีความโกรธเคือง และยังไม่รู้ตามสภาพที่เป็นจริง คนทุกคนย่อมเป็นพาลได้ บางครั้งเราพลาดอะไรบางอย่างไปเพราะไม่ยับยั้งชั่งใจกลับมานั่งคิดเองว่า เรานี่พาลไม่เข้าเรื่อง เมื่อเกณฑ์ทางศาสนาพุทธบอกว่า คนพาลคือคนที่คิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี ใครก็ตามที่คิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี ก็เป็นพาลในขอบข่ายของศาสนาพุทธ แต่ถ้าผมอยู่ในโลกธุรกิจ ผมอาจจะมองว่า การที่เรามีแผนเหนือชั้นกว่า มีชั้นเชิงที่ดีกว่า ย่อมเป็นสิ่งที่ชาญฉลาดอย่างยิ่ง อันนี้ผมอาจเป็นคนชั้นยอดในวงธุรกิจ แต่อาจเป็นคนระดับล่างในมุมมองของศาสนาพุทธก็เป็นได้
อนึ่ง การที่เราไม่สมาคมกับเพื่อนที่เขาคิดร้ายกับเรา ส่วนหนึ่งเป็นการบอกเพื่อนให้ทราบว่า เธอเล่นไม่ซื่อกับฉัน เหมือนที่ฉันซื่อต่อเธอ ถ้าต้องการอยู่ในวงการซื่อต่อกัน เธอต้องปรับตัวให้ได้ หรือหากเราไม่ซื่อสัตย์กับเพื่อนบางอย่าง เราก็มานั่งทบทวนว่า ทำอย่างไรจะนำความซื่อสัตย์เหล่านั้นกลับคืนมาสู่วงการเราอีก เป็นต้น
ผมคงแสดงความคิดเห็นได้เท่าที่ผมพอจะรู้ ถ้าอย่างไรก็สอบถามท่านผู้รู้อีกทีนะครับ
ขอบคุณครับ
การที่เราไม่ไปคบกับคนพาลนั้นก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะเราจะได้ไม่มีนิสัยที่แย่ๆ เหมือนกับเขา แต่ว่าการที่เราจะป็คนดีหรือคนเลวนั้นบาวงครั้งก็ไม่ได้อยู่ที่เพื่อนเสมอไปการที่เราคบเพื่อนทีไม่ดีไม่ใช่ว่าเรานั้นจะเป็นคนที่ไม่ดี และการที่เราคบเพื่อนที่ดีนั้นก็ไม่ใช่ว่าเราจะเป็นคนที่ดี ถ้าเรเป็นคนดี ไว่เราจะอยูที่ไหนเราก็สามารถที่จะเป็นคนดีได้ แต่ว่าฉันคิดว่าคนเราก็ควรที่จะคิดให้เป็นว่าเราควรที่จะประพฤติตัวอย่างไร เพราะตัวเราเองก็ยังมี พ่อ แม่ พี่ น้อง และคนอื่นๆ อีกมากมายที่เขานั้นยังรักเราอยู่ เราก็ควรที่จะคิดถึงเขาบ้างว่าเขารักเราแค่ไหน เขาได้ทำทุกอย่างเพื่อเรา เพราะฉะนั้นเราก็ควรที่จะเป็นคนที่ดีเพื่อตอบแทนพวกเขาบ้าง
หากเราใช้ความรู้สึกจับการเปลี่ยนแปลงของความคิดอยู่ตลอดเวลา ผมเชื่อว่า คนสมัยก่อนเขามีความคิดที่ละเอียด เพราะเราจะเป็นความเปลี่ยนแปลงทั้งความคิดและพฤติกรรมในระยะยาว บางครั้ง สิ่งที่เราไม่เคยทำ ไม่คิดจะทำ และไม่เห็นด้วยกับการกระทำนั้น วันหนึ่งเราพบว่า เราได้ทำลงไป ทั้งที่ไม่เคยคิดจะทำ บางสิ่งเราไม่เห็นด้วย เมื่อเห็นซ้ำแล้วซ้ำอีก เราก็รับมันได้ และผมก็ยังเชื่อเหมือนกับคุณอัจฉรา ถ้าเราอยากเรียนหนังสือเป็นที่ตั้ง แม้เราจะอยู่ท่ามกลางคนไม่ตั้งใจเรียน เราก็ยังอยากเรียน
ขอบคุณครับ