เลียบยูนนาน สู่ "ต้าหยัน นครโบราณที่ยังไม่ตาย" อัญมณีแห่งลี่เจียง


ในกลุ่มชนชาวน่าซี...."โลกเป็นของผู้หญิง ....สวรรค์เป็นของผู้ชาย"

ติดค้างว่าจะเล่าถึงการร่วมคณะไปกับชมรมท่องเที่ยวอุษาคเนย์ในการเยือน "เมืองแมนที่ปลายฟ้า ลี่เจียง จงเตี้ยน แชงกรีลา" ตั้งแต่เมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้ เป็นการเดินทางไปกับผู้มีคอเดียวกันคือเที่ยวแบบมีสาระและวัฒนธรรม

จะไปลี่เจียงต้องบินจากกรุงเทพไปต่อเครื่องบินในประเทศที่คุนหมิง บินแค่สี่สิบห้านาทีจากคุนหมิงก็ถึงลี่เจียง

มณฑลยูนนานอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีน  นักท่องเที่ยวไทยไปเยือนคุนหมิงกันมากมาย จากกรุงเทพเราก็ค่อยๆไต่ความสูงไปเรื่อยๆ คุนหมิงนั้นสูงจากระดับน้ำทะเลแค่ 1,800 เมตร (เด็กๆ)

ลี่เจียงสูงจากระดับน้ำทะเล 2,400 เมตร และ จงเตี้ยน 3,300 เมตร

ที่สูงที่สุดในการเดินทางนี้คือ การขึ้นไปชมความงามของธารน้ำแข็ง (Glacier)ที่ระดับความสูง 4,506 เมตรบนภูเขาหิมะมังกรหยกซึ่งมียอดสูง 5,596 เมตร เป็นการเดินทางที่ทดสอบความแข็งแรงของร่างกาย โดยเฉพาะคนที่คิดจะไปธิเบตซึ่งสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 6,000 เมตร

ภาพนี้นำมาจากหนังสือท่องเที่ยว Yunnan, A Land of Multiple Colors ตอนที่ไปภาวะโลกร้อนทำให้อากาศวิปริต แทนที่จะได้เห็นฤดูใบไม้ผลิ กับเจอฝนทุกวัน และทุกที่ที่ไป ยอดเขาหิมะมังกรหยกที่มีหิมะปกคลุมยอดเมื่อมองจาก "สระมังกรดำ" อันเป็นแหล่งเก็บน้ำที่ละลายจากภูเขาที่เห็น และเป็นต้นธารของสายน้ำที่ไหลเข้าไปหล่อเลี้ยงเมืองโบราณต้าหยันของชาวน่าซี ตอนไปที่สระมังกรดำ ฝนตกมองภูเขาไม่เห็นเลย

 

ตั้งแต่โบราณกาลชาวเมืองได้สร้างเขื่อนริเวณตาน้ำทำให้เกิดสระมังกรดำ แล้วขุดลำเหมืองสามสาย ไหลซอกซอนเข้าไปในเมือง ถือเป็นภูมิปัญญาด้านการชลประทานอันยอดเยี่ยม เป็นที่มาของชื่อเมือง "ลี่เจียง" ที่แปลว่าเมืองน้ำสวย(ภาพนี้ก็มาจากหนังสือเล่มเดียวกัน)

 

ภาพนี้ถ่ายเอง ฝนตกตลอดเวลา ที่เห็นเป็นกลุ่มๆสีส้มๆในน้ำคือปลาคาร์พ เยอะมาก มีตลอดสายน้ำ เขาบอกว่าเป็นเครื่องพิสูจน์ความสะอาดของน้ำ เพราะปลาชนิดนี้จะไม่อยู่ในน้ำสกปรก

เมืองลี่เจียง อยู่ในแขวงปกครองตนเองของชาวน่าซี (ฟังทีแรกงงๆว่าเกี่ยวอะไรกับพวกนาซีมั้ยนะ) ภาษาอังกฤษเขียนว่า Naxi บางทีก็ออกเสียงว่า หน่าซี ผู้เขียนเลยจำง่ายๆว่าเป็นชาว "น่าsee" หรือน่าดูน่าชม

 

บ้านเรือนเขาน่ารักมากและเป็นของเดิม หรือบูรณะจากของเดิม ร้านค้าจะอยู่ริมสายน้ำหลัก ส่วนบ้านอยู่อาศัยจะอยู่ถัดเข้าไป บานประตู หน้าต่างแกะสลักลวดลายอย่างสวยงาม ทางเดินเท้าลาดด้วยก้อนศิลาที่ถูกผู้คนฝากรอยอดีตจนเป็นมันวาว ฝนตกๆอย่างนี้ มองบ้านเรือนเพลิน มีโอกาสพิจารณาหินอย่างใกล้ชิด  

ถนนในเมืองโบราณจะไปพบกันที่จัตุรัส เป็นที่พบปะ มีร้านค้า มีกิจกรรมเพื่อนักท่องเที่ยวแต่ก็พยายามรักษาความเป็นตัวของตัวเองไว้ได้อย่างดีมาก ในภาพคุณกฤช ผู้ก่อตั้งชมรมท่องอุษาคเนย์(ร่วมกับคุณธีรภาพ โลหิตกุล และคุณจิระนันท์ พิตรปรีชา เที่ยวนี้สองท่านนี้ไม่ได้ไปด้วย) กำลังเล่าเรื่องและพากันขึ้นไปชมเมืองโบราณจากที่สูง

ขอยืมภาพมาจากหนังสือเพราะวันที่ไปอากาศมันมัวซัวมาก เมืองลี่เจียงนั้น ส่วนที่เป็นเมืองโบราณนี้เขาเรียกว่า "เมืองโบราณต้าหยัน" มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปีเชียวนะ สะท้อนถึงการเป็นชนเผ่าที่มีอารยธรรมสูงส่งมาช้านานของเผ่านะซีผู้สร้าง"วัฒนธรรมตงปา" ตงปานั้นแปลว่า นักปราชญ์

กระแสการท่องเที่ยวที่ถาโถมมายังลี่เจียง กำลังทำให้เมืองโบราณต้าหยันถูกโอบล้อมด้วยเมืองใหม่ที่ขยายตัวแบบตะวันตก ชาวบ้านที่อยู่อาศัยในเมืองโบราณก็ชักอยากเปลี่ยนสภาพบ้านเรือนมาเป็นแบบสมัยใหม่ให้อยู่สะดวกสบายขึ้นกว่าบ้านไม้

 

ในกลุ่มชนชาวน่าซี...."โลกเป็นของผู้หญิง ....สวรรค์เป็นของผู้ชาย"

ที่เห็นเป็นวงกลมๆหลังชุดประจำเผ่าของผู้หญิงสูงอายุน่าซีเป็นสัญญลักษณ์แทนดวงดาวเจ็ดดวง จำไม่ได้ว่าดาวอะไร แต่การที่ผู้หญิงน่าซีนั้นเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้หญิงที่ทำงานหนักที่สุดในโลก เลยมีคนตีความว่า ดาวเจ็ดดวงที่ปักไว้ข้างหลังชุดนั้นหมายถึงการทำงานหนักตลอดเจ็ดวันในหนึ่งสัปดาห์ เป็นงานหนักเสียด้วย ทำงานทั้งกลางวัน กลางคืน และในไร่นาและงานในบ้าน ขณะที่ผู้ชายจะทำสวนครัวเล็กๆข้างบ้าน เลี้ยงนก เขียนบทกลอนและดีดสีตีเป่า ช่างเป็นสวรรค์ของผู้ชายเสียเสียจริงๆ

ตอนหน้าจะพาชม"กลองหิน" ที่ขงเบ้งสั่งให้แกะสลัก แม้กลองหินนี้ตีไม่ได้ แต่กลับมีเสียงแห่งชัยดังระบือไกล

 

 

หมายเลขบันทึก: 133021เขียนเมื่อ 29 กันยายน 2007 16:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

เมืองจีน เป็นเมืองที่มีเสน่ห์กับคนที่ไปเสมอ

การท่องเที่ยวจีน ดูจะมีนักท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อยๆนะคะ

ขอบคุณที่นำเรื่องดีดี ภาพสวยๆ มาให้อ่านและชมค่ะ

สวัสดีค่ะคุณอุบล P จำนวนนักท่องเที่ยวของจีนเพิ่มมากขึ้นทุกปี และรัฐบาลเขาก็เน้นการทำให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกมากขึ้น เช่นระบบถนนหนทางระหว่างเมืองนั้น ดีมาก เกินความคาดหมาย ที่พักในเมืองท่องเที่ยวก็ทำอย่างดี แม้ว่าการบริการจะเป็นแบบว่าพนักงานนั้นยังตามความเจริญทางวัตถุ การใช้ชีวิตแบบตะวันตกไม่ทัน

แต่ชื่อเสียงที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือเรื่องของห้องน้ำเมื่อออกนอกเมืองใหญ่

การท่องเที่ยวแบบนี้ทำให้เราได้ย้อนกลับมามองตนเองดีค่ะ

Two+worlds

พอหันหลังให้ประตูนครโบราณก็เป็นอีกโลกที่อยู่ติดกัน เป็นโลกแบบตะวันตก ร้านรวงสมัยใหม่ากมายค่ะ

ขอบคุณที่แวะมาค่ะ

  • ...."โลกเป็นของผู้หญิง ....สวรรค์เป็นของผู้ชาย"
  • หลายที่ในโลกใบนี้นะคะ..ที่ใช้แรงงานผู้หญิง
  • ดีใจที่เป็นหญิงไทยคะ...เพราะในสมัยปัจจุบันไม่ค่อยมีความเหลื่อมล้ำกันนะคะ
  • ดูบรรยากาศแล้วเป็นเมืองน่าท่องเที่ยวจริงๆนะคะ..เคยไปแต่แถวปักกิ่งคะ
  • จีนเติบโตแบบก้าวกระโดดมากเลยคะ..เห็นเด็กวัยรุ่นแต่งตัวทันสมัย..เดินโอบกอดกันเป็นเรื่องปรกติเลยนะคะ

สวัสดีค่ะ

P

อาจารย์มีข้อมูลไหมคะ ว่า ทำไม เขาถึงให้เครดิตผู้ชายจังเลย...

ผู้หญิงน่าซีนั้นเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้หญิงที่ทำงานหนักที่สุดในโลก เลยมีคนตีความว่า ดาวเจ็ดดวงที่ปักไว้ข้างหลังชุดนั้นหมายถึงการทำงานหนักตลอดเจ็ดวันในหนึ่งสัปดาห์ เป็นงานหนักเสียด้วย ทำงานทั้งกลางวัน กลางคืน และในไร่นาและงานในบ้าน ขณะที่ผู้ชายจะทำสวนครัวเล็กๆข้างบ้าน เลี้ยงนก เขียนบทกลอนและดีดสีตีเป่า ช่างเป็นสวรรค์ของผู้ชายเสียเสียจริงๆ

  • ออตสนใจเรื่อง genderครับ ยิ่งได้อ่านก็ยิ่งน่าสนใจ
  • ในแถบอีสาน เกือบทุกชาติพันธุ์ให้เกียรติผู้หญิงมาก
  • คนไทลาว บทบาทและอำนาจจริงอยู่ที่แม่หญิงในบ้าน แต่ข้างนอกจะให้เกียรติผู้ชาย
  • ผู้หญิงมีบทบาทด้านพิธีกรรมและสื่อโลกลี้ลับได้
  • เรื่องเล่านี้น่าสนใจมากๆๆๆ

 สวัสดีค่ะคุณnaree suwanP ดีใจที่เกิดเป็นคนไทย และเกิดเป็นผู้หญิงไทยสมัยปัจจุบันเช่นกันค่ะ

เมืองที่น่าท่องเที่ยวของจีนยังมีอีกหลายเมืองนะคะ คิดว่าน่าจะทยอยเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านให้มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน สมัยก่อนที่ยังทำงานมีเหตุให้ต้องไปเมืองฝรั่งมาก น่าจะเห็นพอสมควรแล้ว

การไปเห็นเพื่อนบ้านเราเติบโตไปในแบบตะวันตกมากๆอย่างไม่รู้เท่าทัน ทำให้ได้ข้อคิดหลายอย่าง และมองเห็นความเสื่อมของจิตใจวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมที่จะเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องเกิดแน่ๆค่ะ

สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์ น่าเห็นใจผู้หญิงน่าซีนะคะ ปัจจุบันคนรุ่นเก่าที่เป็นแม่เฒ่า ยังคงรักษาการดำเนินชีวิตแบบเดิมไว้ แต่เด็กรุ่นใหม่นี้ก็ไม่เอาด้วยแล้วค่ะ พากันแต่งกายสมัยใหม่ ทำตัวเหมือนวัยรุ่นทั่วไป

ไม่มีข้อมูลค่ะว่าทำไมเขาจึงให้เครดิตผู้ชายมากจัง เมื่อดูจากประวัติศาสตร์ของมนุษย์ในสังคมส่วนใหญ่ที่มีการสู้รบ หรือเผชิญกับศึกสงครามบ่อยๆ หรือสังคมที่ต้องล่าสัตว์เพื่อเลี้ยงเผ่าของตน ผู้ชายมักจะเป็นใหญ่นะคะ ส่วนสังคมที่มีความสงบ ทำการเกษตร ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ผู้หญิงก็จะมีบทบาทมากขึ้นแม้ไม่เหนือกว่าก็ไม่ถูกกดขี่จนเกินไป หรือมีการแบ่งบทบาทสำคัญกัน

ไปเห็นแล้วมองเห็นความโชคดีของหญิงไทยเลยค่ะ คิดว่าสังคมแบบพุทธ ช่วยให้เกิดปัญญาในการใช้ชีวิต และมีเมตตาในการปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างมีหัวใจ

สวัสดีค่ะคุณออตP ขอบคุณที่มาอ่านและคิดว่าเรื่องที่เล่าน่าสนใจ มาแบ่งปันความรู้ และความรู้สึกกันค่ะ

พี่ก็สนใจเรื่องของgender ในชาติพันธุ์ต่างๆค่ะ ได้เห็นแง่มุมชีวิตที่บางทีเราก็คิดไม่ถึง นานๆเราจึงจะเห็นสังคมดั้งเดิมที่ให้เกียรติผู้หญิงมากนะคะ ที่จริงสังคมแบบฝรั่งนั้นกว่าจะมาเป็นวันนี้ ผู้หญิงต้องต่อสู้มากมายเพื่อสิทธิ์ของการที่เป็นมนุษย์เหมือนๆกัน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท