สุภาพบุรุษครูกฎหมายชื่อ คนึง ฤาไชย


วันนี้คนพลัดถิ่นต้องขออนุญาต fade out จากเวที เพื่อให้สุภาพบุรุษฯเป็นตัวเอกแทน

สุภาพบุรุษครูกฎหมาย       เมื่อหลายวันก่อนคณะเรามีโอกาสต้อนรับท่านอาจารย์ซึ่งเป็นครูกฎหมายอาวุโส ซึ่งไม่เพียงมีคุณวุฒิมากมายหลายปริญญาด้านกฎหมายจากเมืองผู้ดี แต่ท่านยังมีคุณสมบัติตลอดจนบุคคลิกภาพถอดแบบผู้ดีเมืองอังกฤษทุกกระเบียดนิ้วชนิดที่เดินไปทางไหนนักศึกษาที่เดินสวนทางมาจะต้องหยุดเดินและยกมือไหว้ทำความเคารพแสดงการทักทายอาคันตุกะท่านนี้ ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกัน และไม่อาจคาดหวังว่าจะได้รู้จัก เนื่องจากเราอยู่ในตึกเรียนรวมของมหาวิทยาลัยซึ่งมีนักศึกษาตั้งแต่คณะวิศวฯ วิทยาศาสตร์ เกษตร ไปจนถึง ศิลปศาสตร์ และรัฐศาสตร์ ซึ่งไม่อาจรู้ได้ว่าผู้อาวุโสท่านนี้มาเยี่ยมใครที่ตึกนี้หนอ ไม่นับนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ที่จะพอทราบเป็นเลาๆว่า เรามีครูบาอาจารย์อาวุโสมาบรรยายให้นักศึกษาปีสี่และคณาจารย์ของคณะเรา แต่สิ่งที่ท่านตั้งข้อสังเกตกลับเป็นว่า นักศึกษาที่นี่น่ารักนะ ในความหมายว่า นักศึกษารู้จักมีการทักทายกับผู้ใหญ่โดยที่ไม่จำเป็นต้องรู้จักกันอย่างเป็นทางการก่อน หากแต่แสดงการทักทายในฐานะที่เป็นเด็กและในฐานะที่เป็นเจ้าบ้าน ทั้งที่ตึกของเราก็มีผู้ใหญ่เดินเข้าเดินออกประจำ แต่ดิฉันก็ยังไม่เคยเห็นนักศึกษาหยุดแสดงความเคารพทั้งแถวเลย เหตุผลของดิฉันจึงเทไปให้ว่าเป็นเพราะบุคคลิกภาพที่น่านับถือของท่านอาจารย์เพียงประการเดียวจึงทำให้นักศึกษาที่เดินสวนไปมาต้องหยุดยืนทำความเคารพท่านก่อนที่จะต้องรีบเดินเข้าห้องเรียน            การตั้งข้อสังเกตของท่านทำให้ความนิยมในตัวท่านทวีคูณขึ้น เพราะท่านบอกว่านักศึกษาน่ารัก ทั้งที่ความจริงควรจะเป็นเพราะว่า ท่านเป็นผู้อาวุโสที่น่านับถือต่างหาก จึงได้เกิดปรากฏการณ์เช่นนั้นขึ้น ผู้ใหญ่เช่นนี้แหละที่สังคมของเราต้องการ ใครที่เจอท่านอื่นๆอีกช่วยเขียนมาเล่าด้วยเพื่อเราจะได้ช่วยกันอนุรักษ์ท่านเหล่านี้ไว้ประดับสังคมไทยต่อไป            ไม่เพียงบุคคลิกภาพที่น่าเลื่อมใสเท่านั้น แต่ท่วงทำนองตลอดจนความคิดเห็นและวิธีการที่ร่วมสนทนาก็น่าประทับใจ แม้วลีคำพูดอาจฟังแล้วไม่คุ้นเคย แต่อากัปกริยาที่อ่อนน้อมถ่อมตนของท่านก็ทำให้คำพูดที่ว่า ถึงงั้นเชียวหรือ ไม่ได้มีความหมายแสดงความไม่เชื่อถือในคำพูดของผู้เล่าเรื่องแต่ประการใด แตเป็นที่เข้าใจได้ว่าเป็นเพียงการรับคำแสดงความใส่ใจในเรื่องที่ถูกถ่ายทอดออกมาสู่ผู้ฟัง และทำให้ผู้เล่ามีความเพลิดเพลินในการสนทนากับท่านต่อไปอย่างไม่รู้เบื่อ          น่าแปลกก็คือเบื้องหลังของบุคคลิกที่สงบเยือกเย็นและนิ่มนวลเช่นนี้ ท่านเคยเป็นทั้งทนายแผ่นดินและนักการเมือง(แม้จะเป็นรายการคุณขอมาก็ตาม) และปัจจุบันชื่อของท่านยังเป็นชื่อของสำนักงานทนายความนามอุโฆษ ซึ่งน่าจะไม่มีใครไม่รู้จัก และท่านยังดำเนินงานอยู่แม้จะอยู่ในวัยใกล้ 7 รอบก็ตามที ดิฉันอยู่กับท่านตั้งแต่ 7.15 น.จนถึงเกือบๆ 18.00 น. ของวันเดียวกัน ก่อนจะส่งท่านขึ้นเครื่องบินกลับไปสู่งานและครอบครัวของท่าน ต้องยอมรับเลยว่า รู้สึกได้ถึงความสงบในใจของตัวเองซึ่งเกิดจากการที่มีท่านอาจารย์เป็นภาวะแวดล้อม แม้ขณะที่กำลังเขียนอยู่นี้ก็ยังรู้สึกถึงสิ่งนั้นอยู่ ถึงได้บันทึกไว้ว่าน่าแปลกที่สุภาพบรุษในบุคคลิกเช่นนี้จะเคยเป็นนักการเมืองเมื่อปี 2520 ซึ่งถ้าเป็นเรื่องของคอมพิวเตอร์ ดิฉันว่าต้องใช้ศัพท์ว่า uncompatible จึงจะเข้าเค้า            โครงการฝึกอบรมในครั้งนี้ของเราเพื่อการพัฒนาการเรียนการสอนกฎหมายของคณาจารย์ในคณะ ซึ่งเรามิได้มีหัวข้อสำหรับให้ท่านบรรยายเป็นการเฉพาะเจาะจง การบรรยายของท่านอาจารย์ในวันนั้นจึงเป็นการทบทวนประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งเมื่อฟังจนจบแล้ว ดิฉันก็รู้สึกว่า วันนี้ประเทศไทยก็ยังมีชะตากรรมแบบเดิมๆ เช่นเดียวกับปี 2520 ผิดกันแต่ว่า วันนี้คนแบบท่านอาจารย์มีเหลือน้อยลงเรื่อยๆ แล้วเราจะเดินไปทางไหนกัน(ดี)

            ภาษิตเซนบอกว่า สอนโดยไม่สอน จึงโดนใจดิฉันมากเมื่อมีท่านอาจารย์มาสอนชีวิตให้กับเราเพื่อให้เราพัฒนาการเรียนการสอนด้วยตัวของเราเอง แต่ดิฉันคงจะโชคดีกว่าอาจารย์หลายท่านเพราะท่านมาเป็นอาจารย์พิเศษในวิชากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลซึ่งเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของดิฉัน ดังนั้นจึงได้มีโอกาสเรียนหนังสือกับท่านเกือบตลอดเวลาที่ท่านอยู่กับเรา เมื่อสนทนากันถึงปัญหาบ้านเมือง ซึ่งแน่นอนว่า สุภาพบุรุษย่อมไม่กล่าวร้ายหรือกระทั่งพาดพิงบุคคลอื่นที่ไม่ได้อยู่วงสนทนากับเรา แต่ท่านอาจารย์พูดอยู่คำหนึ่งว่า การแก้ไขปัญหาบ้านเมืองต้องไม่มีอคติและไม่มีปัญหาผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่ได้ลงรายละเอียด คงทิ้งไว้เป็นปริศนาต่อไปสำหรับผู้ฟังอย่างดิฉันที่จะต้องตีความต่อไป

            ในระหว่างทานอาหารเช้า ท่านอาจารย์สอบถามดิฉันเกี่ยวกับงานสอน ดิฉันก็เลยเล่าให้ท่านฟังว่า เมื่อวานลูกศิษย์เพิ่งจะคอมเม้นท์ว่า สอนไม่รู้เรื่อง พูดจาสับสน ยกตัวอย่างมากไป เล่าแล้วดิฉันก็หัวร่อ(เพื่อให้ผู้ร่วมสนทนาสบายใจขึ้นเล็กน้อย) และแถมความในใจให้ท่านทราบว่า งานที่ทำอยู่ก็ดีแม้จะจั๊บฉ่ายไปหน่อยเพราะสอนหลายวิชา ท่านก็รับฟังแบบผู้ใหญ่ ปรากฏว่าพอถึงชั่วโมงบรรยาย ท่านก็เล่าเรื่องความไม่สำเร็จสมัยที่ท่านเป็นอัยการใหม่ๆ และตบท้ายด้วยความสำเร็จของท่านซึ่งเริ่มต้นจากความไม่สำเร็จในครั้งนั้นให้ทั้งนักศึกษาและคณาจารย์ฟัง ดังนั้น ไม่ว่าจะเกี่ยวกับที่เราคุยกันบนโต๊ะอาหารหรือไม่ก็ตาม แต่ดิฉันก็ต้องถือว่าท่านอาจารย์ได้กรุณาให้ความคิดและกำลังใจแก่ดิฉันอย่างมหาศาล

            อีกประการหนึ่งที่น่าประทับใจคือ การมีวิธีคิดที่เป็นบวกที่เรียกว่า positive thinking  ของท่านอาจารย์ เกี่ยวกับเรื่องที่อียูจะเข้ามาสังเกตการณ์ การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศของเรา ตอนทีแรกท่านก็รู้สึกไม่ต่างจากคนอื่นว่า อียูจะมายุ่งอะไรด้วย แต่มาคิดอีกทีท่านว่า ก็ดีเหมือนกัน เท่ากับว่าอียูกำลังจะเป็นผู้การันตีแก่เรา หากเราจัดการเลือกตั้งได้มาตรฐาน (แม้ว่าอียูจะยุ่งไปหน่อยก็ตาม) ดังนั้นประเทศไทยก็ไม่ต้องกลัวอะไรนอกจากกลัวจัดการเลือกตั้งไม่ดีพอ นี่คงจะเป็นอีกหน้าหนึ่งของเหรียญ(จตุคาม ?)เรื่องที่เขียนคราวนี้ถือเป็นความรู้สึกนึกคิดส่วนตัวโดยแท้ที่ได้มีโอกาสเป็นลูกศิษย์แม้ในช่วงเวลาสั้นๆของสุภาพบุรุษครูกฎหมายอาวุโสชื่อ  “ คนึง ฤาไชย “ซึ่งคงไม่ต่างจากคนอื่นๆที่ได้มีโอกาสรู้จักกับท่านอาจารย์หมายเหตุ ความน่ารักของผู้ใหญ่คือการมองเห็นความสำคัญของคนเล็กๆ การให้เกียรติแก่ทุกคนที่พบปะ ท่านอาจารย์ได้กรุณาโทรกลับมาในอีกวันหนึ่งเพื่อกล่าวคำขอบคุณที่คณะและคณาจารย์ให้การต้อนรับท่าน ทั้งที่ความจริงคือท่านต้องเคลียร์คิวนัดหมายบุคคลในธุรกิจหลายรายเพื่อมาบรรยายให้พวกเราเป็นการเฉพาะ และเลือกที่จะกล่าวขอบคุณกับดิฉัน ทั้งที่ท่านไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ แต่นี่คือสุภาพบุรุษที่เป็นครูสอนกฎหมายโดยจิตวิญญาณชื่อ คนึง ฤาไชย ที่นักศึกษาพากันขอลายเซ็นต์และถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เราหวังว่าท่านอาจารย์จะได้ให้โอกาสพวกเราต้อนรับท่านอีก.....นะคะ
คำสำคัญ (Tags): #ครูกฎหมาย
หมายเลขบันทึก: 132766เขียนเมื่อ 28 กันยายน 2007 19:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 13:16 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เพิ่งมาอ่านจ๊ะ

อ่านแล้วอยากฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์มาก ติดกันมา ๒ เรื่องแล้วนะ

จะส่งให้ ท่านอาจารย์คนึงอ่าน

ผมจบกฎหมายมานานมากแล้ว

ตอนเรียนก็ใช้ตำราของท่าน

แต่ยังไมเคยได้ฟังบรรยาย หรือเจอตัวเป็น ๆ ท่านเลย

อยากมีโอกาสบ้างซักครั้ง 

 

ชลฤทัย แก้วรุ่งเรือง

เห็นด้วยกับพี่ตุ๊กอย่างยิ่งค่ะ

ท่านเป็นครูกฎหมายที่ยิ่งใหญ่ในใจของชลด้วยเหมือนกัน

เมื่อมีโอกาสได้ใกล้ชิดก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก ที่ในแวบแรกเดียว เราก็สามารถที่จะรักและเคารพท่านอย่างได้หมดใจ อาจเป็นเพราะเรารู้สึกได้ถึงความเอ็นดูที่ท่านอาจารย์มีต่อพวกเราแม้เราเป็นเด็กที่ท่านไม่เคยรู้จัก

อาจารย์เป็นผู้ให้เสมอ เป็นสุภาพบุรุษ ให้ความเคารพผู้อื่น อาจารย์เป็นหนึ่งในใจ เป็นผู้ใหญ่ที่ชลเคารพยิ่ง และรักท่านเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิด

จะนำสิ่งที่ได้จากอาจารย์มาใช้ให้เป็นประโยชน์ และส่งต่อให้ผู้อื่นค่ะ

เรียนอาจารย์แหวว

เทปของท่านอาจารย์จรัญได้ฝากน้องรัตน์ไว้แล้ว ส่วนเทปบของท่านอาจารย์คนึงฝ่ายโสตของคณะฯกำลังดำเนินการตัดต่ออยู่ค่ะ ต่อไปจะลองอัดเอง ส่วนเทปที่มีเสียงนศ.เรื่องดอนโจดอยู่ในซีดีที่วันนี้ฝากน้องรัตน์ไว้แล้ว(ครั้งที่ 6)

ตุ๊กค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท