ตั้งใจเอาไว้ว่าจะเล่าเรื่องประชุมเครือข่ายฯสัญจรให้อ่านไปเรื่อยๆค่ะ เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้เลยก็แล้วกันนะคะ ในการประชุมครั้งนี้ถ่ายวีดีโอไว้ด้วย กำลังรอลุ้นอยู่ค่ะว่าจะได้ยินเสียงหรือเปล่า เพราะ ไมล์มีอยู่ตัวเดียวตรงที่ประธานฯนั่ง ส่วนผู้เข้าร่วมประชุมคนอื่นๆเวลาตอบคำถามหรืออภิปรายจะใช้เสียงของตัวเองสดๆเลย แต่ดวงวันนี้ไม่รู้เป็นยังไงค่ะ คนที่รู้เรื่องและจัดการเกี่ยวกับวีดีโอได้หายไปหมดเลย คนหนึ่งไม่สบาย อีกสองคนคุณพ่อป่วยพร้อมกัน (โดยไม่ได้นัดหมาย) ก็เลยยังไม่รู้ผลค่ะว่าจะเป็นยังไง แต่ถ้าไม่ได้ยินเสียงจริงๆก็ไม่เป็นอะไรค่ะ ดูแต่ภาพเคลื่อนไหวก็คงได้บรรยากาศไปอีกแบบหนึ่งค่ะ ส่วนเสียงนั้นเราอัดเทปเอาไว้ด้วยค่ะ คงจะพอแก้ขัดไปได้ (หรือว่าจะไม่ได้ก็ไม่รู้ค่ะ เพราะว่า ไม่รู้จะอัดเสียงที่ไม่ได้ออกไมล์ติดหรือเปล่า วันนี้ก็ตั้งใจจะเปิดฟัง แต่ผู้วิจัยดันลืมเทปทิ้งไว้ในรถอาจารย์พิมพ์ ซึ่งอาจารย์พิมพ์ไปกรุงเทพฯกว่าจะกลับก็วันพฤหัสค่ะ คงต้องรอถึงวันนั้นถึงจะรู้ผล)
สำหรับการประชุมนั้นเริ่มต้นประมาณ 09.50 น. (เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คณะกรรมการต้องทบทวนและหาทางแก้ไขค่ะ เพราะ โดยปกติแล้วจะเริ่มต้นประชุมเวลา 09.00 น. ทุกครั้ง แต่ก็ทุกครั้งอีกนั่นแหละค่ะที่ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่จะมาสาย ทำให้เริ่มประชุมช้ากว่ากำหนด ในขณะที่เรื่องที่ต้องเอาเข้าประชุมมีมาก ทำให้กว่าจะเลิกก็บ่ายเกือบคำ หรือไม่ก็ประชุมได้ไม่ครบทุกเรื่องค่ะ) คุณสามารถในฐานะประธานเครือข่ายฯและประธานฯในที่ประชุมกล่าวทักทายผู้เข้าร่วมประชุม (เล็กน้อย) จากนั้นก็ขานชื่อกลุ่มต่างๆที่มาเข้าร่วมประชุม ปรากฎว่าในขณะนั้นมีกลุ่มที่มาถึงแล้วประมาณ 11 กลุ่ม ขาดไปประมาณ 9-10 กลุ่ม (เดิมเครือข่ายฯมีสมาชิก 19 กลุ่ม แต่เมื่อเดือนที่ผ่านมาได้สมาชิกใหม่มาอีก 2 กลุ่มค่ะ คือ กลุ่มบ้านศรีบุญเรือง และกลุ่มพระบาทวังตวงซึ่งแยกออกมาจากกลุ่มบ้านแม่พริก) เป็นที่น่าสังเกตว่าในครั้งนี้กลุ่มบ้านศรีบุญเรืองมาร่วมประชุมด้วย โดยส่งตัวแทน คือ ลุงมนุษย์ เดชะ ส่วนอีกคนหนึ่งผู้วิจัยไม่ทราบชื่อจริงๆค่ะ ตั้งใจว่าจะถามหลายครั้งแล้ว แต่ไม่มีโอกาส (ลืม) ทุกครั้งเลยค่ะ ส่วนกลุ่มพระบาทวังตวงไม่มีตัวแทนมาเข้าร่วมประชุมค่ะ ทำให้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะเข้ามาเป็นสมาชิกของเครือข่ายฯหรือเปล่า นอกจากนี้แล้วข้อสังเกตอีกข้อหนึ่งที่น่าชื่นชมและเป็นนิมิตรหมายที่ดีของการประชุมสัญจรก็คือ ผู้เข้าร่วมประชุมมามากกว่าทุกครั้งค่ะ (ถึงแม้จะมาช้าก็ตาม) บางคนไม่ค่อยคุ้นหน้าเลยค่ะ บางคนมานานๆครั้ง ผู้วิจัย (แอบ) ได้ยินว่า ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นและตื่นตัวที่ได้เปลี่ยนบรรยากาศใหม่ๆ ได้เห็นตัวอย่างที่น่าชื่นชมของกลุ่มแม่ทะ และอยากให้มีการประชุมอย่างนี้ไปเรื่อยๆค่ะ
พอเช็คชื่อเสร็จ ประธานฯได้กล่าวชื่นชมกลุ่มแม่ทะ-ป่าตันเกี่ยวกับการจัดงานว่าทำได้ดีมาก ซึ่งดูเหมือนว่าทุกคนจะเห็นด้วย เพราะ ต่างร่วมกันปรบมือเพื่อเป็นกำลังใจและเป็นการขอบคุณทางกลุ่มที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น หลังจากนั้นประธานฯได้กล่าวถึงวาระการประชุมอย่างคร่าวๆก่อนการเข้าเรื่องประชุมอย่างเป็นทางการ
วาระที่ 1 เรื่องแจ้งให้ทราบ
สำหรับวาระนี้มีเรื่องแจ้งให้ทราบจำนวน 2 เรื่อง คือ เรื่องมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ และ เรื่องตำบลละแสน มีรายละเอียดโดยสรุปดังนี้ค่ะ
เรื่องที่หนึ่ง ประธานฯแจ้งว่าตนเองได้มีโอกาสไปร่วมประชุมกับทางมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้ทางมูลนิธิฯกำลังศึกษาเรื่องนโยบายการออม มี ศ.ดร. ดิเรก จากมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นหัวหน้าโครงการ นอกจากนี้แล้วทางมูลนิธิฯ (มสช.) จะเข้ามาเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน "ประชาสัมพันธ์และขยายผล" ให้กับทางเครือข่ายฯ ด้วย ซึ่งทางอ.วิไลลักษณ์ได้ส่งโครงการไปแล้ว สำหรับวัตุถประสงค์ของงานนี้นั้นประธานฯบอกว่าเพื่อต้องการให้เรื่องวันละบาทของลำปางขยายผล ให้เป็นเรื่องของสาธารณะ
เรื่องที่สอง เรื่องตำบลละแสน ประธานฯบอกว่าแต่ละกลุ่มต้องส่งรายงานความก้าวหน้า คาดว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์น่าจะมีการกระจายเงินงวดที่ 1 ลงมา ขณะนี้ขอให้แต่ละตำบลไปเตรียมความพร้อมใน 3 เรื่อง คือ
1.การบริหารจัดการที่ชัดเจน โปร่งใส ตรวจสอบได้
2.การขยายผล
3.การเชื่อมประสานกับหน่วยงานสนับสนุน
หากกลุ่มใดมีปัญหาขอให้ประสานมาทางเครือข่ายฯ เพื่อที่ทางเครือข่ายฯจะได้ลงไปช่วยทำความเข้าใจ
เมื่อกล่าวมาถึงส่วนนี้คุณกู้กิจเป็นบุคคลแรกในการประชุมวันนี้ที่ยกมือขึ้นถามประธานฯ และมีการโต้ตอบไปมาอยู่ครู่หนึ่ง
คุณกู้กิจเริ่มต้นคำถามด้วยการถามยำความเข้าใจเกี่ยวกับการเตรียมตัวในเรื่องการสนับสนุนงบประมาณตำบลละแสน (ขอสารภาพค่ะว่าผู้วิจัยนั่งอยู่ไกลก็เลยไม่ค่อยได้ยินว่าถามว่าอะไร แต่ก็พอจับความได้ว่าถามในลักษณะนี้ จากคำถามของคุณกู้กิจนั้นผู้วิจัยคิดว่าคุณกู้กิจนั้นมีทักษะของคุณอำนวยมากพอสมควร เพราะ เป็นคำถามยำในลักษณะที่ตรวจสอบว่าคำพูดของประธานฯหมายความว่าอย่างไร/หมายความว่า....หรือเปล่า) ซึ่งประธานฯก็ตอบค่ะ แต่ผู้วิจัยก็ขอสารภาพ (อีกครั้ง)ค่ะว่าจับความไม่ค่อยได้ ไม่รู้ว่าตัวเองไม่เข้าใจคำตอบ หรือไม่ตั้งใจฟังก็ไม่ทราบค่ะ (แต่ไม่เป็นไรค่ะ เพราะ ยังไงก็ต้องถอดเทปออกมาอยู่ดี)
เมื่อคำถาม-คำตอบแรกผ่านไป คำถามที่สองก็ตามมาติดๆค่ะ โดยคุณกู้กิจได้ตั้งคำถามต่อว่า เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมากลุ่มสวัสดิการวันละ 1 บาทของบ้านดอนไชยได้จัดเวทีร่วมกับทางอำเภอ อย่างนี้ถือว่าเป็นการทำงานร่วมมือกันหรือไม่? ซึ่งในคำถามนี้ประธานฯตอบว่า การเชื่อมประสานนั้นต้องทำในรูป "บันทึกความร่วมมือ" (ตรงนี้ผู้วิจัยไม่แน่ใจว่าประธานฯตอบในความหมายของเรื่องตำบลละแสน หรือ ตอบในความหมายทั่วๆไป แต่ไม่ว่าจะตอบในความหมายใด ผู้วิจัยคิดว่าไม่น่าจะใช่ทั้งหมด "บันทึกความร่วมมือ" น่าจะเป็นเพียงหลักฐานทางราชการหรือหลักฐานอย่างเป็นทางการเท่านั้น การเชื่อมประสานในความหมายของโครงการวิจัยการจัดการความรู้ หรือแม้กระทั่งในโครงการตำบลละแสนน่าจะมากกว่านั้น ผู้วิจัยคิดว่าน่าจะหมายถึงการเคลื่อนงานหรือการทำงานร่วมกัน การเกื้อหนุนกันมากกว่า แต่ก็ได้แต่คิดนะคะ ไม่ได้ออกความเห็นอะไรไป)
คุณกู้กิจถามคำถามต่อทันทีว่าแล้วจะให้ทางกลุ่มหรือทางเครือข่ายฯเป็นผู้จัดการในเรื่องการเชื่อมประสาน? ประธานฯให้คำตอบสั้นๆว่า ต้องหารือกันอีกที
ดูเหมือนว่าคุณกู้กิจจะยังไม่เข้าใจในคำตอบของประธานฯ จึงยกมือและกล่าวต่อทันทีเมื่อประธานฯตอบจบว่า ต้องตอบคำถามให้ชัดเจน ถ้าทางหน่วยงานที่จะให้การสนับสนุนมีเงื่อนไขมาก มีฐานคิดโดยเอาเงินเป็นตัวตั้ง ทางกลุ่ม (บ้านดอนไชย) ก็อาจไม่รับเงินสนับสนุนนี้ก็ได้ ในประเด็นนี้ประธานฯได้อธิบายว่า เงิน 1 แสนบาทนั้นเป็นเพียงปัจจัยภายนอกที่เข้ามาให้กำลังใจ จุดประสงค์จริงๆนั้นต้องการสร้างความเข้มแข็ง เป้าหมาย คือ จะทำอย่างไรให้ทำงานร่วมกันกับ อปท. นอกจากนี้แล้วประธานฯยังได้กล่าวต่อว่า ในการประชุมกับทางมสช. (มูลนิธิฯ) ได้ข้อคิดอย่างหนึ่งว่า กองทุนต้องอยู่ในชุมชน แล้วท้องถิ่นต้องเข้ามาช่วยหนุนเสริม
คำถาม-คำตอบทีหลังสุดนี้เป็นการจบการประชุมวาระที่ 1 จากการสังเกตของผู้ศึกษาเห็นว่า บรรยากาศการประชุมในช่วงนี้ค่อนข้างตึงเครียดพอสมควร แม้จะเป็นช่วงเริ่มต้นการประชุมก็ตาม เพราะ มีการถาม-ตอบอย่างดุเดือด (พอสมควร) ซึ่งสาเหตุหนึ่งอาจมาจากการที่คณะกรรมการยังไม่เข้าใจ ยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมทั้งประธานฯยังไม่ได้ทำความไม่เข้าใจ ความไม่รู้ของคณะกรรมการอย่างกระจ่าง ที่ผู้วิจัยสรุป (เบื้องต้น) เช่นนี้ เนื่องมาจากการที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมมาหลายครั้งแล้ว ถ้ามีประเด็นคำถาม หากประธานฯตอบไม่ชัดหรือยังไม่เข้าใจ ผู้ที่เข้าร่วมประชุมคนอื่นๆที่พอจะรู้หรือเข้าใจก็จะช่วยอธิบาย แต่ในประเด็นเรื่องตำบลละแสนนี้ดูเหมือนว่าเมื่อมีคำถามขึ้นมาไม่ว่าจะครั้งใด มักจะไม่ค่อยมีผู้ให้คำตอบหรืออธิบายได้ ถ้าจะมีก็คงเป็นคำตอบหรือคำอธิบายจากการที่ได้ฟังการบอกเล่าหรือเห็นเอกสารเพียงบางส่วน ซึ่งคนเหล่านั้นก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่หรือเปล่าอีกเหมือนกัน
ข้อคิดที่ได้จากการประชุมในวาระที่หนึ่งนั้น ผู้วิจัยเห็นว่าปัญหาน่าจะอยู่ที่การถ่ายทอดของประธานฯที่ยังไม่ชัดเจน แต่ปัญหาที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การที่คณะกรรมการขาดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องนี้ ดังนั้น ทางเครือข่ายฯน่าจะมีการทบทวนตัวเองในเรื่องนี้ว่าปัญหาอยู่ที่ตรงไหน คณะกรรมการขาดในเรื่องอะไร โดยเอาบทเรียนเก่าๆหรือบทเรียนในปัจจุบันเป็นตัวตั้งแล้วลองวิเคราะห์กันดู เพื่อหาทางแก้ไข ความจริงปัญหาเหล่านี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น ถ้าในการทำงานทุกครั้งมีการสรุปงานหลังจากที่ทำเสร็จแล้ว ประโยชน์ของการสรุปงานก็คือ จะทำให้ทีมงานเห็นความสำเร็จและจุดบกพร่องต้องแก้ไข ความสำเร็จ เปรียบเสมือนนำทิพย์ชโลมใจให้มีกำลังใจทำงานเพื่อรักษาความสำเร็จนี้ต่อไป ส่วนจุดบกพร่อง เปรียบเสมือนเครื่องเตือนใจที่จะคอยเตือนให้คนทำงานหาทางปรับปรุงแก้ไข เพื่อก่อให้เกิดความสำเร็จและความภาคภูมิใจยิ่งๆขึ้นไป
ผู้วิจัยอยากบอกว่านี่เป็นเพียงความคิดเห็นหนึ่งจากผู้สังเกตกาณณ์ภายนอกเท่านั้น อาจจะไม่ใช่อย่างที่ผู้วิจัยสันนิษฐานก็ได้ แต่ที่สันนิษฐานเช่นนี้มีฐานคิดมาจากการที่ได้ทำกิจกรรมกับเครือข่ายตลอดระยะเวลากว่า 7 เดือนที่ผ่านมา สิ่งที่สังเกตได้อย่างกนึ่งก็คือ เวลามีการจัดเวทีหรือกิจกรรมอไรขึ้นมาก็ตามแต่ เมื่อเสร็จงานไปแล้ว (แทบ) จะไม่มีการสรุปงานเลย อย่างดีประธานฯก็กล่าวขอบคุณ กล่าวสรุปกระบวนการทำงานนิดหน่อย แล้วก็ผ่านไป ทำให้คนทำงานไม่รู้ว่าตนเองมีความสำเร็จอย่างอะไร จุดบกพร่องเรื่องอะไร
วันนี้ขอจบแค่นี้ก่อนนะคะ แล้วพรุ่งนี้ (ถ้าโอกาสอำนวย) จะเขียนตอนต่อๆไปให้อ่านค่ะ ขอบคุณที่อุตส่าห์เสียสละเวลาอันมีค่าเข้ามาอ่านนะคะ ถ้ามีข้อเสนอแนะก็แนะนำได้นะคะ (ข้อตำหนิ ความคิดเห็นก็ได้ค่ะ) ยินดีน้อมรับค่ะ
ผมเป็นแฟนรายการของอ.อ้อม อ่านด้วยความสนใจเสมอครับ ได้เกร็ดความรู้มากมาย อ.อ้อมเล่าบรรยากาศให้ฟังและแสดงความคิดเห็นของตัวเองประกอบ ทำให้ทราบมุมมองของอ.อ้อมและบริบทที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่เล่าด้วย
เห็นด้วยกับอ.อ้อมว่าเครือข่ายน่าจะทำAARทุกครั้ง เรื่องนี้แนะนำให้แกน1+2+6 คุยกันก่อนเสมอว่ามีเป้าหมายอย่างไรบ้างในการทำกิจกรรมแต่ละครั้งและต้องเตรียมอะไรบ้างก่อนทำกิจกรรม
สำหรับประเด็นนี้ ผู้เข้าร่วมจากกลุ่มต่างๆ เป็นบุคคลเป้าหมายในกิจกรรมประชุมเครือข่ายครั้งนี้ ถ้ามีเป้าหมายเพื่อสร้างทำความเข้าใจเงิน1แสนบาทก็ต้องเตรียมตัวคนนำเสนอและเอกสารประกอบเพราะตัวชี้วัดคือผู้เข้าร่วมเข้าใจเรื่องนี้และนำไปบอกเล่าได้อย่างถูกต้องในแกนนำกลุ่มของตนเอง(ถ้าคนมาประชุมเข้าใจไม่ถูกต้อง หรือเข้าใจถูกต้องแต่กลับไปถ่ายทอดไม่ถูกหรือไม่ถ่ายทอดต่อก็จะเป็นผลต่อการขับเคลื่อนของเครือข่ายในประเด็นนี้)คนนำเสนอต้องประเมินตนเองว่านำเสนอเรื่องนี้ชัดเจนเพียงไร โดยดูจากตัวชี้วัดในระดับต่างๆเป็นชั้นๆไป(คนฟังเข้าใจ? ถ่ายทอดต่อ?ถูกต้องหรือไม่?) การทำAARจะช่วยให้การทำกิจกรรมมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยที่ทุกคนต้องรู้บทบาทของตนเองและมองตัวเองเป็นหลักไม่ไปกล่าวโทษคนอื่น
อยากให้ข้อแนะนำนี้ได้รับการถ่ายทอดต่อไปยัง1+1+6ที่เหลือ
ผมหวังให้ช่องทางBlogเป็นช่องทางในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างกว้างขวางตรงเป้าหมายมากที่สุด ถ้าทีมอ.อ้อม1+2+6ได้อ่านBlogอ.อ้อมและได้อ่านข้อคิดเห็นของผมโดยตรงก็จะแลกเปลี่ยนพูดคุยกันด้วยสื่อที่ไม่ต้องแปรความอีกชั้นหนึ่ง(ผ่านอ.อ้อม) การเพิ่มช่องทางสื่อสารกับทีมงานเพื่อใช้เป็นเครื่องมือเรียนรู้สร้างความเข้าใจจึงมีความสำคัญ แต่ผมยังทำได้ไม่ดีเลย ไม่งั้นพวกเรา5-6พื้นที่ต้องเข้ามาคุยกันอย่างสนุกสนานมากกว่านี้แล้ว ตอนนี้มีอ.อ้อมที่คุยกันเหมือนกับอยู่ใกล้กันรู้ความเคลื่อนไหวตลอด แต่ที่อื่นๆยังเข้ามาไม่มากนัก
อ.อ้อมจะหาทางสื่อสารกับทีม1+1+6+26อย่างไรให้เข้าใจเพราะมิฉะนั้นแล้ว ความหวังในการต่อยอดของที่อื่นๆไม่ว่าจะเป็นมสช.เงิน1แสนหรือสปสช.ก็เป็นการขยายความคิดฝันที่มีแต่โครงร่างแต่ไร้ตัวตนและวิญญาณ การจัดการความรู้จะช่วยให้โครงร่างที่งดงามของเครือข่ายสวัสดิการ1บาทของลำปางมีตัวตนทั้งเลือดเนื้อและวิญญาณที่แท้จริง แต่ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายนัก นี่เป็นความท้าทายของทีมวิจัยครับ