การแก้ไขปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ
ความหลากหลายสินค้าการเกษตรมีมากมายหลายชนิด ทั้งข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน พืชไร่ พืชผัก และไม้ผล ไม้ยืนต้น สำหรับไม้ผลยังแบ่งออกเป็นชนิดต่างๆ ทั้ง เงาะ มังคุด ทุเรียน ลองกอง และลำไย เป็นต้น ผลไม้เหล่านี้มักจะมีช่วงการเก็บเกี่ยวพร้อม ๆ กัน ส่งผลให้ราคาตกต่ำเป็นประจำ
นักวิชาการได้เสนอหลายวิธีในการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ แต่ทำกันจริงจังเฉพาะหน้าและเฉพาะด้าน โดยมุ่งเน้นการตลาดหรือด้านความต้องการของผู้บริโภค (อุปสงค์) ไม่ได้วางแผนด้านการผลิตอย่างจริงจัง (อุปทาน)
การผลิตเป็นหน้าที่โดยตรงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เคยมีผู้รู้เสนอให้กำหนดเขตพื้นที่การปลูก โดยส่งเสริมการปลูกพืชตามศักยภาพของพื้นที่ แต่มีผู้คัดค้านว่าไม่สามารถกระทำได้ เพราะหากบังเอิญพืชบางชนิดบางช่วงเวลา เกิดมีราคาดี เกษตรกรจะแห่กันปลูกมากมายทั้งในและนอกพื้นที่ส่งเสริม
ต้องเข้าใจว่าผลผลิตพืชผลการเกษตรขึ้นอยู่กับภาวะธรรมชาติ หากฝนฟ้าอำนวยมีผลผลิตมาก ราคาจะตกต่ำ ปีใดฝนฟ้าไม่อำนวย เกิดภัยพิบัติ ผลผลิตน้อย ราคาจะดี ผิดกับสินค้าอุตสาหกรรมซึ่งสามารถควบคุมการผลิตได้ตลอดเวลา
ข้อเสนอแนะการแก้ไขราคาพืชผลต่อมา ยังคงเป็นการจำกัดพื้นที่เพาะปลูก โดยออกมาตรการจูงใจ ทดแทนการบังคับ เช่น รัฐบาลจะต้องมีวิธีการยกระดับราคาพืชผลให้ได้ตามที่ประกาศไว้ โดยมีผลเฉพาะพื้นที่ส่งเสริมเท่านั้น นอกพื้นที่ดังกล่าวทางราชการจะไม่รับผิดชอบเรื่องราคา
ปัญหาที่ต้องแก้ไขประการต่อมา ได้แก่ จะมีพืชผลชนิดดังกล่าวจากพื้นที่ต่าง ๆ ไหลเข้ามาสู่เขตส่งเสริมมากมาย จะทำอย่างไร?
มีวิธีคิดในการแก้ไขปัญหาข้างต้น ได้แก่ นอกจากจะกำหนดพื้นที่ปลูกแล้ว ยังต้องกำหนดเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกอีกด้วยโดยรัฐบาลจะต้องอาศัยองค์กรเกษตรกร หรือสถาบันเกษตรกรในพื้นที่นั้น ๆ รับผิดชอบ
กล่าวโดยสรุปได้ว่า องค์กรเกษตรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ส่งเสริมจะมีหน้าที่ทั้งควบคุม กำกับ ดูแล ส่งเสริมการปลูก ตลอดจนทำหน้าที่ด้านการตลาด ประกันราคาพืชผลอีกด้วย
สำหรับรัฐบาลมีหน้าที่ส่งเสริมกลไกการตลาดทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งจัดหาแหล่งงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานผ่านองค์กรเกษตรกร
แต่ปัญหาที่สำคัญประเด็นสุดท้าย ได้แก่ องค์กรเกษตรและสถาบันเกษตรกรที่เข้มแข็งมีไม่มาก ตลอดจนเกษตรกรรายย่อยอีกมากมายขาดการรวมตัวกันขึ้น
ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาทั้งหมดจึงอยู่ที่ว่ารัฐจะต้องส่งเสริมและสนับสนุนอย่างจริงจังเพื่อให้เกษตรกรรวมตัวให้เข้มแข็ง ตั้งแต่ระดับรากหญ้าขึ้นไป ได้แก่ ระดับชุมชน หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด และระดับประเทศ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นภารกิจของกรมส่งเสริมการเกษตรนั่นเอง
สวัสดีครับผู้เขียน ขอแสดงความคิดเห็นเล็กน้อย หากว่าแก้ไขเพียงจุดเดียวแล้วเกษตรกรทั้งประเทศละครับจะทำยังไง ทำไมไม่คิดแก้ไขในภาพรวม และสามารถปฏิบัติได้จริง ไม่ใช่ดีแต่พูดหรือวิจรานณ์เหมือนนักวิชาการ ความจริงแนวปฏิบัติที่ดีอาจใช้จริงไม่ได้ คนที่คิดควรไปดูจากจุดเกิดเหตุก่อนแล้วค่อยคิด ผมว่าจะตรงจุดมากกว่า ที่สำคัญถ้าตัดวงจรพ่อค้าคนกลางได้ ปัญหาราขาพืชผลก็หมดไปอย่างแน่นอน
ถ้าไม่สนับสนุนการเกษตรไทยอย่างจริงจัง คงแก้ปัญหาได้ลำบากมากแน่ๆครับ