ความใกล้ชิดเหนือกว่ารัก


ใกล้ชิดเหนือกว่ารัก..!!!

ใกล้ชิดเหนือกว่ารัก..!!! เพื่อสุขของชีวิต

        พื้นฐานทางครอบครัวของมนุษย์  ซึ่งถือว่าเป็นหน่วยที่    เล็ก ๆ แต่อย่าลืมว่าหน่วยที่เล็กสุดนี้แหล่ะ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุด เพราะนับตั้งแต่การเลี้ยงดู การพัฒนาทางด้านร่างกาย  อารมณ์และจิตใจ รวมถึง การปลูกฝังคุณธรรม  จริยธรรม  ก็ล้วนแต่มาจากหน่วยเล็ก ๆ นี่แหล่ะ เพราะพื้นฐานทางครอบครัวนี้จะเป็นตัวที่บ่งบอกถึงภูมิคุ้มกันไม่ให้เกิดปัญหาทางสังคมและปัญหาต่าง ๆ ที่จะตามมาหรือไม่ เปรียบเสมือนการศึกษาที่เราจำเป็นต้องป้อนให้กับเยาวชนถึงแม้นว่าเยาวชนเหล่านั้นจะไม่หิววิชาเราก็ต้องพยายามที่จะป้อนให้กับเขาให้ได้ เพราะการศึกษาคือการแก้ปัญหาความยากจนอย่างแท้จริง การศึกษาเป็นวัคซีนที่ฉีดแล้วป้องกันโรคความยากจนไม่ให้เกิดขึ้นกับตัวเอง ทั้งยังไม่ระบาดต่อไปอีกด้วย

          เมื่อเรานำทั้งสองส่วนมารวมกัน นั่นก็คือ ครอบครัวกับการศึกษาจึงเป็นของคู่กัน จากการที่ตัวผู้เขียนเป็นนักแนะแนวอาชีพ ได้พบกับความหลากหลายของเด็กในแต่ละพื้นที่  ในแต่ละช่วงอายุ หรือแม้นแต่การติดตามผลการแนะแนวอาชีพที่ไปถึงบ้านพักของบุคคลที่เราต้องติดตามผลยิ่งเห็นภาพที่ชัดเจนว่าในสภาวะของสังคมปัจจุบันมีการแข่งขันในทุกรูปแบบ  มีเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท หรือเป็นยุคของสารสนเทศท่วมท้น ไหลทะลักสู่ผู้บริโภคอย่างมากมาย  โดยเฉพาะบางครอบครัวที่ทั้งสามีและภรรยาต้องดิ้นรนต่อสู้กับเศรษฐกิจด้วยแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่ ต่อเรื่องของลูก บางครอบครัวปล่อยลูกตามยถากรรม  บางครอบครัวที่มีอำนาจซื้อก็นำไอทีเข้ามาไว้ในครอบครัวให้กับลูก ซึ่งสิ่งต่าง ๆ  เหล่านี้  ตัวผู้เขียนเห็นว่ามีความเสี่ยงเป็นอย่างมากต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์   ด้วยเหตุนี้ผู้ปกครองจึงต้องคอยควบคุมดูแลการใช้ไอทีให้ใกล้ชิดหน่อย         

           ความใกล้ชิด จึงเป็นปัจจัยสำคัญของพ่อแม่ที่มีต่อลูก     ผู้เขียนจะไม่พูดถึงความรักเพราะเข้าใจถึงรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก ในที่นี้จึงเห็นว่าความใกล้ชิดเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเดินของเส้นทางชีวิตของสมาชิกในครอบครัว เวลาที่เรามีมาเท่ากัน  24  ชั่วโมง  เรามีการแบ่งปันจัดสรรเวลาอย่างไรกันบ้าง ผู้เขียนมักพบว่าคนใช้    แรงงานส่วนใหญ่ หลักจากเลิกงานในแต่ละวันมักนั่งจับกลุ่มคุยกันตามร้านขายของชำในหมู่บ้าน ดื่มสุราขาว  กว่าจะกลับเข้าบ้านก็เต็มที่แล้ว....เป็นแบบนี้อยู่ทุกวัน เวลาก็ทิ้งหมดไป ผู้เขียนไม่ได้ว่า ?  แต่เพียงคิดว่าเวลาที่หายไปตรงนั้นหากกลับไปให้เวลากับสมาชิกในครอบครัว เขาจะมีแต่ได้กับได้ ได้ความใกล้ชิดกับสมาชิกใน   ครอบครัว อันหมายถึง เป็นที่มาของความอบอุ่นในครอบครัวได้   ในเรื่องของการปลูกฝังคุณธรรม  จริยธรรม  อารมณ์  จิตใจ      นั่นหมายถึงการเพาะต้นกล้าที่ได้รับการดูแล เมื่อต้นกล้าเติบใหญ่ขึ้นก็จะได้ต้นไม้ที่มีคุณภาพอย่างแน่นอน  สิ่งนี่ไม่ใช่หรือคือความต้องการของคนที่ปลูกต้นไม้ เช่นเดียวกันคนที่มีครอบครัวก็ต้องการเช่นนั้น  ผมจึงอยากจะตั้งคำถาม?  หรือหากจะพูดอีกแนวหนึ่งก็สามารถนำเป็นเทคนิคเพื่อการพัฒนา         

         1.  ที่สุดแล้วเราต้องการอะไร...(โดยต้องสามารถกำหนดเวลาได้หรือไม่  อย่างไร?)       

         2.  ถามย้ำตัวเองอีกหลาย ๆ ครั้ง ว่า ที่สุดแล้วเราต้องการอะไร  (เพื่อความมั่นใจ)         

        3.  ถามตัวเองต่อไป...หากเราได้สิ่งที่เราต้องการแล้วมันมีอะไรตามมาอีก ?        

      4.  คำถามสุดท้าย แล้วสิ่งที่ตามเราจะยินยอมรับได้หรือไม่         

         แต่แน่นอนที่สุด  ถ้าหากถามว่าคนที่เกิดมาต้องการอะไรที่สุด  ผมว่าคำตอบเดียวกันคือทุกคนอยากมีความสุข  แต่ก็มองอีกว่าความสุขของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน  ของชาวสวนก็ไม่เหมือน  ของพระก็ไม่เหมือน  ของนักกีฬาก็ไม่เหมือน  ของผมก็ไม่เหมือน  ด้วยเหตุนี้ทุคนคงต้องแสวงหาความสุขของตัวเขาเอง  แต่สำหรับผู้เขียนเองแล้วจะมีความสุขจากหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะจากที่ทำงาน  ทางสังคม  แต่อย่างไรก็ตามครอบครัวต้องมาก่อนความสุขอื่นใด เพราะผมอยากให้ลูก ๆ ทุกคนมีความสุข เหมือนกับท่านๆ ทุกคน  แต่เราไม่สามารถที่จะป้อนความสุขให้กับเขาเหล่านั้น  ผมมองว่าความใกล้ชิดต่างหากละที่จะนำให้ได้มาซึ่งความสุขกับลูก ๆ ของเรา         

         อย่าลืม!!! นะครับว่าหน่วยเล็ก ๆ ที่มีความสำคัญต่อชีวิตท่าน..ครอบครัวท่าน ๆ  สังคม....ประเทศ ก็คือ ครอบครัวท่านนั่นเอง..... 

หมายเลขบันทึก: 130010เขียนเมื่อ 20 กันยายน 2007 15:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:31 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท