จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติเกี่ยวกับการอ่านหนังสือของคนไทย น่าตกใจมากโดยเฉลี่ยแล้วคนไทยอ่านหนังสือเพียงแค่ 6 บรรทัดต่อปี และการเข้าใช้บริการห้องสมุดของประชาชนมีเพียง 1% ของประชากร นั่นน่าจะเป็นเหตุผลที่เพียงพอสำหรับคนทำงานด้านการศึกษาตามอัธยาศัยอย่างเราที่จะนั่งรอให้คนเข้ามาใช้บริการห้องสมุดหรือเข้ามาอ่านหนังสือไม่ได้แล้ว ในเมื่อคนไม่มาหาหนังสือเราก็ต้องเอาหนังสือไปหาคน จึงเกิดแนวความคิดในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านเชิงรุกขึ้น Project แรกได้แก่ โครงการอิ่มท้องอิ่มสมอง ซึ่งเกิดจากการสังเกตในช่วงเวลาพักกลางวันของข้าราชการ ลูกจ้าง และประชาชนทั่วไปที่เข้ามาทานอาหารตามร้านค้าต่างๆในอำเภอบุณฑริก ซึ่งต้องนั่งรอและใช้เวลาอยู่ในร้านอาหารประมาณ 30-40 นาที และในช่วงที่นั่งรอหรือทานอาหารก็ไม่ได้ทำอะไร ผมจึงเกิดแนวความคิดขึ้นว่าในช่วงเวลาเหล่านี้เราน่าจะสร้างโอกาสและส่งเสริมให้เขาเหล่านั้นได้อ่านหนังสือ วารสาร หรือสื่ออื่นๆที่มีประโยชน์ อย่างน้อยคนละ 1 เล่ม หรือ คนละ 20 นาทีต่อวันก่อนที่จะกลับไปปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงาน ซึ่งได้ขายความคิดให้กับร้านค้าในเขตเทศบาลบุณฑริก ปรากฎว่าได้รับความสนใจและเข้าร่วมโครงการนี้ด้วยดี สิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่ได้เกิดผลประโยชน์ต่อพวกเรามากนัก หากแต่ส่งผลให้กับพี่น้องประชาชนในอำเภอบุณฑริกที่จะได้รับโอกาสในการอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 500 คนต่อวันและจะสร้างนิสัยในการรักการอ่านให้กับคนบุณฑริกจนกลายเป็นอำเภอแห่งการอ่านหนังสือ สมกับคำว่า "เมืองนักปราชญ์" ในอนาคตก็เป็นได้
โครงการอิ่มท้องอิ่มสมองของ
สมพงศ์