“อันตรายจากพิษงู”


งูกัด
หน้าฝนเช่นนี้งูเงี้ยวเขี้ยวขอมักจะปีนป่ายอพยพหนีน้ำท่วมไปอยู่ในที่สูงกัน ในยามนี้ตามอาคารบ้านเรือนก็ใช่ว่าจะปลอดภัย ซึ่งหากถูกงูกัดเข้าก็อย่ารอช้า ควรรีบไปโรงพยาบาลเพื่อรับการวินิจฉัยว่า งูที่กัดมีพิษหรือไม่ เพราะหากเป็นงูมีพิษแพทย์จะฉีดเซรุ่มแก้พิษงูให้ และหากมีซากงูก็ให้นำไปด้วยจะได้ง่ายต่อการวินิจฉัย ส่วนเซรุ่มแก้พิษงูกัดของไทยมีอยู่ 7 ชนิดด้วยกันค่ะ คือ เซรุ่มแก้พิษงูที่มีพิษต่อระบบประสาท จำพวกงูจงอาง งูสามเหลี่ยม งูเห่า งูทับสมิงคลา และเซรุ่มแก้พิษงูที่มีผลต่อระบบเลือดหรือการแข็งตัวของเลือด จำพวกงูเขียวหางไหม้ งูกะปะ และงูแมวเซา ในส่วนของเจ้างูเขียวหางไหม้ ที่เป็นผู้ร้ายในกรณีนี้สามารถพบได้ในทุกภาคของไทยเลยทีเดียว และพบมากในกรุงเทพฯ เสียด้วย ซึ่งหากใครถูกงูชนิดนี้กัด แต่ได้รับการปฐมพยาบาลที่ถูกต้อง และฉีดเซรุ่มได้ในทันที ก็จะไม่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตหรอกนะค่ะ
คำสำคัญ (Tags): #งูพิษ
หมายเลขบันทึก: 128470เขียนเมื่อ 15 กันยายน 2007 16:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน 2012 11:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท