การเป็นพิธีกรและวิทยากรมืออาชีพ (ตอนที่ 1)

ขอทุกท่านที่อ่านงานเขียนชิ้นนี้ อยู่  ช่วยเติมข้อความลงในช่องว่างนี้ให้หน่อยนะครับ  พูดดีเป็นศรีแก่ปาก  พูดมาก................เติมอะไรดีครับ......พูดมากปากพารวย ดีไหมครับ   ทำไมปากถึงพารวย  คนโบราณ ท่านกล่าวไว้ว่า ปากเป็นเอกเลขเป็นโท    ปากมาที่หนึ่ง ปากมาเป็นลำดับแรก  ทุกคนให้ความสำคัญกับปากก่อนอย่างอื่น  เพราะปากที่พูดดี พูดอย่างมืออาชีพสามารถพูดเอาบ้านเอาเมืองมาได้  อาทิเช่น ในสมัยสามก๊ก ขงเบ้งเกลี้ยกล่อมให้ซุนกวนรบ ด้วยลิ้นของเขา ช่วยให้เล่าปี่ได้เกงจิ๋วอย่างไม่ต้องออกแรง  ฉันใดปากที่พูดไม่ดี พูดแบบไม่ใช่มืออาชีพ ก็พาตัวเองไปตายได้ฉันนั้น เช่น  เอี้ยวซิ่ว ในสามก๊ก ต้องตายเพราะการพูดของตนเอง

จะเห็นได้ว่าการพูดสำคัญที่เดียวสำหรับคนทุกคน  ดังนั้นท่านทั้งหลายในที่นี้จะกลายเป็นพิธีกร และ วิทยากรมืออาชีพได้อย่างไร เราจะได้มาเรียนรู้ร่วมกันต่อไป  จะขอแบ่งเนื้อหาเป็น สองภาคเพื่อความเข้าใจของท่านทั้งหลายโดยภาคแรกคือ การเป็นพิธีกรมืออาชีพ และภาคที่สองคือการเป็นวิทยากรมืออาชีพ

เรามาเริ่มที่ภาคแรกกันเลย คือพิธีกร  ผู้สามารถสร้างรายได้ให้ตนเองด้วยการพูด  หนึ่งในอาชีพที่หนุ่มสาวยุคใหม่ใฝ่ฝัน  โดยเฉพาะพิธีกรในวงการบันเทิง    พิธีกรมืออาชีพ-อาชีพพิธีกร   สองคำนี้อย่าสับสน     คุณไตรภพ ที่ส่วนใหญ่ยอมรับว่าเป็นพิธีกรมือวางอันดับหนึ่งของประเทศ  คุณปัญญา เจ้าของเวิร์คพอยท์  คุณวิทวัส  แห่งรายการตีสิบ  หรือสี่สาวรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง  ที่ผู้ตนติดกันทั้งบ้านทั้งเมือง   บุคคลเหล่านี้เราเรียกว่าผู้ประกอบอาชีพพิธีกร  ส่วนพิธีกรมืออาชีพนั้นไม่จำเป็นต้องประกอบอาชีพพิธีกรเสมอไป  หากต้องมีความสามารถในการดำเนินรายการได้เป็นที่เรียบร้อย มีสาระสนุกสนานในบรรยากาศอันเหมาะสมได้อย่างไม่เคอะเขิน  และทำงานนั้นให้สำเร็จลงตามเป้าหมาย  และเป็นที่ประทับใจของผู้ร่วมงาน  นี่คือพิธีกรมืออาชีพ ที่ทำงานได้ดีไม่แพ้อาชีพพิธีกรที่เดียว  แล้วท่านละจะเป็นได้ไหม?               

พิธีกรมืออาชีพ ต้องยึดในหลัก 3 รู้  คือ รู้อดีต  รู้ปัจจุบัน  รู้อนาคต    

รู้อดีต  คือ พิธีกรต้องรู้ว่างานที่ตนเองจะไปทำหน้าที่พิธีกรนั้นมีความเป็นมาอย่างไร  จัดเพื่ออะไร คนที่เชิญมาร่วมงานเป็นคนกลุ่มใด  เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการสื่อสาร ประเมินความคิดอ่าน ความชอบ และเป็นคลังข้อมูลในการตัดสินเลือกใช้คำพูดเพื่อสร้างความประทับใจ  เพื่อช่วยเชื่อมระหว่างผู้ได้รับเชิญ กับผู้จัดงานให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกัน  เรียกว่าต้องรอบรู้อดีต               

 รู้ปัจจุบัน พิธีกรต้องรู้ว่างานนี้มีใครต้องแนะนำอย่างเป็นทางการ ประวัติของบุคคลสำคัญเช่นประธานเปิด-ปิดงาน  วิทยากร  คุณวุฒิ ผลงานเด่นต่างๆ ต้องมีข้อมูลที่เป็นจริงและพร้อมสำหรับการใช้งาน               

 เมื่อจะเป็นพิธีกรมืออาชีพ จำเป็นต้องรู้อนาคตด้วย หลังจากดำเนินงานไปแล้ว จะมีกิจกรรมอะไรเกิดขึ้นอีก ต้องทำอะไร  แนะนำใคร  จึงต้องมีการเตรียมสคริปต์หรือบทของตนเองเสมอ เรียกว่า รู้อนาคต               

หากท่านมี 3 รู้นี้อยู่ในตัว คือ รู้อดีต  รู้ปัจจุบัน  รู้อนาคต  และใส่ใจเรียนรู้ฝึกฝนเทคนิคการเป็นพิธีกรต่อเนื่อง  คำว่าพิธีกรมืออาชีพ คงไม่ไกลเกินไปแน่นอน