ข้อมูลที่จะนำมาแลกเปลี่ยน เล่าสู่กันฟังในวันนี้ เพื่อให้ผู้อ่านได้แง่คิด ต่อการจัดการบริหารองค์การตามแนวทางของธุรกิจ ซึ่งพอที่จะเชื่อมโยง กับเหตุการณ์ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดีกับคำกล่าวที่ว่า สรรพสิ่งย่อมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป มีขึ้น ย่อมมีลง ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน คำกล่าวเหล่านี้คงคุ้นหูของทุกคน บอกให้เรารู้ว่า ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องมีความพร้อม ตื่นตัว และดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท และพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า องค์การก็เช่นเดียวกัน มีวัฏจักร คล้ายคลึงกับวงจรชีวิต ที่มีการเกิด เติบโต ป่วย และถดถอย เช่นกัน
ทำไมต้องมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา เพื่อให้องค์การสามารถต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของตนเองในวิถีของการแข่งขัน จึงได้มีผู้รู้ที่ให้แนวคิดที่จะช่วยให้องค์การเตรียมตัวและปรับไปสู่การเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน สามารถแข่งขันและดำรงอยู่ในโลกได้อย่างมั่นคง ซึ่งเป็นแนวคิดในทางธุรกิจ นิยมใช้คำว่า กลยุทธ์ ซึ่งหมายถึง กรอบแนวคิด และแนวปรัชญา ของการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาองค์การ ซึ่งสมาชิกทุกคนในองค์การ ต้องมีความเข้าใจในกรอบแนวคิดนี้ก่อนจะนำไปสู่ภาคปฏิบัติ ให้เหมาะสมกับองค์การของตนเอง
สิ่งที่บ่งบอกว่าองค์การต้องมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปข้างหน้า คือสภาพปัจจัยแวดล้อมขององค์การทั้งภายใน และภายนอก อาทิเช่น กระบวนการโลกาภิวัฒน์ การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ การตลาด แรงงาน ผลการดำเนินงานขององค์การ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาของเทคโนโลยีที่เป็นสาเหตุสำคัญ ผลักดันให้องค์การต้องแสวงหาและพัฒนาประสิทธิภาพของตนเองให้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านอื่นๆตามมา การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ต้องอยู่บนพื้นฐานของ การมีจุดหมายที่แน่ชัด เพื่อแก้ไขปัญหาในองค์การ หรือพัฒนาองค์การให้เจริญรุดหน้า โดยอาศัย การวิเคราะห์ การจัดการ เทคนิคด้านสังคมวิทยา พฤติกรรมศาสตร์ และมนุษยสัมพันธ์ เข้ามาช่วยเหลืออย่างมีแบบแผน และหลักเกณฑ์ เพื่อค้นหาและเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับองค์การของตนเอง ซึ่งมีกรอบแนวคิดไว้ดังนี้
การพัฒนาองค์การ เป็นทฤษฎีที่อาศัยหลักทางพฤติกรรมศาสตร์ สร้างความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับค่านิยมและพฤติกรรมของสมาชิกในองค์การ โดยเน้น 3 ด้านคือ เพิ่มความสามารถในการทำงาน ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสมาชิก และให้ความสำคัญกับการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันของสมาชิกในองค์การ โดยมีขั้นตอนในการดำเนินการ 4 ขั้นตอน คือ
1.การวินิจฉัยองค์การ คือ การศึกษา ทำความเข้าใจ และอธิบายถึงสภาพ หรือสถานการณ์ในปัจจุบันขององค์การ เพื่อให้สมาชิกในองค์การได้เห็นสิ่งที่เป็นจริง ตระหนักถึงปัญหาที่องค์การประสบอยู่ หรือมองเห็นโอกาสในการพัฒนาองค์การ เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางในการแก้ไขหรือพัฒนาได้อย่างตรงเป้าหมาย ผ่านกระบวนการทำงานแบบเป็นทีม
2. กำหนดกลยุทธ์ และวางแผนพัฒนาองค์การ เป็นการนำข้อมูลจาการวินิจฉัยองค์การ มากำหนดเป็นแผนพัฒนาองค์การ เลือกเทคนิคและระดับในการพัฒนา ร่างแผนการปฏิบัติงาน เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุผลตามเป้าหมาย ซึ่งต้องเป็นไปอย่างมีระบบ และสามารถเชื่อมโยงให้เข้ากับภาพรวมและกลยุทธ์ที่กำหนดไว้อย่างเป็นรูปธรรม
3.การดำเนินงานพัฒนาองค์การ เป็นการนำแผนการพัฒนาไปปฏิบัติ โดยกำหนดกิจกรรม ตารางเวลา ผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน และต้องสามารถแก้ไขปัญหาเฉที่เกิดขึ้นในขณะดำเนินงานได้เฉพาะหน้า
4.การประเมินการพัฒนาองค์การ คือการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการพัฒนาตามแผนงานว่าสอดคล้องกับเป้าหมาย เกณฑ์ มาตรฐานที่วางไว้ในระดับใด และต้องปรับแก้ไขอย่างไรต่อไป เพื่อให้บรรลุผลตามที่ต้องการ
สี่ขั้นตอนนี้คือกรอบแนวคิดหลักของการพัฒนาองค์การ ซึ่งจะช่วยให้สมาชิกในองค์การสามารถปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายด้วยความเข้าใจในภาพปัจจุบัน และสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่สร้างสรรค์ และเป็นประโยชน์ต่อองค์การ ซึ่งจะส่งผลให้องค์การสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล สามารถเพิ่มมูลค่าให้องค์การ และเป็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องยั่งยืน
หากเราจะเอาแนวคิดข้างต้นไปเชื่อมโยงกับการใช้ภาษาแล้ว จะเห็นว่า ในทุกขั้นตอนของการพัฒนาองค์การ จะต้องมีการใช้วาทกรรม เข้าไปมีส่วนร่วมตลอด ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะวาทกรรมในรูปแบบต่างๆ จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความเข้าใจในกระบวนการพัฒนาองค์การ ทำให้สมาชิกเห็นความสำคัญและให้ความร่วมมือในกระบวนการต่างๆอย่างเต็มที่ อันเป็นจุดสำคัญยิ่งที่จะทำให้กระบวนการพัฒนาองค์การ เป็นไปตามที่มุ่งหวังไว้
ไม่มีความเห็น