กริ๊ง! กริ๊ง! เที่ยงของวันที่ 31 สิงหาคม 2550 อาจารย์สนธยา (อาจารย์โปรแกรมวิชาบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์ ปัจจุบันเป็นบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม) อาจารย์ได้โทรมาเชิญให้เราไปเป็นวิทยากรมาพูดกับรุ่นน้อง
หัวข้อ เรียนบรรณารักษ์...ตกงานจริงหรือ!
เราได้ฟังเราก็ตกลงทันที เพราะดีใจมากที่อาจารย์ให้เกียรติเราขนาดนี้ ซึ่งครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่สอง (ครั้งแรกที่ไปน่าจะประมาณ ปี 2547) แต่ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นที่จะต้องขึ้นเวทีและต้องไปเจอกับน้อง ซึ่งจัดในวันพุธที่ 12 กันยายน 2550 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม พอเราได้หัวข้อเราก็นอนคิดว่าเราจะพูดอะไรกับน้องเพื่อให้น้องได้รับความรู้จากประสบการณ์จริงของเรามากที่สุดและน้องฟังแล้วรู้สึกมีกำลังใจสำหรับการใช้ชีวิตในอนาคต
เมื่อหนังสือเชิญเป็นวิทยากรมาถึงคณะ ที่คณะแซวใหญ่ว่าท่านวิทยากร เราเองก็ยิ้มแบบเขินๆ ที่แรกเราเองก็จะไม่ตื่นเต้นเท่านี้ แต่ที่คณะต่างให้ความสำคัญและตื่นเต้นไปกับเราด้วย เลขาฯคณะนิติศาสตร์ พี่เหน่ง(ษมาภรณ์ อินชำนาญ) ให้ความอนุเคราะห์อย่างดี สนับสนุนให้ความสะดวกในการเดินทางให้โดยมีน้องเต๋า (ทศพล จูมั่น) พาเราไปที่มหาวิทยาลัยฯ และเป็นบอดี้การ์ดในการถ่ายรูป (ขอบคุณนะคะ)
พอถึงวันที่จะต้องเดินทาง วันพุธที่ 12 กันยายน 2550 เวลา 13.00 – 15.30 น. เวลา 10.00 น. พี่ที่คณะโทรขึ้นมาบอกว่าให้ลงมาหาหน่อย จากนั้นพี่ปุ๋ย (อภิญญา ชุณหะทิพากร) ก็บรรเลงแต่งทรงผมและหน้าให้สวยงาม พี่เก๋(จิรวดี ตรีกิ่ง) คอสตูมชั้นเยี่ยม ดูการแต่งกายว่าสุภาพสวยใช้ได้หรือยัง ออย(ชุติมา จูจันทร์) ช่วยเซทผมกับพี่ปุ๋ยและหากิ๊ฟ หาแป้งพับมาแต่งหน้าให้ พี่แหม่ม (วิภา อินทราสุข) กิ๊ก (กมลทิพย์ ชาติรังสรรค์) และพี่ตู่ (จุฑารัตน์ หมอรักษา) ฝ่ายให้กำลังใจ ส่วน(พี่อุ๊ ณาตยา เบี้ยจั่น) ก็แนะนำเรื่องทรงผมให้ว่าให้ทัดหูจะได้ดูหวานๆ ส่วนพี่เอช (สถาพร มะศักดิ์) ขาแซว ว่าอย่าไปสะดุดล้มอีกนะ (เราก็เลยแซวพี่ๆไปว่าจริงๆ ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่นะ แต่ตื่นเต้นตรงที่พวกพี่ๆให้ความสำคัญขนาดนี้ รู้สึกประทับใจเพื่อนร่วมงานทุกคน ทุกคนน่ารักมากๆ) บรรยากาศในงานพอได้เจออาจารย์และน้องๆ รู้สึกดีใจบวกกับตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ตอนนั้นเราคิดว่าเหมือนเราเองมาพูดให้น้องฟัง ซึ่งหัวข้อที่พูดบอกกับรุ่นน้องก็คือ อยากบอกน้องๆ หรือคนที่ยังหางานไม่ได้สักที อย่าพึ่งท้อ
ทำอย่างไรไม่ให้ตกงาน เมื่อเรียนจบ
ถ้าปฏิบัติตามนี้ ผู้เขียนคิดว่าไม่ตกงานแน่นอน!
ทำไมถึงตกงาน
จากข้อ 1
1. งานที่สมัครอาจไม่ตรงกับสาขาเรา
แก้ไข ต้องดูว่างานที่ไปสมัคร ที่ไม่ตรงมันมากน้อยแค่ไหน เช่น งานธุรการ เวลาไปสมัคร เค้าจะต้องถามเกี่ยวกับการเขียนหนังสือราชการ เพราะฉะนั้นเราก็ควรจะเน้นทางด้านนี้2. ทำข้อเขียนไม่ได้
แก้ไข ควรจะศึกษาตำแหน่งที่เราจะไปสมัครให้ครบถ้วน โดยอาจจะดูจากประกาศที่รับว่าเค้าต้องการคุณสมบัติแบบไหน ข้อไหนที่เราบกพร่องมากที่สุด ก็ควรที่จะเน้นด้านนั้นก่อนไปสอบ เช่น อาจจะเข้าเว็บไซต์ของหน่วยงานที่เราจะไปก่อน3. ทำข้อสอบคอมพิวเตอร์ไม่ได้
แก้ไข ควรจะศึกษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เค้าระบุไว้ เช่น MS-office หรืออื่นๆ ให้เรียบร้อยก่อนไปสอบ บางที่เค้าสอบให้พิมพ์ใน Excel บางคนทำไม่ได้เลย หรือทดสอบความเร็วในการพิมพ์ บางคนร้ายกว่านั้น save และ copy file ยังไม่เป็น เพราะเวลาเรียนไปจ้างร้านพิมพ์ตลอด จริงๆ ตอนเรียนก็สำคัญ เวลาอาจารย์ให้งานมา เดี๋ยวนี้บางคนแทบจะไม่ต้องทำอะไร แค่ copy แล้วเอามาส่งอาจารย์ จริงๆแล้วถ้าเราได้ทำเองเราจะได้ประสบการณ์มากกว่าการไปจ้างเค้าพิมพ์4. ภาษาต่างประเทศไม่เก่ง
แก้ไข จริงผู้เขียนเองก็อ่อนด้านนี้เหมือนกัน มีวิธีเดียว คือ ฝึกฝน และฝึกฝนเท่านั้น5. บุคลิกภาพ บางคนผ่านข้อเขียน แต่พอสัมภาษณ์ตก บางคนตอนถูกสัมภาษณ์จะสั่นไม่ควบคุมอารมณ์ พูดจาไม่ฉะฉาน อึกอักในการตอบ และตอบแบบไม่รู้จริง ไม่รู้ก็คือไม่รู้ บางคนอาจจะเป็นการสอบสนามแรกและตื่นเต้น (สนามแรกผู้เขียนโดนสัมภาษณ์ก็ตื่นเต้นเหมือนกัน)
แก้ไข สูดลมหายใจลึกๆ และคิดว่าเราทำได้ และให้มองคณะกรรมการอย่าก้มหน้า เพื่อที่เค้าจะได้เห็นความมุ่งมั่นของเรา
อาชีพเมื่อเรียนจบ แบบตรงสาย
อาชีพเมื่อเรียนจบ แบบไม่ตรงสาย
1.
งานธุรการ
2.
งานบุคคล
3.
งานประชาสัมพันธ์
4.
เว็บมาสเตอร์
5.
อื่นๆ
จะเห็นได้ว่าแบบไม่ตรงสาย ใครที่เรียนบรรณารักษ์อาจจะได้เปรียบเพราะเรามีความรู้ด้านการจัดเก็บและการวิเคราะห์และพัฒนาระบบสารสนเทศ ซึ่งปัจจุบันเราไม่ได้เรียนบรรณารักษ์อย่างเดียว แต่เรามีการเรียนด้านเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์ควบคู่ไปด้วยด้วยทำให้เราสามารถเมีความรู้ทางนี้เพิ่มอีกด้านหนึ่ง
เมื่อได้งานแล้ว เราจะมีความรู้สึก 2 แบบ (ตามความคิดของผู้เขียนเอง)
1.
มีความสุขกับงานที่ทำและเพื่อนร่วมงาน
ข้อนี้ไม่มีปัญหา
2.
ไม่มีความสุข
2.1
งานหนัก
2.2
เจ้านาย
2.3
เพื่อนร่วมงาน
2.4
เงินเดือนไม่ตรงตามวุฒิ
2.5
ไกลบ้าน
2.6
ไกลแฟน (อิอิ)
จากข้อ
2 ถ้าเรามีความรู้สึกอิ่มตัว
เราต้องเตรียมตัวรับกับสถานการณ์นั้นและบอกกับตัวเองว่าควรทำอย่างไรต่อไปกับชีวิต
จะลาออกหรือจะทำต่อไป
เมื่อได้งานแล้ว
ควรปฏิบัติตัวอย่างไร
1.
มีความรับผิดชอบ
2.
ตรงต่อเวลา
3.
ไม่นินทา
4.
มีมนุษยสัมพันธ์
และสัมมาคารวะ
5.
ไม่เข้าใจให้ถาม
อย่าคิดเอง เออเอง
เพราะปัญหาที่คิดว่าเล็กน้อย
อาจจะไม่ใช่เล็กน้อยสำหรับคนอื่น
ควรที่จะช่วยกันคิดและแก้ปัญหา
6.
ควรจะรักในหน่วยงานของเรา
ความในอย่าเอาออก
ความนอกอย่าเอาเข้า
7.
อย่าแต่งตัวโป้
ควรแต่งกายสุภาพ
8.
มีความอดทน
9.
มีสมาธิ
สติ
10. ศึกษาหาความรู้ใหม่อยู่เสนอและหมั่นหาความรู้ใส่ตัว
11.
อย่าทำงานข้ามหน้าข้ามตาหัวหน้างาน
และอยากให้รุ่นน้องบรรณารักษ์ทุกคนอ่านบทความนี้แล้วจะมีกำลังใจมากขึ้น http://gotoknow.org/blog/librarians1/62353
พี่ๆ ที่คณะแซวว่า อย่าไปสะดุดล้มที่ไหนก่อนนะ สุดท้ายนึกว่างานจะเรียบร้อยไปด้วยดี เจ้ากรรม ดันสะดุดบันไดขั้นสุดท้ายจนได้ 555
ถ้าได้รุ่นพี่แนะนำและให้ข้อคิดเก่งๆ แบบนี้ก็จะดีกับรุ่นน้องบรรณารักษ์อีกหลายรุ่นเลย
เก่งจัง การที่จะทำงานสบายต้องอารมณ์ดีเหมือนคุณเลยน่ารักด้วย
พอดีเข้าระบบยากค่ะ
ขอบคุณ กลุ่มรวมมิตรศูนย์การเรียนรู้ดอกคำใต้-ศรีวิราช อำเภอดอกคำใต้ ชมแบบนี้ก็เขินสิค่ะ แต่ก็ขอบคุณมากๆค่ะ
ไม่ว่าจะจบอะไร สาขาไหน จบที่ไหน ผมคิดว่าไม่ใช่ประเด็นเป็นแค่องค์ประกอบ ขึ้นอยู่กับตัวเองว่ามีความตั้งใจในการหางานนั้นแค่ไหน เลือกงานหรือเปล่า น้องนารีจุติ(อิอิ แปลกๆ ปกติเรียกอีกชื่อนึง) ได้ให้ concept ไว้ดีอยู่แล้วถือว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับน้องๆ แต่น่าเสียดายไม่ได้เจอกันเลย อุตส่าห์มาถึงที่แล้วน้า อิอิ
ใช่แล้วครับ อาชีพบรรณารักษ์อย่างเรา ไม่มีทางตกงานได้หรอกครับ ตราบใดที่ยังมีห้องสมุดอยู่บรรณารักษ์ก็ต้องอยู่ต่อไป
http://projectlib.wordpress.com
My library in 365 days
เรียนอะไรมาก็ตกงานได้ทั้งนั้น
ถ้าคุณเลือกงานค่ะ
เรียนจบบรรณารักษ์มาเริ่มด้วยพนง.ร้านหนังสือ ต่อด้วยบริษัทฯพนง.บัญชี-การเงิน สุดท้ายก็ได้เป็นครูบรรณารักษ์สอนอยู่ที่โรงเรียนระดับมัธยม เป็นเพราะไม่เคยเลือกงานที่จะทำเลยไม่เคยตกงาน
http://projectlib.wordpress.com
ลองเข้าไปอ่านดูนะครับ
ขอบคุณคุณชลธิชา ชมชื่น ที่เข้ามาเยี่ยมชม เห็นด้วยค่ะถ้าไม่เลือกงานอะไรก็สบายอยู่แล้ว
ขอบคุณคุณ projectlib วันหลังจะเข้าไปเยี่ยมชมค่ะ
สวัสดีครับคุณ
ขอให้ทุกท่านที่อ่านมีความสุขครับ
มีสาระ และเป็นคำแนะนำที่ดีมากครับ
ผมว่าใช้ได้กับนิสิตเกือบทุกเอกเลยนะ
เมื่อได้งานแล้ว ควรปฏิบัติตัวอย่างไร
1. มีความรับผิดชอบ
2. ตรงต่อเวลา
3. ไม่นินทา
4. มีมนุษยสัมพันธ์ และสัมมาคารวะ
5. ไม่เข้าใจให้ถาม อย่าคิดเอง เออเอง เพราะปัญหาที่คิดว่าเล็กน้อย อาจจะไม่ใช่เล็กน้อยสำหรับคนอื่น ควรที่จะช่วยกันคิดและแก้ปัญหา
6. ควรจะรักในหน่วยงานของเรา ความในอย่าเอาออก ความนอกอย่าเอาเข้า
7. อย่าแต่งตัวโป้ ควรแต่งกายสุภาพ
8. มีความอดทน
9. มีสมาธิ สติ
10. ศึกษาหาความรู้ใหม่อยู่เสนอและหมั่นหาความรู้ใส่ตัว
11. อย่าทำงานข้ามหน้าข้ามตาหัวหน้างาน
ท่อนนี้ผมว่าเอาไปเขียนวิสัยทัศน์และคำขวัญในหน่วยงาน
ได้เลยครับ (อิๆๆๆ ล้อเล่งครับ)
บางทีการได้งาน หรือไม่ได้งานมันก็ขึ้นอยู่กับชะตาชีวิต (ดวง)ของคนด้วยเช่นกันนะ บวกกับจังหวะชีวิต ความพยายาม การไม่เลือกงาน คนทำงานมีแค่ 2 ประเภท
ประเภทที่ 1 มีคนอื่นเป็นนายงาน (เป็นลูกจ้างเขาทั้งของรัฐ เอกชน)
ประเภทที่ 2 มีตนเองเป็นนายงาน (ไม่เป็นลูกจ้างใคร)มีตัวเองเป็นนายจ้าง หมายถึงการทำธุรกิจส่วนตัว ไม่มีใครเขามาบงการ มีความเป็นอิสระ
คนที่ประสบความสำเร็จในการทำงาน มักมาจากคนที่ลองผิดลองถูก วิเคราะห์ ประเมินสถาการณ์เกี่ยวกับงานนั้นๆอย่างชาญฉลาด
อย่าเอาความคิด ความรู้สึกไปผูกพันธ์กับผู้อื่น จงผูกใจด้วยใจของเราเอง ต้องกล้าคิดกล้าทำในสิ่งที่ผู้อื่นเขาไม่กล้า ผมไมเชื่อว่าทุกคนจะตกงานถ้ามีความคิดที่ดี เอาง่ายๆหากคุณตกงาน แค่คุณเริ่มต้นด้วยการถือกระสอบเปล่าเก็บทุกอย่างที่ขวางหน้าตั้งแต่ ขวด พลาสติค หนังสือพิมพ์ กระดาษ เศษเหล็ก ฯลฯ แล้วคุณก็นำไปคัดแล้วส่งขายให้ร้านขายของเก่า คุณก็จะมีรายได้แล้ว นี่ก็คืองานเป็นงานประเภทที่ 2 เสียด้วย ไม่ต้องมีเจ้านาย เมื่อทำไปสักระยะหนึ่ง มีสายสัมพันธ์กับคู่ค้า กิจการเจริญเติบโตขึ้น ขยับขยายตนเองเป็นเถ้าแก่คอยรับซื้อจากผู้อื่นบ้าง ขยายกิจการไปตามกำลัง ค่อยๆโตขึ้นๆในที่สุดคุณก็คือ เถ้าแก่คนหนึ่งมีความมั่งคั่งมากกว่าคนอื่นหลายๆคนก็แล้วกัน
นี่เป็นเพียงตัวอย่าง ของการเริ่มทำงานที่ไม่ต้องใช้ความรู้ความสามารถอะไรเลย แต่ก็ประสบความสำเร็จได้
จึงอยากสนับสนุนความคิดและข้อแนะนำของหนูนารีจุติที่น่ารักด้วยสักคนนะครับ
อาจารย์เก
ที่บ้านเคยถามมาว่าเรียนอันนี้แล้วจะได้งานไรทำบ้างหรอ
อึ่งไปเลย เพราะไม่รู้ว่าเราเรียนสาขานี้แล้วจะหางานไม่ได้
เพราะแถวบ้านจบป ตรีแล้วแต่ไม่รู้เรียนเกี่ยวกับไรน่ะ ได้ยินว่าตกงาน
ก็เลยกดดันกับตัวเองมากเลย แต่ได้อ่านข้อความด้านบนแล้ว
มันทำให้คิดอะไรได้หลายอย่างเลย ขอบคุณมาก และจะนำไปใช้ให้ผลมากที่สุด
ขอบคุณค่ะ น้องแตงโม ไงก็ขอแค่เรามีกำลังใจไม่ท้อก็พอ ลุยหางาน
ขอถามไรหน่อยน่ะค่ะ ตอนนี้พลอยกำลังเรียนสาขานี้อ่ะค่ะ แต่ว่าพลอยอยากเป็นครูแต่พลอยไม่รู้ว่าต้องทำยังไงบ้างก่อนมั้ยในขณะที่เรียน แล้วต้องทำอะไรต่อไปในอนาคตอีกอ่ะค่ะ
เดี๋ยวนี้ เท่าทีทราบ ใครที่จะเป็นครู สามารถเรียนต่อวิชาชีพครูอีก หนึ่งปี และสามารถสอบได้ตามสายงานที่เราจบมาหรือที่ที่รับรองให้สมัครได้ อีกอย่างในอนาคต ถ้ามีโอกาสเรียนปริญญาโทได้ก็จะดีมาก เพราะจะเป็นทางเลือกที่ดีขึ้นสำหรับเรา มีโอกาสได้เป็นอาจารย์สอนได้ค่ะ หากรายละเอียดต่างๆ สามารถติดตามได้จากหน่วยงานราชการที่มีการเปิดสอบบรรจุว่าในแต่ละครั้งมีตำแหน่งใดบ้าง
ขอถามไรหน่อยน่ะคับ คือตอนนี้กำลังเรียนป ตรี สาขานี่อ่ะคับ
แต่อยากรู้อ่ะคับว่า เรียนต่อโทเนี่ยเขาคัดเลือกกันยังไงหรอคับ
แล้วใช้อะไรเป็นเกณฑ์ ผมจะได้เตรียมตัวถูกอ่ะคับ
สวัสดีค่ะ คุณอาน้อย ไม่ทราบว่าตอนนี้เรียนอยู่ชั้นปีอะไรแล้วค่ะ แต่ถ้ามีความสนใจจะเรียนต่อปริญญาโท ทางด้านบรรณารักษ์ต่อ สามารถเลือกสอบได้จากมหาวิยาลัยที่มีเปิดสอบสาขานี้ เช่น ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยราม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฯลฯ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราสะดวกเรียนที่ไหน เรื่องเตรียมตัว คงไม่มีอะไรมาก แค่เตรียมกำลังทรัพย์ (อิอิ) และก็พื้นฐานยังไงเราก็มีอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของเรา หรือไม่ก็สามารถเรียนต่อสาขาที่เกี่ยวข้องหรือนอกเหนือจากบรรณารักษ์ เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้เขียนเองแนะนำว่าถ้ามีโอกาสให้รีบเรียน นะคะ เราจะได้เพิ่มทางเลือกในอาชีพหน้าที่การงานของเราในอนาคต
อยากทราบว่ามหาวิทยาลัยอะไรบ้างที่เปิดสอนปริญญาโททางด้านบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์ ที่ไม่ใช่กรุงเทพฯ นะค่ะเพราะตอนนี้อยู่กำแพงเพชร การเดินทางยังไม่สะดวกเท่าไรคะ รบกวนด้วยนะคะ
ก่อนอื่นต้องสวัสดีน้องเล็กน่ะค่ะ ถ้าในละแวกเขตภาคเหนือตอนล่างยังไม่มีเปิดสอบ ป.โท ด้านบรรณารักษ์ ถ้าจะมี ก็จะเป็นม.ขอนแก่น
แต่พี่เองก็ไม่ได้เรียนต่อป.โท ด้านบรรณารักษ์น่ะค่ะ พี่เรียนต่อ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งเป็นลักษณะต่อยอดทางด้านไอที น่ะค่ะ ซึ่งมหาวิทยาลัยนเรศวรเปิดสอนค่ะ