เมื่อวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาผมกลับบ้านที่ต่างจังหวัดมา...วัตถุประสงค์ในการกลับบ้านครั้งนี้ไม่มีอะไรมากมายอยากกลับไปกินข้าวกับพ่อแม่ที่อยู่ที่สกลนคร...กลับบ้านครั้งนี้เป็นช่วงหน้าฝน ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน( ครั้งก่อนกลับบ้านตอนเข้าพรรษา ) ระยะเวลาห่างกันแค่ 1 เดือนกับอีกไม่กีวันที่แตกต่างคือตอนนี้มองไปด้านไหนก็เห็นแต่สีเขียวของท้องทุกที่เขียวขจีของทุกนาในแถบอีสานเหนือที่เขาบอกเป็นอู่ข้าวอู่น้ำอีกแห่งหนึ่ง.....เรื่องของข้าวเป็นวิถีชีวิตของคนอีสานเป็นส่วนใหญ่แต่การทำนาทุกวันนี้ถูกครอบงำด้วยระบบเศรษฐกิจทุนนิยม..ทำให้ชาวนารุ่นเดียวกับพ่อผมไม่ค่อยมีความสุขในการทำนานัก....เริ่มจากกระบวนการไถสมัยนี้ต้องอาศัยความเหล็กควายที่มีชีวิตแทบไม่เหลือแล้วครับในตอนนี้ ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าหญ้า ( ฆ่าแม้กระทั่งชีวิตเจ้าของนา ) ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับนาต้องใช้เงินในการลงทุนหมด..ทำนาขายข้าวได้หักลบกลบหนีค่าแรงงาน ค่ายาฆ่าแมลง ค่าปุยเคมี ไม่เหลืออะไรเลย ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นข้อผิดพลาดของระบบ.....ปลาใหญ่กินปลาเล็ก...ปลาเล็กไม่มีโอกาสเติบโต ชีวิตของคนชนบทโดยเฉพาะที่ราบสูงจึงวนเวียนอยู่กับวงจร จน เจ็บ ขาดโอกาสในการเรียนรู้
กลับบ้านครั้งนี้ผมได้นึกทบทวนสิ่งที่ครอบครัวผมทำ ครอบครัวผมเป็นครอบครัวชาวนาผมมีพี่น้อง 2 คน พ่อแม่มีอาชีพทำนามีที่นาไม่มากครับ 15 ไร่โดยประมาณ ครอบครัวของผมในตอนนี้ ไม่ได้ติดไปในกระแสนิยม ของทุนนิยมสักเท่าไหร่พ่อแม่ยังทำนาตามระบบเดิม..ยังใช้ควายไถนาอยู่ครับ ที่บ้านมีความ 5 ตัว เรื่องความพอเพียงต้องยกให้คุณพ่อกับคุณแม่ดำเนินชีวิตอยู่ในทางสายกลางตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาโดยตลอด ...แม่เป็นผู้หญิงที่แกร่งสู้ชีวิตมาก..นอกจากทำนาพ่อกับแม่ยังมีอาชีพขายผักที่ตลาดโดยทำการผลิตผักเอง....ขายเองที่ตลาดที่บ้านหนองหลวง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร แม่ขายผักมากว่า 30 ปีแล้วเคยถามแม่ว่าตอนนี้ลูกก็เรียนจบแล้วเมื่อไหร่จะเลิกขายผักที่ตลาด..แม่ตอบว่ากูหมดกำลังเมื่อไหร่กูจะเลิกถ้ายังทำได้เลิกไปทำไม....แม่เป็นคนที่มีความมานะพยายามขยันหมั่นเพียร ที่ปลูกผักของแม่ชาวบ้านใกล้เคียงขนานนามให้ว่า โพนปริญญา เพราะที่ผมเรียนจบคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ ก็เพราะแม่ปลูกผักที่โพนแห่งนี้ส่งผมเรียน และตอนนี้น้องสาวของผมก็กำลังจะเรียนจบ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ....สุดยอดยิ่งกว่าเรียนเศรษฐศาสตร์ สำหรับตัวแม่ ในความคิดผม .....ผมภูมิใจในครอบครัวผมและผมจะสานต่อกิจการเล็ก ๆที่บ้านต่อไปครับ ..
เรื่องการลืมถิ่นฐาน...ลืมกำพืดตัวเองไม่เกิดขึ้นแน่นอนครับอาจารย์...ชีวิตต้องตอบแทนดินแดนบ้านเกิดครับ ขอบคุณมากนะครับอาจารย์มากครับภาพสวย ๆ
สวัสดีครับ
สำหรับผมแล้ว..บ้านเป็นความทรงจำที่มีชีวิต และเป็นปัจจุบัน ซึ่งดำเนินไปอย่างไม่รู้จบ
บ้านคือที่ ๆ เดียวที่ผมสามารถหลับตานอนได้อย่างอิ่มสุข ..มีแม่เป็นแม่ครัวฝีมือเอกในการปรุงรสอาหาร มีท้องทุ่งเป็นห้องเรียนและสถานบันเทิงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์
ผมมีบันทึกต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับบ้านเกิดบ้าง ในคำหลัก "บ้าน วิถีทุ่ง คนที่รักและความทรงจำไม่รู้จบ" ...ถ้ามีเวลาลองแวะไปเที่ยวเล่น ดูนะครับ
หรือ ...
http://gotoknow.org/blog/pandin/94616
เที่ยวทุ่งหน้าแล้ง
http://gotoknow.org/blog/pandin/95831
เถียงนา
http://gotoknow.org/blog/pandin/115158
บ้าน อยู่ไม่ไกล แต่ไกลบ้าน..