<p style="margin: 0cm 0cm 0pt 36pt" class="MsoNormal">
จะอ่านเรื่องนี้ต้องเตรียมตัวเตรียมใจนะครับ หาน้ำเย็นมากลั้วคอหรือหายาหยอดตาเตรียมวางไว้ใกล้ๆ
เพราะตำนานเรื่องนี้ รักหวานจ๋อยจัดจนมดขึ้นหรืออาจทำให้เกิดความตาร้อนผ่าวขึ้นมาได้ง่าย หากพาลระลึกถึงคู่ของเรา ฮิ ฮิ </p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt 36pt" class="MsoNormal">
หนูลิซ่า Ms.Li sihong</p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt 36pt" class="MsoNormal"></p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt 36pt" class="MsoNormal">
วันสุดท้ายก่อนจากมหาวิทยาลัยหวงเหอ รองผู้อำนวยการวิเทศสัมพันธ์คนสวย หนูลิซ่า Ms.Li sihong เธอให้สัญญาว่าจะพาเราไปกินอาหารเช้าแบบออริจินัลของยูนาน
คือ “ขนมจีนข้ามสะพาน” อันลือชื่อ
ภาษาจีนเรียกว่า “ กั้วเฉียวหมี่เซี่ยน”
คนยูนานพูดไม่เหมือนคนปักกิ่ง ดังนั้นไม่ต้องออกเสียงแบบม้วนลิ้นครับ
ผมเองก็งงงง เหมือนกันว่า ไอ้ขนมจีนข้ามสะพานนี้มันจะเป็นแบบไหน พาลนึกหน้าตาเป็นแบบขนมจีนน้ำเงี้ยวไปโน่นและคิดเพียงว่าน่าจะมีเส้นที่ยาวเหยียดจนจากฟากสะพานด้านหนึ่งไปถึงอีกด้านหนึ่ง
ถามเขาดูก็บอกเพียงว่า น่าเดี๋ยวก็รู้เองแต่มันมีตำนานเกี่ยวกับนิยายรักโรแมนติกด้วยล่ะ
ผมก็เลยพาลนึกภาพแบบหนังการ์ตูนวอลล์ดิสนีย์ ที่มีเจ้าหญิงถูกพ่อมดจับขังไว้ที่หอคอยเป็นเวลายาวนาน จนเส้นผมยาวเหยียด เลยใช้เป็นประโยชน์หย่อนลงมาให้เจ้าชายขี่ม้าขาวพาหนีออกมาได้
เลยนึกต่อว่าไอ้ขนมจีนที่ว่านี้ชรอยเส้นมันคงยาวเหยียดจนผู้ชายพาคู่รักโหนข้ามสะพานไปได้แน่แน่</p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt 36pt" class="MsoNormal"></p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt 36pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt 36pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt 36pt" class="MsoNormal">
</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt 36pt" class="MsoNormal"> พอเข้าไปในภัตตาคาร โอ้โฮ้! จะพามากินขนมจีน ร้านต้องหรูหราขนาดนี้เชียว ที่เชียงใหม่หากพาไปกินขนมจีนมักจะเป็นร้านแบบยองยองเหลาก็ดูดีแล้ว
พอเห็นภาพบนโต๊ะต้องอึ้งครับ…ดูภาพเอาเองก็แล้วกัน อะไรต่อมิอะไรวางเต็มไปหมด</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt 36pt" class="MsoNormal">
</p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt 36pt" class="MsoNormal"> เขาก็เชิญให้นั่ง ผมเห็นแต่เส้นหมี่ขาววางอยู่ในจาน หน้าตาก็คล้ายๆเส้นขนมจีนบ้านเรา เพียงแต่เส้นใหญ่กว่านิดหน่อยแต่ไม่เห็นมีน้ำแกงอะไร ที่วางอยู่บนโต๊ะก็มีจานใส่ผักต่างๆ จานใส่หมู เครื่องใน ไข่และไก่ทอดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆพอคำ พร้อมเครื่องปรุงมีพริกคั่วกับน้ำมันสไตล์ยูนานแบบข้าวซอยเชียงใหม่
สักพัก เขาก็ยกชามน้ำซุบมาเสริฟ์ วางลงข้างหน้าคนละชาม
แม่เจ้าโว้ย! ต้องอุทานอย่างนี้จริงๆครับ เพราะชามน้ำแกงนี้มโหฬารมาก เหมาะสำหรับคนกินสักสิบคน!</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt 36pt" class="MsoNormal">
</p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt 36pt" class="MsoNormal"> ลืมถ่ายตอนก่อนกิน :) กินจนอิ่มแปร้แล้วจึงนึกได้ เลยถ่ายเก็บไว้ ที่เห็นอยู่นี้ ใช้วรยุทธสุดยอดแล้ว แฮ่ะ แฮ่ะ มีปัญญากินได้เท่านี้เอง</p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt 36pt" class="MsoNormal"> </p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt 36pt" class="MsoNormal"> ในชามมีน้ำซุบคล้ายน้ำก๋วยเตี๋ยวบ้านเรา กลิ่นหอมหวนมีไอร้อนกรุ่นพวยพุ่ง และมีน้ำมันสีเหลืองอ่อนลอยอยู่บนหน้าซุบ
หนูลิซ่า ก็อธิบายวิธีกินให้ โดยหยิบจานเนื้อต่างๆใส่ไปก่อน คือเนื้อหมู เครื่องในดิบๆ ค่อยๆคนให้สุกอย่างเบามือ พอเนื้อสุกแล้วก็ใส่ผักต่างๆลงไปจนหมด
สุดท้ายตามด้วยเส้นหมี่ขาว จานพูนคีบใส่ไปตามต้องการ ผมทดลองคีบใส่ดูก่อนเพียงเล็กน้อย เอ๋! เส้นก็มีขนาดปกติมาตรฐานเส้นหมี่ทั่วไปนี่ แล้วมันเกี่ยวกับข้ามสะพานตรงไหน?
พอจะเอ่ยปากถาม หนูลิซ่าก็ยิ้มชมดชม้อยบอกว่าอย่าเพิ่งถาม (นะลุง) ให้กินไปก่อนเดียวจะเสียรสชาติ กินเสร็จแล้วหนูจะเล่าทีหลังจะได้ซาบซึ้งไง แบบ Appreciation (สมัยเรียนศิลปากรดัดจริตออกเสียงคล้ายฝรั่งว่า อัปปรีย์ชีเอชั่น เวลาไปเขียนรูปแถววัดมหาธาตุแม่ชีฟังแล้วสะดุ้งเฮือกๆ)
ผมเลยทำตามอย่างว่าง่าย เอาตะเกียบคีบเส้นขนมจีน ซดน้ำซุบ ตามด้วยผักและเนื้อไก่ พอเข้าปาก
โอ้พระเจ้า… ซ่าร่า เอ้ย! ลิซ่า มันยอดดดดจริงๆ</p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt 36pt" class="MsoNormal">
</p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt 36pt" class="MsoNormal"> น้ำซุบไก่หวานหอม รสชาติสุดยอดกลมกล่อม โดยไม่ต้องปรุงรสอะไรเพิ่มเติมทั้งสิ้น ด้วยน้ำหวานของผักนานาที่ใส่เข้าไปและเมื่อคีบเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่นกกระทาเข้าปาก…อืม
เอาอะไรมาแลก(ในขณะนั้น) ก็ไม่อาวววว
ซดกันโฮกๆ ซูดๆกันอยู่นานด้วยความอร่อย สังเกตดูน้ำซุบเพิ่งพร่องลงจากขอบชามเพียงนิ้วเดียวเท่านั้น ใครกินหมดชามได้ต้องเป็นตือป๊วยก่ายหรือไม่ก็พิงค์กี้เลดี้กลับชาติมาเกิดแน่
อร่อยสุดยอดในชีวิตครับ แต่ก็หาหมดไม่ ผมกินเส้นขนมจีนจนหมดชามที่ให้มาแต่ไม่มีปัญญาซดน้ำซุบที่ให้มาหมด สังเกตดูทุกคนก็เหมือนกัน ท่านอธิการบดีบอกว่าที่จริงซุบชามเดียวก็พอเพียงทั้งโต๊ะ
ข้อดีอีกอย่างหนึ่ง วิธีกินขนมจีนข้ามสะพานแบบนี้ เหมาะสำหรับสุภาพสตรีเพราะในขณะกินไอควันร้อนๆของน้ำซุบจะรมใบหน้าได้ทั้งหน้า เพราะต้องชโงกหน้าไปกินและปากชามก็ใหญ่เหลือเกินสมเป็นหมี่ซาวน่า
อิ่มท้องแล้ว ผมก็ทวงถามหนูลิซ่าตามสัญญา เธอทำตาหวานชม้อยตาถามว่าผมมีภรรยาแล้วยัง (เพราะแก่ป่านนี้แล้ว)
ผมจึงกัดฟันตอบไปว่า มี! (อย่างชายชาติเสือ) เธอจึงบอกว่า หากมีแล้วก็จะซาบซึ้งกับตำนานความรักในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น แล้วเล่าว่า…
เมื่อประมาณ ๒๐๐ ปีก่อน ณ ทะเลสาบหนานหู เมืองเหมิงจื้อ ของมณฑลยูนาน มีชายหนุ่มแซ่จางประสงค์จะสอบจองหงวนให้สำเร็จ จึงปลีกตัวจากครอบครัวไปท่องหนังสือดูตำราที่เกาะกลางทะเลสาบอย่างเคร่งเครียด
ด้วยความรักและห่วงใย ภรรยาสาวสวยก็ใส่ใจคอยหาอาหารนำไปส่งทุกวัน ต้องเดินทางไกลจากหมู่บ้าน ข้ามสะพานไปส่งอาหารให้ที่เกาะทุกวัน แต่เนื่องด้วยระยะทางที่ห่างไกล ทำให้อาหารที่นำไปให้ ไม่ว่าจะปรุงไปด้วยรสชาติที่ล้ำเลิศเพียงไร พอไปถึงก็เย็นชืดหมดรสไปเสียทุกครา
ต้องนึกภาพแบบวิถีชีวิตคนจีนจึงจะเข้าใจประเด็นเรื่องนี้ เพราะคนจีนนิยมกินอาหารร้อนๆ ดื่มน้ำร้อนๆ ต่างกับคนไทย คงเป็นเพราะสภาพอากาศหนาวเย็นจัด แม้กระทั่งโค้กหรือเบียร์ยังไม่แช่เย็นเลย
มาเมืองจีนต้องกิน โค้กอุ่นๆ หากอยากกินเย็นต้องร้องหา ปิงไคว่(น้ำแข็ง) เอาเอง
ชายผู้เป็นสามีได้อาหารที่เย็นชืดทุกวัน ก็ทำให้ไม่เจริญอาหาร ร่างกายก็ซูบผอม สุขภาพก็ทรุดโทรมลงมาก สติปัญญาก็เริ่มถดถอยจนเกิดความวิตกกังวลว่าจะสอบไม่ผ่าน
ฝ่ายภรรยาก็กลุ้มใจโศกเศร้าว่าเป็นเพราะตนทำหน้าที่พกพร่อง พยายามหาวิธีการต่างๆที่จะทำให้สามีของตนเจริญอาหารให้จงได้ วันหนึ่งเธอจึงคิดสูตรอาหารทำด้วยเนื้อไก่ แต่ไม่ปรุงให้สุกเสียคราวเดียว ตุ๋นส่วนหนึ่งเพื่อทำน้ำซุบ แล้วเอาใส่ไหใบโต แบ่งเนื้อไก่ออกเป็นชิ้นๆห่อไปและนำหมี่ขาวไปด้วย ตั้งใจไว้ว่าจะไปปรุงประกอบอาหารให้สามีสุดที่รักได้กินร้อนๆ
เมื่อเตรียมเสร็จสรรพ เธอจึงเดินทางไป แต่ในคราวนี้มีอุปกรณ์มากมายที่ต้องนำติดตัว ระยะทางก็ยาวไกล ที่หนักที่สุดคือไหใส่น้ำซุบร้อนๆนั้นที่ยิ่งเดินก็ยิ่งหนัก อาศัยความรักที่มีอยู่และความตั้งใจจริงที่อยากให้สามีได้กินอาหารที่อร่อยถูกปาก ทำให้เธอต้องอดทนต่อความทุกข์ยากลำบากกายในขณะเดินทาง
พอใกล้ถึง เธอก็มีสภาพร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ายิ่งนัก และในขณะที่เธอกำลังข้ามสะพานนั้นเอง เธอก็เป็นลมสิ้นสติล้มพับไป
เธอหมดสติไปเป็นเวลานานและเมื่อได้สติฟื้นตัวขึ้นมา เธอเสียใจมากเพราะคิดว่าสามีของเธอต้องกินอาหารที่เย็นชืดอีกแล้ว
แต่…เมื่อเธอก้มหยิบไหที่ใส่น้ำซุบไก่ ปรากฏว่าอัศจรรย์ใจนักน้ำซุบยังคงร้อนอยู่ เธอจึงรีบเดินทางต่อและนำไปปรุงอาหารที่ยังร้อนอยู่ให้สามีกินได้สำเร็จดังประสงค์
สามีกินด้วยความเอร็ดอร่อยยิ่งนัก เมื่ออิ่มหนำสำราญดีแล้ว ภรรยาจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ต่างคนต่างสงสัยว่าทำไมน้ำซุบจึงคงความร้อนอยู่ได้ เมื่อไปดูที่ไหซุบ เห็นน้ำซุบที่ยังเหลืออยู่มากมีคราบน้ำมันสีเหลืองลอยอยู่บนผิวซุบ จึงเข้าใจว่าเป็นเพราะมีฝ้าน้ำมันลอยปิดหน้าน้ำซุบนี่เองที่เป็นตัวกั้นมิให้น้ำซุบคงความร้อนอยู่ได้นานและน้ำซุบมีก็ปริมาณมากพอ
สามีจึงชมเชยในสติปัญญาของเธอและชื่นชมในความรักอาทรที่เธอมีแก่สามี เมื่อสามีได้รับอาหารที่มีคุณภาพทางโภชนาการ จึงมีสุขภาพแข็งแรงและมีสติปัญญาดีขึ้น ตามลำดับ
ในที่สุดสามีก็สอบจองหงวนได้สำเร็จ เป็นที่ภาคภูมิใจแก่ครอบครัวยิ่งนัก เมื่อเป็นจองหงวนแล้ว จางจองหงวนจึงประกาศเรื่องราวเบื้องหลังแห่งความสำเร็จที่เป็นสติปัญญาของผู้เป็นภรรยาให้ปรากฏ
และตั้งชื่ออาหารนั้นว่า “ กั้วเฉียวหมี่เซี่ยน” “ หรือ ขนมจีนข้ามสะพานตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลังจากนั้นก็นิยมนำมาเป็นสูตรปรุงกินกันและใส่เครื่องปรุงต่างๆมากขึ้นจนกลายเป็น ตำนานขนมจีนข้ามสะพานอันเลื่องลือของมณฑลยูนานตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เป็นไงครับ ฟังแล้วซาบซึ้ง ถึงความรักและความห่วงหาอาทร ตลอดจนความอดทนพยายามของภรรยาจางจองหงวนไหม?
ผมว่าอาหารใดใดก็ตาม หากปรุงด้วยความรักและห่วงใย ก็จะอร่อยล้ำเลิศที่สุดในโลก และหากได้กินร่วมกับคนที่เรารักที่สุดแล้วไซร้
ก็จะมีความสุขที่สุดในโลก เช่นกัน</p>
อาจารย์ขา
เรื่องนี้อ่านแล้วซาบซึ้งมาก อาจารย์เล่าได้อรรถรสปนกับความอร่อย และเห็นภาพ(ความหิว)ชัดเจน
ทั้งอร่อยในเรื่องอาหาร และอร่อยในเรื่องความรัก (อิอิ)
อยากทำน้ำซุปให้คนที่เรารักทานจังเลย ฝีมือก็ใช่ย่อยนะคะ
ประกาศ ประกาศ ประกาศ
วันนี้จะแซงคิวพี่ใหญ่ น้องกลาง น้องเล็ก 5555
โอ้โฮ้!
วันนี้หนูอึ่งรวดเร็วเป็นกรด
นอกจากจะแซงหน้ากามนิตหนุ่มจนตกแม่น้ำโขงแล้ว
ยังแซงหญิงใหญ่ หญิงเล็ก น้องรอง จนเสียฟอร์มไปตามกัน ฮิฮิ
เมื่อไหร่หนูอึ่งทำซุบ โปรดโทรมาทันใด :)
จะได้เอามาเขียนเป็นซุบรักหักสะพาน ภาคสอง :)
หนูศิษย์น้องเล็กแก้มยุ้ย
มาซาบซึ้งเรื่องของกิน คงถูกใจเจ้ายิ่งนัก!
ทีหลังจะได้หาคนกินหมี่ไปสบตาหวานซึ้งไป สูดเส้นมาม่าซ้วบๆไปด้วยกัน ซึ้งซะไม่มี :)
เรื่องฮูหยิน ต้องรีบยืดอกอันเหี่ยวๆตอบอย่างฉะฉาน เพราะครั้งก่อนถูกจับแต่งงานที่ภัตตาคารจนถูกข้อหาว่าละทิ้งภรรยาไว้ที่เมืองจีนเป็นข้อหาฉกรรจ์มาจนบัดนี้
เออดีนะ รีบถามแม่เร็วๆ อาจารย์ก็อยากรู้ว่าแปลถูกไหม?
ศิษย์พี่ใหญ่..
ดีว่าศิษย์น้องรองกลับบ้านดึกแล้วเพิ่งจัดการข้าวไข่เจียวไป มิเช่นนั้นคงต้องร้องหาหมี่ (มาม่า) กินเป็นแน่ ^ ^ ก็คล้ายที่เล่ามาที่สุดแล้วอ่ะ 5555
ตอนเย็นมัวแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน ไม่เห็นบันทึกนี้ ไม่งั้นต้องมาปาดหน้าแซงกันเหมือนพี่อึ่งอ๊อบกับน้องเล็ก.. ^ ^ แต่มาอ่านที่หลังก็ดีเพราะได้ความรู้เพิ่มจากน้องเล็กอีกต่างหาก..ศิษย์พี่ใหญ่คะ
ปิดท้ายบันทึกได้ซึ้งจริงๆ อ่านมาตั้งแต่ต้น ยังไม่ซึ้งเท่าประโยคปิดท้ายเลยค่ะ :)
เห็นภาพแล้วหิวค่ะ :)
เจีย เจี๊ย
น้องเล็กแก้มยุ้ย และคุณแม่
ช่างแปลได้ทันใจและลึกซึ้งดีแท้ โดยไม่ต้องอาศัยแลงดอนให้ป่วยการ
แต่งตั้งอาแม่เป็น แลงดอนไชนิส ดีกว่า :)
คุณแม่ต้องอินแน่แน่ เพราะต้องเคยมีตำนานรักข้ามโลกติดตัวมาบ้าง ไม่งั้นไม่อินขนาดนี้ (ดังกว่าข้ามสะพานอีก) :)
อาจารย์เคยอ่านมาหลายเรื่องแล้ว ภรรยาจีนมักเป็นเช่นนี้ ทั้งจงรักภักดีสุดขอบฟ้าและยอดภรรยาปรนนิบัติเยี่ยมยอด โดยเฉพาะเรื่องอาหาร
ไม่งั้นเขาจะบอกว่า มีเมียญี่ปุ่น กินอาหารจีน อยู่บ้านฝรั่ง รึ เทั้งสามอย่างนี้ ป็นความฝันสุดยอดของบรรดาชายทั้งปวง
ศิษย์น้องรอง
ฮ่า! ฮ่า ! ตำนานรักข้ามมาม่า คงเป็นเวอร์ชั่นพิเศษของน้องรอง
วาสนาเจ้า ชมชอบกินมาม่า ตามลำพัง
ศิษย์พี่เคยบอกว่าให้เลือกคู่ หรือไม่จะจัดหาให้ ก็ส่ายหน้าว่า ม่ายอาว ม่ายอาว อยู่นั่นแหละ
แล้วมานั่งหน้าเน็ต ทำตาซึ้งข้ามทวีปเป็นขนมจีนข้ามสะพานอยู่ได้อย่างไร :)
เดี๋ยวนี้ วิชาตัวเบาของเจ้าตกต่ำ เป็นรองน้องอึ่ง (นางพญาอึ่งขาว) ไปหลายกิโล :)
ศิษย์น้องเล็กชนี เอ้ย! นินจาน้อย
ทำเป็นมาซาบซึ้ง มีใครมานั่งสบตาตอนกินมาม่ารึป่าว จะได้ทำท่าเขินม้วนไปมาแล้วสูดมาม่าเข้าทางจมูก
พี่ใหญ่ไปเมืองจีน ไม่ค่อยเห็นโฆษณาขายครีมไวท์เทนนิ่งเลย ไม่งั้นจะแบกมาฝากสักสองกิโล ให้ทั้งอาบทั้งทา จะได้ขาวไว ขาวไว!
จริงๆด้วย หากมีคนที่เรารักและรักเรา แม้นจะทำมาม่าให้กินยามดึก เราก็จะว่ามันเป็นมาม่าที่อร่อยสุดยอดที่สุดในโลก
ยิ่งมานั่งกินด้วยกันแล้วไซร้...มาม่ากี่ห่อก็ไม่พอ :)
ว่าแต่หนู มีหนุ่มหลงทางมาหาบ้างหรือยัง? อย่าลืมวรยุทธที่สอนให้ยิ้มกว้างๆนะ :)
ท่ากินแบบนี้ได้ใจมากครับ
ผมเพิ่งสังเกตว่าชามก๋วยเตี๋ยวเท่ากะลามังเลยนะครับ แบบนี้อาจารย์ทานหมดมั้ยครับ???
แฮ่! น้องเอก
ขืนหมด ต้องหามกลับขึ้นเครื่องบินแน่ :)
ชามใหญ่แบบนี้ดีครับ กินเสร็จแล้วหน้าขาวผ่องขึ้นมาทันตาเห็น
สวัสดีค่ะอาจารย์
มณฑลยูนานที่อาจารย์ไป ไปเมืองอะไรค่ะ แป๋วเคยไปคุนหมิงค่ะ ก็ไปทานขนมจีนข้ามสะพานที่ว่านี้เหมือนกันค่ะ แต่ไม่ทราบตำนาน หรือไกด์เล่าแล้วลืม...อิอิิอ
อาจารย์เล่าดีมากๆ อินค่ะ ชื่นชม ค่ะ ว่าสาวจีน หรือภรรยาจีนช่างปรนนิบัติพัดวีจังเลยค่ะ
ภรรยาชาวไทย ที่เป็นแบบนี้ก็มีมิใช่น้อยนะค่ะ...
ศิษย์พี่ใหญ่คะ
แหม.....อยากมีคนทำมาม่าให้กินจัง หายากชะมัด ฮ่าๆ ยิ้มกว้างแค่ไหน ก็ไม่เห็นมีคนมาทำให้กินเลย แต่ว่าไม่ง้อค่ะ ทำกินเองก็ได้..... :)
สวัสดีค่ะอาจารย์
ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ยอดหญิงเลยนะคะ
ผู้ชายไทยคงอิจฉากันไปตามๆกัน
สาวชาวจีนนี่ขึ้นชื่อเรื่องความภักดีและปรนนิบัติสามีเก่งมากๆ ไม่ทราบเดี๋ยวนี้ เป็นยังไง เดี๋ยวนี้ สาวจีนเปรี้ยวมากนะคะ ไปปักกิ่งหนที่แล้ว เห็นแต่งตัวกันสวยสุดเดชเลยค่ะ
เดี๋ยวนี้ที่ยูนนานปรับปรุงเรื่องห้องน้ำแล้ว ใช่ไหมคะ
ติดตามอ่านบันทึกอาจารย์ค่ะ สำนวนวันรุ่นค่ะ
ขอขอบคุณอาจารย์พิชัย...
น้องเล็กแก้มยุ้ย
อาแม่น้องเล็กมีมุขไม่เบา :)ไปกท.เมื่อไหร่จะไปกวดวิชาเพิ่มมุขนะ บอกอาแม่จะไปคุกเข่าขอเรียน
เรื่องไหว้พระจันทร์ไปอ่านและเพิ่มเติมในส่วนความหลังของศิษย์พี่แล้ว
หนูแป๋ว
อาจารย์ไปคุนหมิงแล้วนั่งรถอีก 5 ชั่วโมงไปเมืองMengzi ใกล้ชายแดนเวียตนาม เป็นเกตเวย์ไปสู่Sounth East Asia จึงพัฒนาเมืองใหญ่โตมากและมีมหาวิทยาลัยที่ดี เอาไว้เขียนตอนต่อไปครับ
สาวไทยที่ช่างปรนนิบัติก็มีเยอะครับ เช่นหนูแป๋วเป็นต้น ที่มีสามีคอยปรนนิบัติอย่างยอดเยี่ยม :)
น้องเล็กเด็กสุดนินจาน้อย
โถ โถ พิโถ...มัวแต่ยิ้มกว้างๆ อยู่นั่นแหละ
วิชามาร เอ้ย! วิชาที่เหลืออีกหนึ่งอย่างไม่งัดออกมาใช้เสียนี่...
จงเอาแขนที่ยาวเหยียด ของเจ้าคว้าหนุ่มที่อยู่ในรัศมีวงแขนเอามาต้มมาม่าให้เจ้าเสียดีดี ฮ่าฮ่า!
น้องเล็กแก้มยุ้ย
อย่าไปอาสา takecare ให้น้องนินจาลงน้ำหลวงพระบางเลย :)
ให้เธอขึ้นมาเถอะ...โอกาสยังมีหากปรับสีผิวนิดหน่อย
สวัสดีครับ คุณศศินันท์
เรื่องนี้เขาว่าเป็นเรื่องจริงนะครับ
เรื่องความรักสามีและกตัญญูนี่ ชาวจีนมีชื่อเสียงมากในเรื่องความอดทนและปรนนิบัติทดแทนพระคุณ
สาวไทยสมัยกฤษณาสอนน้องก็ใช่ย่อยครับ ต้องตื่นก่อนนอนหลังและกราบเท้าสามีก่อนนอนทุกคืน
เดี๋ยวนี้พัฒนาขึ้นมามาก...ให้สามีกราบแทน:)
ห้องน้ำที่ยูนาน ยังรักษาความเป็นเอกลักษณ์อย่างเหนียวแน่นครับ จะเล่าให้ฟังตอนต่อไป
เป็นสีสรรที่แตกต่างไปจากชีวิตเดิมๆครับ :)
สวัสดีครับคุณหมอ สาธุ ขอบคุณที่ชม
ระลึกถึงคุณหมอเสมอครับ :)
อ่านแล้วรู้สึกดีจังเลยค่ะ แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่า จะรักใครนอกจากพ่อแม่ได้มากขนาดนั้นได้ยังไงค่ะ
ช่างเหลือเชื่อจริงๆนะคะที่ทำได้
เอ หรือเป็นเพราะหนูไม่เคยรักใครนอกจาคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่รู้ค่ะเลยนึกไม่ออก แห่ะๆ
เอารูปหยดน้ำมาฝากอาจารย์ค่ะ
เรื่องนี้ของอาจารย์ทั้งสนุกและอร่อยเลยค่ะ อ่านไปแอบกลืนน้ำลายไป หมอกำลังเป็นขาประจำของหมี่จั๊บอยู่ คงพอแทนกันได้ค่ะ โห แต่เห็นชามอ่างขนาดนั้น แค่เห็นก็ชวนอิ่มแล้วค่ะ
นึกถึงป่าป๊าเลยค่ะ เวลาป๊าจะกินข้าว แม่ต้องเอาไปอุ่นให้ร้อนก่อนเกือบทุกครั้ง หมอยังนึกค่อนเลยว่าจะกินร้อนๆไปทำมั๊ย ลวกปากพอง(สงสัยรุ่นลูกจะเป็นเจ๊กกบฏหมดแล้วค่ะ เพราะกินแค่อุ่นๆหรือเย็นๆก็กิงล่าย กิงเรียบ)
ว่าแต่ว่า อาจารย์กับอาจารย์นางสิงโต อย่ากินอาหารอิตาลีบ่อยนะคะ เดี๋ยวไขมันในตับจะเกินงาม ฮิฮิ
หนูสุกฤตา
หายไปจากวงการนานนะครับ
ไปปฏิบัติธรรมที่ไหนหรือปล่าว?
นึกภาพไม่ออก เพราะอาจไม่มีประสบการณ์จริง
เพราะเอาใจที่เต็มไปด้วยความรักให้คุณพ่อคุณแม่และลูกเสียหมดสต็อกแล้ว :)
อย่างไรก็ตาม ของพรรณนี้มันอยู่ที่บุพเพสันนิวาสครับ คือกรรมที่ประกอบร่วมกันมาก่อน
บางคนก็มาค้นพบประสบรักเร็ว...
บางคนก็มาช้า ต้องคอยคู่นานหน่อย
เพราะอาจยังไม่เกิด หรือเกิดแล้วแต่พลัดไปอยู่ที่อื่น
พอถึงเวลา ก็จะมาเองครับ
(เอ้า! ไป ไป... น้องเล็กชนีน้อยมาแอบฟัง เป็นเด็กเป็นเล็กต้องรออีกนาน) :)
หนูแป๋ว สวยมาก
หมายถึงรูปนะ :) อย่าเพิ่งดีใจ :)
เดี๋ยวจะตามไปเลีย เอ้ย! ไปอ่านครับ
ช่วงนี้ใช้เสียงมากอยู่ด้วย
หมอนิดครับ
คาดว่าเรื่องนี้ จะเข้าล็อกหมอพอดี
คือทั้งมันทั้งน่ากิน...
คนจีนชอบกินของร้อนๆ และมีวิธีกินไม่เหมือนชาติอื่นๆ อาจารย์สังเกตุดูพ่อ เวลากินซุบร้อนๆ หรือข้าวต้ม เขาจะซดหรือพุ้ยเข้าปากได้อย่างว่องไว ทำปากห่อๆ ซดกลืนซดกลืน
พอทดลองทำบ้าง ไม่ไหวลวกปากคอยับเยิน :)
เรียกว่าฝีปากไม่ถึงง่ะ
ชามที่เห็นนี้ ทีแรกแทบผงะ นึกภาพเขาประคองสองมือมาตั้งดู น้ำปริ่มขอบชามเลย
ทีแรกนึกว่า ชามเดียวทั้งโต๊ะ ยังเฉยๆ พอเอามาตั้งอีกตรงหน้าแทบเป็นลม
อาจารย์ก็กินแทบตายจนจุกมาถึงคอ ได้เท่าที่เห็นนี่แหละ
นั่นแน่ คุณแม่หมอก็สวีทไม่เบา ยิ้มก็หวาน สวยอย่างนี้ตอนสาวๆคุณพ่อคงเลิฟน่าดู
ระยะนี้สองอาจารย์เว้นอาหารไอ้เลี่ยนไปหลายเดือนแล้ว ...แต่พูดแล้วชักคิดถึง
อืมม? โทรจองเลยดีกว่า...แล้วค่อยไปนอนเปิดพุงให้หมอวิจารณ์ทีหลังก็แล้วกัน :)
อาจารย์คะ อาจารย์ใช้เทคนิคอะไรแต่งภาพให้โฟกัสจุดเดียวในรูป แล้วที่อื่นเบลอหมดคะ ช่วยสอนสั่งลูกเต่าน้อย(หมูยักษ์ก็ได้ค่ะ)ด้วยค่ะ สงสัยจะทำแบบเดียวกับรูปคุณซูซานที่แต่งรูปต้นไผ่ใช่ไหมคะ
ที่อาจารย์เล่าเรื่องคนจีนซดของร้อนๆ แม่นแล้วค่ะ หมอเห็นป๊าซดแกงจืด หรือพุ้ยข้าวต้มร้อนๆยังอึ้งทึ่ง แล้วก็หยอง เพราะในตำราเรียนบอกว่าโรคมะเร็งที่หลอดอาหารจะเยอะในกลุ่มคนจีนนี่แหละค่ะ เค้าเลยสงสัยว่าอาจจะมาจากกินอาหารร้อนเกินไปหรือเปล่า
อาจารย์กะอาจารย์ฮูหยินทานตามสบายเลยค่ะ หมอเข้าใจแล้ว
คุณหมออนิศรา ค่ะ
ถ้าหนูเดาไม่ผิดคิดว่าอาจารย์พิชัยน่าจะใช้เจ้าโปรแกรม Picasa ของ Google ค่ะ เป็นโปรแกรมฟรีค่ะ ทำอะไรได้หลายอย่าง Download ได้เลยที่ http://picasa.google.com/ ค่ะ
สวัสดีค่ะ ศิษย์พี่ใหญ่
อ้อ...ลืมไปค่ะ...งานนี้หากเป็นหญิงไปเรียน....ชายคงปล่อยอดตายตั้งแต่อาทิตย์แรกๆแล้ว..อิ..อิ....
ขอบคุณหนูน้อยนินจามากที่ช่วยตอบ
ขอให้อานิสงส์ ขาวขึ้น ขาวขึ้น ขาวววววววววววขึ้น
ในเร็ววันเทอญ :)
อ.ขจิต กามนิตหนุ่ม
เห็นหิวตลอดนี่ครับ ไปบันทึกของหนูหว้าก็หิวมาม่า :)
ว่าแต่ไปอเมริกา จะหาใครที่ทำหมี่ให้กิน
แหม่มดำๆ อาจารย์ไม่ปฏิเสธ เอ้ย! ไม่ต้องสเป็ก :)
ยกให้อ.ขจิตก็แล้วกัน
น้องหญิงใหญ่
ซาบซึ้งแมะ ตำนานรักข้ามสะพาน
พี่ใหญ่ไปอ่านของหนูก็เป็นตำนานรักข้ามหอ(พยาบาล)ได้นะครับ
คนมือซ้าย หัวใจก็อยู่ทางซ้าย เวลาเอียงก็เอียงซ้ายครับ แฮ่มๆ :)
แต่ เวลากินไม่เอียงไปทางไหน ที่เห็นหันหน้าไปทางซ้าย คือ...หลบกล้องครับ เดี๋ยวเห็นตอนอ้าปากสุดฤทธิ์ เลยดูว่าจะเอียงไปสบตากันหรือปล่าว:)
ที่จริงนั่งห่างกันมาก ศอกไม่มีทางถูกกันดอกครับ
แต่ใจอาจถูกใจได้ :) :) :) (ฮ่าๆ ยอกย้อนซะไม่มี)
ปล. หากเป็นน้องหญิงใหญ่เรียนจองหงวน
คงมีชายหนึ่งส่งเสียหาอาหารข้ามภูเขาไปแน่ๆ
เพียงแต่ว่า หอบหมูยอ น้ำตก เสือร้องไห้ นั้น หากยกเตาอังโล่ไปด้วย ก็จะหนักพอดู
กลายเป็น ตำนานรักหมูยอสะท้านแผ่นดินได้นะครับ :)
ไชโย!
น้องเล็กแก้มยุ้ย
กำลังคิดถึงพอดีก็โผล่มาแซวเรา
อันฮูหยินนั้น รู้ดีอยู่แล้วว่า เพลงประจำตัวเธอเวลาปรากฏกายนั้น คือเพลงนี้ :)
อนึ่งศิษย์พี่มีความประพฤติดีมิมีด่างพร้อย จึงได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างใหญ่หลวง
มีแต่เพียงสำนวนเท่านั้น ที่ยังพอสวิงสวายได้ :)
เข้าตำราประเภท ฟ้าร้อง(ดัง) แต่ฝนมิตก... ฮ่า! ฮ่า!
ลืมขอบคุณสำหรับ ไวน์สะตอเบอรี่ตั้ง 1 ลัง!!!!!!!!
ถึงยังมาไม่ถึง ก็เตรียมฉลองไว้ก่อนแล้วครับ
เอ! ฉลองไว้ ศาลยกฟ้อง พอดี :) วันเกิดด้วย
ขอบคุณมากครับ
เดี๋ยวๆ...เจ้าค่ะ ใครเกิดกันวันไหนนะเจ้าคะ.....เราหูผึ่งซะและ....เล่นรับรู้กันสองคน...ไม่อ๊าววว...ไม่เอา.....หญิงไม่ยอมนะ ต้องให้หญิงรู้เรื่องวันเกิดด้วย จะจัดงานฉลองให้ทั้งศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์น้องเล็กแก้มยุ้ย..เร็วๆเร้วววว...บอกหน่อยนะจ๊ะ แล้ววันนั้นจะใส่สายเดี่ยวไปร้องเพลงกะเต้นรำอีก...น้า....น้า.....
อ๊ะ..อ้า...ไม่ต้องบอกเค้าละ...เค้ารู้และ...เรื่องสืบ..สายลับ ตามรอยสบายชิลๆ....
จะเตรียมเมาไวน์ไว้รอ
รอ รอ รอ รอ รอ
รอว่าเมื่อไรอาจารย์จะว่างชวนสาว ๆ หนุ่ม ๆ ดรีมทีม มาชวนเติมฝันซะที
ตาเริ่มลายแล้วค่ะ นี่ขนาดยังไม่ได้ดื่มนะเนี่ย
น้องเล็กแก้มยุ้ย
หมดกัน! หมดกัน! อารามดีใจเลยเผยฟามลับออกไป
เก็บมาไว้ตั้งนาน กลัวคนรู้อายุว่าอีกสองปีก็เกษียณแล้ว :) อุบ! หลุดไปอีกอันแล้ว :)
น้องหญิงใหญ่
ศิษย์พี่ใช่บอกใคร เรื่องความลับแห่งอายุขัย
เพราะวันเวลาย่อมเดินไป...และกลืนกินสรรพสิ่ง
แต่ใจของเล่าฮูนั้น กลับถดถอยลงสู่วัยเยาว์ยิ่งนัก
บางคราคล้ายเพิ่งห้าขวบ ...บางคราคล้ายสิบสี่
ความหลังจึงปรากฏขึ้นบ่อยๆ...(เอ๊ะยังไง?)
อายุเป็นเพียงตัวเลข เหมือนใครบางคน(ที่ไม่ยอมแก่)พูดไว้
แต่ก็เป็นตัวเลขแห่งสติ
ที่คอยย้ำว่าเวลาที่ผ่านมานั้นมีค่าเพียงไร
และได้ใช้เวลาเป็นประโยชน์แก่ตนและผู้อื่นอย่างไร
ระลึกถึงจึงมีความสุขใจ
และช่วงเวลาแห่งความสุขใจ จึงไม่มีเวลาที่บ่งบอกตัวเลขใด
ศิษย์พี่กล่าวมาทำให้น้องได้คิด
ความลับแตกดังโพล๊ะ ^ ^
ดีใจที่ได้ยินคำว่าศาลยกฟ้องค่ะอาจารย์..
ส่วนเรื่องอีก ๒ ปีเกษียณเนี่ย ควรจะดีใจด้วยหรือเปล่าคะ อิ อิ
ชะช้า...น้องเล็กแก้มยุ้ย...
ฮ่าฮ่า หนูอึ่ง
ไม่ช้าเกินรอ...จะส่งเทียบไปเชิญ
รวมแก๊งค์้ชียงใหม่อีกครา...
คราวนี้เตรียมไวน์หนูซูซานไว้สัก หกขวดก็พอ :)
น้องรอง
ยกแล้ว...แต่อาจไปฟ้องใหม่ :)
ตามเหตุของวัฏฏะทุกข์ อย่ากังวล
แต่ที่เกษียณอีกสองปี น่าดีใจเพราะจะหมดภาระไปอย่างหนึ่ง ใช้หนี้ทางโลก...ทางธรรมยังเก็บจีวรและบาตรไว้ในโอกาสที่ใกล้มาถึงนี้ :)
ศิษย์น้องหญิงใหญ่
การใช้เวลาในช่วงชีวิตของเรา สร้างประโยชน์สุขให้แก่ตนเองและบุคคลอื่นนั้น
เป็นคุณค่า ของเวลาอย่างแท้จริง
สมควรนำมาระลึกถึง เป็นขวัญและกำลังใจแก่ชีวิตครับ
น้องเล็กแก้มยุ้ย
ซนจริงๆ มาตู้ ตู้ อะไรกัน
พี่ใหญ่จึงมิอาจบอกเวลาตกฟากได้
เพราะแท้จริงแม้ตัวเองและมารดาก็ยังฉงนอยู่
เพราะสมัยนั้นการบันทึกข้อมูลยังไม่มีระบบ
รู้แต่ว่าเกิดวันครู...กลางวันหรือกลางคืน
พี่ใหญ่ยังถามไถ่มารดาอยู่จนถึงวันนี้
จะซักไซร้หนักๆเข้า ก็กลัวได้คำตอบว่า เก็บมาจากกองขยะ จึงยุติเสีย :)
เพราะฉนั้น อย่ามา"ตู้"เสียให้ยาก ฮิฮิ!
(ตู้ หมายถึงการทำคุณไสยมนต์ดำ เสกของ เสกตะปูเข้าท้อง แต่ที่ศิษย์พี่กลัวมากที่สุดคือ... เสกน้องนางมาอยู่ในห้อง แฮ่ะแฮ่ะ หัวจะพาลแบะเอา)
ส่วนศิษย์น้องเล็กนั้น
ในคราวันคล้ายวันเกิด...ปรารถนาสิ่งใดวานบอก
ศิษย์พี่ใหญ่(ยืดอก) จะมิขัดความประสงค์
ยกเว้นดาว ดาราและเดือนบนฟ้า(รวมดาวเทียมและเอเลี่ยนด้วย)
และในมหาสมุทร์ ประเภทปลาวาฬ ปลาหายาก หอยหายาก ปูหายาก กุ้งแพงๆ
และในพื้นดิน เช่นสัตว์ป่าดุร้าย(ขี้เกียจตายตอนแก่) และ รวมทั้งสิ่งที่ไม่ควรอุตริจะอยากได้
อีกทั้งแก้วแหวนเงินทองอัญมณีของมีราคาค่างวดที่เด็กเล็กอย่างเจ้ามิควรประดับ เพราะจะเป็นอันตรายแก่ตัวเจ้า(แฮ่ะ แฮ่ะ อาศัยความปรารถนาดีนำหน้า)
ศิษย์พี่ก็อาจหามาให้เจ้าได้...:)
แต่ถ้าหากให้เสนอของขวัญวันเกิด...กำลังบอกขาย เอ้ย! เสาะหาคู่ครองที่สมควรแก่เจ้าอยู่ กำลังประกาศหาบุคคลที่มีคุณสมบัติดังนี้
ฮ่าฮ่า! เอามั้ยๆๆๆ
ศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์น้องเล็กแก้มยุ้ย
...เออ...แต่วิชาเสกเด็กเข้าท้องของ"นินจาไร้ยิ้มขจิต"...น่าสนใจและติดตามแฮะ ...
ศิษย์น้องเล็ก
อย่าเพิ่งปรามาส...โฆษณาแบบนี้เรียกว่า
แบบปาติหารมีจริงที่ต้องขอซื้อ :)
ที่น้องเคยหานั้น เป็นสเปกหนึ่งแต่สเปกนี้น่าสนกว่านะ
มิกล้า มิกล้า
นินจาไร้รอยยิ้ม กามนิตหนุ่ม
ท่านอุตสาห์มาเยี่ยม เพื่อบอกเคล็ดวิชาไสยดำ
อันเป็นของถนัด คือ วิชาเสกเด็กเข้าท้อง แฮ่!
สงสัยจบปริญญาเอกสาขานี้ :)
ฮ่า ฮ่า ดำดีสีไม่ตก ดำสกปรกคบไม่ได้
จริงตามคุณแม่บอก อ.ขจิตเลยให้ในบันทึกมีฝนตกตลอดเวลา เพื่อพิสูจน์สีไม่ตกนี่เอง :)
น้องแก้มยุ้ย บอกว่าของฝากไม่เอาแหม่มแน่ๆ
แต่พี่ใหญ่ยินดีรับ :)
น้องหญิงใหญ่
โธ่...นึกว่ารู้ตกฝาก จะมาถามไปอวดแม่สักหน่อย
สมัยก่อนกว่าจะหาสูจิบัตรเจอเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ แถมหาได้ก็ไม่เจอเวลาตกฝากอีก เพราะกระดาษแหว่งไปหมดแล้ว
มีแต่รอยเท้าเท่าฝาหอยเท่านั้นที่ปรากฏอยู่ เอาไปทำยาอะไรก็ไม่ได้
ว่าแต่อย่าไปสนใจวิชาอ.ขจิตเลยนะน้องหญิง อันตราย! เป็นวิชาไสยมืด ไสยดำปิ้ดปี๋เลย
แกถนัดเศกเด็กออกมาเป็นเด็กผิวดำด้วย
เหมือนใครก็ไม่รู้?
สุขสันต์วันเกิดนะคะ อาจารย์
ขอให้อาจารย์มีความสุขทุกวันคืน
มีพลังใจ พลังกาย แผ่ขยายมาถึงน้อง ๆ
คิดหมายสิ่งใดให้สมดังปอง
นะคะ นะคะ นะคะ
....
รักหมดใจ
สุขสันต์วันเกิดค่ะ.........ศิษย์พี่ใหญ่ :)
ขอให้ศิษย์พี่มีความสุขมากๆ นะค่ะ มีสุขภาพแข็งแรงและก็น่ารักอย่างนี้ไปนานๆ นะค่ะ
ขอขอบคุณทุกๆท่านครับ :)
ซาบซึ้งใจในความรัก คิดถึงและปรารถนาดีของทุกท่าน...เดี๋ยวเช็ดน้ำตาก่อน...
ขอให้พรทั้งหลายจงสนองกลับให้ทุกท่านมีความสุข สดชื่น สมหวังในสิ่งที่ดีงามทุกประการ
และเป็นกำลังที่ดีงามสร้างสรรค์สังคมไทยต่อไปครับ
พี่ติ๋ว
กำลังจะบอกว่าหิว แต่คิดได้ว่าวันนี้กินมื้อเดียว
ฮา....ยกยอดไปพรุ่งนี้ละกัน 1 จานโต ๆ นะจ๊ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์
มาช้าไปหน่อย แต่ขออวยพรอาจารย์.....
ขอให้มีความสุข และสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ตลอดปีนะคะ
ดอกไม้นี่ เพิ่งถ่ายรูปมาเมื่อวานนี้เองค่ะ เขาจัดสวยมากค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งหนูติ๋วและแก้มยุ้ย
ที่นำเสนออาหารยามดึก :)
เดี๋ยวจะโหลดเอาไว้กินตอนฝันนะครับ
อืมม? กินสปาเก็ตตี้หอยลาย แล้วตามด้วยOkonomiyaki เพื่อกินแล้วโด๊บดีค่ะตามคำแนะนำ
แล้วตามด้วยไอศครีมถ้วยพูน
สงสัยตื่นมาจะฟิตจัด จนกระโดดข้ามกำแพงมหาวิทยาลัยได้แน่นอน ฮิฮิ
หนูแป๋ว
แม้มาช้ากว่าใคร ก็ไม่ได้หมายว่าไกลจากใจศิษย์พี่
เห็นแมะ...หวานซะไม่มี:)
ขอบคุณมากครับสำหรับภาพสวยๆ
คงต้องกลับไปหลับใหม่เพื่อจะได้กินต่อ
มีเค้กตั้งสามชิ้น จะกินหมดมั้ยหนอ? เดี๋ยวชวนศิษย์น้องๆมาเข้าฝันกินด้วยกันดีกว่า :)
แถมด้วยเด็กผมยุ่งเสื้อแดงยื่นดอกไม้ให้...น่ารักจัง
แต่รูปสุดท้าย ไอ้หนูก้นจ้ำม่ำนั้นหมายถึงอะไรเอ่ย?
รึหมายถึงตัวอาจารย์ตอนเกิด...ฮ่าฮ่า
ไม่เซ็กซี่ขนาดนี้ดอก..ฮ่าฮ่า!
อรุณสวัสดิ์ค่ะ อาจารย์
ขอบคุณมากครับ คุณศศินันท์
รูปดอกสวยมากและหอมฟุ้งมาถึงผม
พรใดที่ให้มาขอให้ย้อนกลับแถมยกกำลังสี่แถมกลับไปนะครับ :)