สวรรค์อยู่ที่ไหน ......................................
สวรรค์นั้น อยู่ที่ไหน ใคร่ขอถาม
หรืออยู่ตาม เมฆเมฆา ยามฟ้าใส
หรืออยู่ดิน ถิ่นเทือกเขา ลำเนาไพร
หรืออยู่(ที่)ใจ ใฝ่พระธรรม ล้ำเลิศทรวง
เวลาสุข สุขที่ใจ ใช่ไหมเล่า
เวลาเศร้า เหงาทุกข์ใจ ให้ห่วงหวง
ใจคือเรา เราคือใจ ไม่หลอกลวง
สุข-ทุกข์ทั้งปวง อยู่ที่ใจ จะใฝ่เป็น
อยากเป็นสุข สนุกใจ ไปสวรรค์
อยากจะฝัน หนีความโศก โลกที่เห็น
อยากแต้มฟ้า ป่าสนุก ทุกเช้าเย็น
อยากจะเป็น เช่นใดใด ก็ได้พลัน
เพราะสวรรค์ อยู่ที่ใจ ยังไงเล่า
ทุกค่ำเช้า เฝ้าสุขไว้ ไม่เบื่อฝัน
แต่ความทุกข์ ซุกที่ใจ เช่นเดียวกัน
มันเฝ้าปั่น หั่นใจกาย วายชีวา
อยากจะสุข หรือจะทุกข์ ทุกทุกท่าน
อยู่ที่กัน กั้นอารมณ์ ข่มโหยหา
กำหนดสติ วิปัสส์กัน ปัญญาพา
สุขก็หนา ทุกข์ก็หนอ พอพอกัน
กำหนดเป็น เห็นทุกสิ่ง แค่เกิด-ดับ
ดีก็ดับ ทุกข์ก็ดับ ไม่เหลือขันธ์
อย่ายึดติด ปิดทางมรรค คือปัจจุบัน
ขอใจมั่น ฝันให้ถึง ซึ่งนิพพาน
ผลบุญ (1 กค.2548)
สวัสดีค่ะ สวรรค์ของตนเองคงอยู่ที่ ความมีปัญญามองเห็นไตรลักษณ์ ทำให้คลายความยึดติด ยึดมั่น ถือมั่น ไม่หลงในทุกข์หรือสุข ได้เข้าใจความเกิด-ดับ เป็นความสุขที่ได้จากความสงบภายในใจ ไม่มีอะไรที่ทำให้วิตก ประหวั่นพรั่นพรึงถึงอนาคต อดีตเป็นแค่บทเรียนที่จะไม่ทำผิดซ้ำ สิ่งดีก็เพียรทำต่อ ชีวิตปัจจุบันจึงมีความโปร่งเบา อยู่บ้านธรรมดาๆจึงเป็นสวรรค์ได้แล้วค่ะ สวรรค์ในใจ สวรรค์ในบ้าน
แหม แต่นิพพานนี่ถ้าจะอีกไกลเหมือนกันนะคะ
สวัสดีค่ะ
ขออนุโมทนากับบทนี้........
"กำหนดเป็น เห็นทุกสิ่ง แค่เกิด-ดับ
ดีก็ดับ ทุกข์ก็ดับ ไม่เหลือขันธ์
อย่ายึดติด ปิดทางมรรค คือปัจจุบัน
ขอใจมั่น ฝันให้ถึง ซึ่งนิพพาน"
ขอบคุณมากๆค่ะ
บทนี้ละครับ ที่ตั้งใจมอบให้โยคีน้อย
ด้วยความปรารถนาดี
สรวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในจัยอยู่ที่การทำตัวเราเท่านั้นพอเมื่อครั้งหนึ่งเคยผิดเคยทำตัวไม่ดีแล้วสำนึกผิดและคิที่จำไม่ทำอีกก็จะเป็นคนดีของสังคมได้แต่ใจของเราละกลับหม่นหมองเศร้าและอาวรณืเป็นที่สุดจากคนเคยทำผิด
คุณอรวรรณครับ
เข้าใจครับ
เรื่องใจของเรา เป็นเรื่องภายในใจเรา
จำเป็นต้องถ่ายถอน หรือทำลายความเศร้าหมอง
ไม่ยากครับ
วิธีการ
ตัดใจโดยคิดว่า การทำผิดคือการเริ่มต้นของการทำถูก
เพราะไม่เคยมีคนเก่งหรือคนดีคนใดเลยในโลกนี้ ที่ไม่เคยทำผิดมาก่อน
ดังนั้นเราจึงไม่ได้แย่ไปกว่าผู้ใด
และถ้าเรารักตัวเอง ก็จะดีกว่าที่จะไม่ทุกข์ต่อไปครับ
ถ้าตัดใจไม่ได้
ให้ไปขอพรจากผู้บังเกิดเกล้าซึ่งเปรียบเป็นพระพรหม เป็นพระอรหันต์ของลูก
ในศาสนาคริสต์มีการสารภาพบาปเป็นวิธีการให้คนถ่ายถอนจากอารมณ์ที่หมองเศร้า
ก็ใช้ได้เช่นกัน
เพราะเป็นใจมนุษย์เหมือนกัน
หรือขอพรจากผู้ที่ให้พรได้
นอกจากนั้น ควรทราบว่า ในความเป็นจริงแล้ว
สิ่งที่เกิดแล้ว ย่อมดับไปแล้ว
คือจบ คือหายลับไปแล้ว แน่ใจได้ครับ
ทุกวันคือวันใหม่ครับ
วันใหม่ที่เราสามารถทำความดีได้ใหม่ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ
ประสบการณ์ในอดีต มีประโยชน์เสียอีกที่จะช่วยทำให้เราได้มีแนวทาง มีข้อมูลที่ทำให้ได้เปรียบในการเดินทาง
ดังนั้น
สวรรค์อยู่ในอกได้ โดยไม่ต้องไปยึดมากเกินไป
และนรกก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในใจ นานเกินความจำเป็นครับ
ฝึกทำใจบ่อยๆ ก็จะถ่ายถอนสิ่งที่ไม่ต้องการได้ง่ายครับ
เจริญสุขนะครับ