ภาคีจากกรมสุขภาพจิต ร่วมให้ข้อคิดเห็นไว้ค่ะ ว่า
- ขอชื่นชมกับทีมที่มานำเสนอเรื่องหมอนรองนั่งนะคะ ก็ถือว่าเป็นนวัตกรรม
- ในเรื่องของการทำ KM ก็จะถือว่าเราได้ทำในปีนี้เป็นปีที่ 3 ปีแรกๆ เรามักจะคุยกันเสมอว่า เราพัฒนาตน เอามาพัฒนางาน เอามาพัฒนาเข้าสู่สิ่งที่ประชาชนได้รับประโยชน์
- นี่ละคะ ปีนี้เป็นปีที่หลายกรมฯ เห็นว่ามีประโยชน์ เอามาใช้พัฒนานวัตกรรม หรืออะไรที่ทำให้เกิดประโยชน์จริงๆ
- ... ทีมที่เอาหมอนมาโชว์ก็คงคล้ายกับกรมสุขภาพจิตเมื่อช่วงที่ผ่านมา ที่ทำตลาดนัดความรู้ แปลกใจมากคือ นวัตกรรมได้เกิดขึ้นจริงในหมู่บริการ
- ... ถามว่ามุมมองของผู้พัฒนา ความจริงเขาทำเรื่อง HA กันเยอะแยะในเรื่องทางกระบวนการ แต่เขาเนียนในเรื่อง KM เข้าไปกับกระบวนการที่เป็นเป้าหมายขององค์กร อันนี้เป็นสิ่งแรก
- ... สิ่งที่สองเข้าใจว่า หลายคนทำภายใต้ผลลัพธ์ที่ให้ผู้ป่วยรู้สึกว่า สบาย เช่นกันค่ะ ที่กรมฯ เขาเจอปัญหาผู้ป่วยทำร้ายกัน และตีกัน โดยเฉพาะใน รพ.ที่ผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องอารมณ์ และการควบคุมตนเอง
- ... ถามว่าพวกเรารู้จักเรื่อง Wrist band กันทั่วประเทศ ในเวลา 2 ปี ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคิดถึงว่า จะเอามาเป็นตัวจำแนกผู้ป่วยที่มีความก้าวร้าว แล้วเขาทำการพัฒนาให้ผู้ป่วยรู้สึกว่า การใส่ Wrist band เป็นการพัฒนาความก้าวร้าวของเขานะ ถ้าเขาก้าวร้าวแบบนี้ เขาต้องใส่ Wrist band สีนี้ ถ้าเขาพัฒนาไปถึงอยู่กับคนอื่นอย่างเป็นมิตร เขาถึงจะได้เปลี่ยนสี Wrist band
- อันนี้ก็เป็นจุดที่ทำให้เห็น ... ทำให้คนทำงานเห็นว่า ถ้าเขาเป็นผู้ป่วย เขาจะถอดใจจากตัวเองจากในฐานะที่เขาเป็นผู้บริการ ลงไปมองในฐานะที่เขาเป็นผู้ป่วย
- ... ผู้ป่วยบางคนที่ก้าวร้าว เขาก็คงเช่นกัน ถามว่าผู้ป่วยอึดอัดกับการหลังผ่าตัด เขามีความยากลำบากในการร้องขอหมอนจากพยาบาลแน่นอน เพราะเรามีระบบของ เรื่องความจำกัดของทรัพยากร ความจำกัดของเรื่องเวลา การเปลี่ยนเวร การไม่สามารถจะสร้างความคุ้นเคย กับผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าเขามาอยู่ในช่วงสั้นๆ
- เพราะฉะนั้น คิดว่าจุดที่เป็นหัวใจสำคัญคือ ตัวบุคลากรต้องถอดใจจากใจตัวเอง ไปอยู่ในมุมของผู้ป่วย และเห็นความยากอันนั้น และกลับมามอง และพัฒนากลับมาเป็นความรู้
- ในตรงนี้อยากจะสรุปว่า ขณะนี้เรามาถึงยุคของการสร้างความรู้ขึ้นใช้เองในองค์กร แต่พอดี โชคดีทางกรมสุขภาพจิต ท่านผู้บริหารสูงสุดเห็นความสำคัญ และประกาศเป็นนโยบายตั้งแต่ต้นปี 50 ว่า ... หน่วยงานแต่ละหน่วยต้องแสวงหาความโดดเด่นของตัวเอง ว่า อะไรเป็นความรู้ที่จำเป็น และพยายามผลักตัวเองไปสู่การสร้างความรู้ขึ้นใช้เอง
- ถามว่าคำคำนี้เราได้จากใคร เราได้จากกลุ่มที่มาพูด ได้มาใกล้ชิดกรมสุขภาพจิต อาจารย์ก็ได้ยื่นคำนี้มาในสมองเรา ... เราก็ได้ใช้คำคำนี้เป็น Key word ในการสื่อสารส่งผ่านให้ทีมทั้งหมด
- นี่คือ ที่คิดว่า การทำงานด้าน KM จะประสบความสำเร็จก็คือ ผู้บริหารสูงสุด ทั้งระดับกรม ระดับหน่วยงานต้องเห็นพ้องต้องกัน ศรัทธาในเครื่องมืออันนี้ว่า มันเนียนเข้ากับระบบงานปกติได้
- กลยุทธ์ที่เราใช้อยู่ระดับกรมฯ เรามีการแต่งตั้งคณะกรรมการฯ และท่านผู้บริหารสูงสุดก็บอกเลยว่า ทุกหน่วยงานต้องมี CKO เพื่อที่จะเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างกรมฯ กับหน่วยของตัวเอง
- เพราะฉะนั้น ท่านพูดเลยว่า CKO อย่างปี 50 นี่จัดประชุม 2 ครั้ง ครั้งที่ 2 ท่านบอกว่า CKO ท่านไหนไม่เข้า ให้เขียนรายงานมาด้วย ว่าเพราะเหตุใด มีเหตุจำเป็นเช่นไรถึงไม่เข้าการประชุม ซึ่งเหมือนกับว่าต้องมีกระบวนการในการ Inforce นิดหน่อย
- แต่จุดสำคัญอีกอันหนึ่งก็คือว่า ระดับเชื่อมต่อ ทางกรมสุขภาพจิตเห็นว่า หลายหน่วยสามารถทำงาน KM จนเวลานี้ กลายเป็นพี่เลี้ยงให้แก่คนอื่นๆ ได้ค่อนข้างเร็ว เพราะว่าเรามีเหมือนกับข้อต่อเชื่อมระหว่างบุคลากรที่เป็นทีมงานของระดับหน่วย เข้ากับทีมงานของระดับกรมฯ และคนกลุ่มนี้เขาจะรู้ทิศทาง และเหมือนกับว่า
- ... ทีมงานของหน่วยมักจะเป็นคนที่มีความใกล้ชิดกับผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงาน และไม่ได้ใกล้ชิดในเรื่องความสนิทสนม
- ... และเขามี acheivement ในเรื่องของงาน
- ... สามก็คือเขามีความเป็นวิชาการ คนพรรค์นี้ละค่ะ ที่จะทำให้ KM เดินหน้าไปชัดเจนขึ้น
ขอบคุณค่ะ ที่เพิ่มเติมในสิ่งที่ดีดีไว้ให้ภาคีราชการด้วยกัน
รวมเรื่อง ภาคีจัดการความรู้ภาคราชการ plus กรมอนามัย Open House
ไม่มีความเห็น