เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาได้มีโอกาสที่ไปดูงานการศึกษาที่ประเทศเวียดนามกับคณะนักศึกษาในโครงการอบรมผู้บริหารทางการศึกษา ของ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ที่เมืองเว้ ดานัง และฮอยอัน ซึ่งเป็นเมืองในเขตทางภาคกลางของเวียดนาม ก่อนไปได้ศึกษาข้อมูลของประเทศเวียดนามพอสมควรจากเอกสารต่าง ๆ และทาง Internet จากคำบอกเล่าของผู้คน(คนไทย) ทั้งหลายบอกว่า การพัฒนาประเทศของเวียดนามเป็นไปอย่างรุดหน้าอีกไม่กี่ปีคงตามไทยทันแน่ การได้ไปอยู่เวียดนาม 3 วัน 2คืน แม้เวลาจะไม่มากมายก็พอจะมองเห็นหลาย ๆ หลาย ๆ อย่างโดยสายตาและอัตตาของตนเองในด้านต่าง ๆ เช่นวิถีชีวิต การศึกษา การคมนาคม การท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรม ซึ่งก็พอจะมองได้ว่า อย่ากลัวเลยเวียดนามที่บอกว่าจะตามไทยทันและจะรุดหน้าไทยในอีกไม่กี่ปี ผมมองกลับเห็นว่ายังต้องใช้เวลาอีกนาน ถ้าหากคนไทยไม่มัวแต่ทะเลาะกันและแย่งอำนาจกัน(ซึ่งกำลังเป็นอยู่ขณะนี้) จากการดูจะเห็นว่าการพัฒนาในด้านโครงสร้างพื้นฐานของเขายังต้องพัฒนากันอีกหลายปี การศึกษาของพลเมืองซึ่งมีจำนวนมากถึง 80 ล้านคน และปัญหาที่จะตามมาอีกมากมายในการเปิดประเทศ จากการสังเกตด้านการศึกษาแม้จะได้ไปดูงานในโรงเรียนที่มีชื่อและในมหาวิทยาลัย บ้างก็พอจะมองออกว่าของไทยสมบูรณ์แบบกว่าเยอะ ไม่ว่าจะเป็นอาคารสถานที่สื่อและเทคโนโลยี ความทันสมัย ความสะดวกสะบาย อุปกรณ์อำนวยความสะดวก หากเขาจะดีกว่าไทยก็คงเป็นการที่ประเทศเขามีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ(ไม่ค่อยเห็นตำรวจ) และมีเป้าหมายการพัฒนาที่แน่นอน ซึ่งของไทยไม่ค่อยมี และการที่ประชาชนของเขามีจิตสำนึกที่รักชาติ และไม่เห่อตามวัฒนธรรมตะวันตก และคงเอกลักษณ์ของความเป็นชาติ ซึ่งคนไทยไม่ค่อยมี คนไทยจะรับอะไรเข้าประเทศ ทั้ง ๆ ที่เห็นว่ามันก่อเกิดผลเสียกับเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะกับการพัฒนาประเทศที่ขาดทิศทางและการปฏิรูปการศึกษาที่ยึดเอาตะวันตกเป็นที่ตั้งเพราะคนที่มีอำนาจในการบริหารจัดการคือพวกหัวนอกทั้งฃั้งหลายจนถึงวันนี้ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร อย่ากลัวเลยเวียดนามแต่ให้กลัวตนเองดีกว่าครับ
ไม่มีความเห็น