เมื่อเดือนก่อนผู้บันทึกแนะนำกล้วยไม้ป่าจากดงหลวงชนิดหนึ่งที่ไม่รู้จักจริงๆ เลยถือโอกาสตั้งชื่อเสียเองว่าเป็น“Dongluang Pinky Bird” เพราะพิจารณาดูในมุมมองของผู้บันทึกก็ว่าคล้ายนกชนิดหนึ่ง หรือคล้ายเครื่องบิน โดยใช้มุมมองจากปลายกลีบดอกเข้าไปหาขั้วดอก ก็เห็นเป็นเครื่องบินหรือนกจริงๆ แต่หากให้เหมือนเครื่องบินแล้วจะตั้งชื่อเล่นๆว่าไงดี มันไม่ใช่ เลยคิดว่า เอาเป็นนกดีกว่า เลยนั่งนึกชื่อ ก่อนที่จะมาลงเอยที่ “Pinky Bird” แต่เมื่อพบที่ดงหลวงก็ควรจะตั้งชื่อให้เป็น “Dongluang Pinky Bird” ซะ แต่ไม่ใช่ชื่อที่เป็นทางการ หรือ Scientific Name เพราะเข้าใจว่าเขามีชื่อของเขาแล้ว เรามาตั้งกันเล่นๆแค่นั้น
ผมเห็นแล้วก็ทึ่งในความสวยงาม แถมมีกลิ่นหอมเหมือนกล้วยไม้ช้างกระ ผู้นำชาวบ้านที่เรียกไปดูอธิบายว่าเขาจะขึ้นกับหินที่มีดินและตะไคร่น้ำขึ้นปะปน จะเป็นกอเล็กๆขยายออกเต็มก้อนหินนั้นๆบบนดอย
ผู้นำชาวบ้านอธิบายว่า จะออกดอกประมาณเดือนกรกฎาคมและจะไปโรยเอาเดือนกันยายน โดยประมาณ สีดอกเป็นสีชมพู ลักษณะคล้ายนก หรือเครื่องบินไอพ่น หนึ่งก้านดอกจะมีเพียงหนึ่งดอกเท่านั้นตรงโคนก้านดอกจะเป็นสีชมพูเข้มและจางลงมาถึงปลายกลีบดอก คาวมกว้างของดอกประมาณ 1.50 เซนติเมตร ความยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร เป็นดอกที่ไม่ใหญ่ ที่ชอบมากคือมีกลิ่นหอมขนาดยืนอยู่ยังได้กลิ่นเลยครับ
หลายวันผ่านไปผู้บันทึกไปค้นหาเอกสารที่บ้านเกี่ยวกับกล้วยไม้ และพืชพันธุ์ต่างๆที่ผมสะสมไว้ แล้วก็พบจริงๆครับ
เธอชื่อ “ลิ้นมังกร” หรือ “สังหิน” “ปัดแดง” Habenaria rhodocheila Hance เอกสารอธิบายสั้นๆว่า ขึ้นตามซอกหิน บนหิน หรือตามที่ดินร่วนในป่าดิบทั่วทุกภาค ดอกเป็นช่อยาว 7-18 ซม. มี 3-10 ดอกต่อช่อ ดอกมีหลายสี เช่นเหลือง เหลืองอมแสด แสด แสดอมแดง สีชมพู กลีบปากแผ่เป็นแผ่น ปลายเว้าลึกเป็น 2 แฉก ทยอยบานนาน 1-2 สัปดาห์ ดอกออกเดือนกรกฎาคม-กันยายน-ตุลาคม เป็นกล้วยไม้ล้มลุก อายุหลายปี มีหัวอยู่ใต้ดิน แตกใบแทงช่อดอกช่วงฤดูฝน ใบมักมีลายจุดประ แหล่งที่พบ เชียงใหม่ เลย ชัยภูมิ พิษณุโลก (ข้อมูลจาก วชิรพงศ์ หวลบุตตา คู่มือคนรักต้นไม้ กล้วยไม้ไทยเล่มที่ 2 พ.ศ. 2546 และ คู่มือ กล้วยไม้ สลิล สิทธิสัจจธรรม 2545)
ลิ้นมังกรสีแดง
เอกสารทั้งสองไม่ระบุว่ามีกลิ่นหอมหรือไม่ แต่เจ้า Pinky Bird ของผมนี่เธอหอมครับ เหมือนสาวอาบน้ำเสร็จแล้วทาน้ำหอมบางๆน่ะครับ
ในงานเฮฮาศาสตร์ 3 ดงหลวง นอนกลางดินกินกลางป่าวันที่ 16-18 พ.ย.นี้ น้อง “Dongluang Pinky Bird” คงอายม้วนเก็บความสวยงามไว้ไปโชว์สัดส่วนปีหน้า แต่ใครจะไปรู้ว่าช่วงที่ขึ้นยอดเขาแบบผจญภัยวันที่ 17 พ.ย. ด้วย OFF Road นั้น พวกเราอาจจะพบดอกอะไรต่อมิอะไรก็เป็นได้ครับ อย่าพลาดเชียว เดี๋ยวจะหาว่าท่านครูบาไม่เตือน..อิ..อิ.
สวัสดีค่ะพี่บางทราย
แฮะ ๆ กดเร็วไปนิดนึงค่ะ
เห็นดอกไม้สวย ๆ แปลก ๆ แบบนี้ ถ้าเราเพิ่มกิจกรรม ประกวดภาพถ่ายดอกไม้ เพิ่มอีกกิจกรรมหนึ่ง น่าจะดีไหมค่ะ เผื่อจะได้มืออาชีพเพิ่มอีกหลาย ๆ คน
อ้อ แต่ก่อนถ่าย คงต้องให้มืออาชีพอย่างพี่แป๋ว แนะนำเทคนิควิธีการถ่ายภาพอย่างไรให้สวย ก่อน ดีไหมค่ะ
ขออนุญาตค่ะพี่บางทราย
สวัสดีครับน้องชาย
เพิ่งตื่นหนะครับ กะจะลุกมาดูว่า พ่อนอนดึกรึเปล่า
ทำหน้าที่เวรยาม อิอิ (น้าอึ่งฯ สั่งมา ให้ช่วย ๆ ดูกัน)
อ้อ วันนี้ ได้ chat คุยกับพ่อทาง Msn ด้วยหละ ว่าแต่ผมเถอะ ทำไมพี่ add ผมแล้ว แต่ไม่เคยเห็นผม on เลย กะจะเอาไว้คุยกันตอนผมอยู่เมืองนอกซะหน่อย
บอกได้คำเดียวว่า สวยมาก
ธรรมชาติมีอะไร ให้ชื่นชมเสมอ ครับ
สวัสดีครับอาจารย์ครับ นาย วรชัย หลักคำ
สวัสดีค่ะพี่บางทราย
อ่านเฮฮาศาสตร์เติมเอสของพี่บางทรายจนจบแ้ล้วก็กลับมาบันทึกนี้ใหม่ เพราะตั้งแต่เห็นเจ้า pinky bird ในบันทึกก่อนหน้านี้ของพี่บางทรายก็นอนไม่หลับ อยากแว้บเข้ามาบอกว่าบางมุมเบิร์ดมองเห็นเป็นหัวใจคู่น่ะค่ะ คือเป็นหัวใจที่วางซ้อนกัน ..ดวงข้างล่างใหญ่กว่าข้างบน..
แต่พอมาเห็นในบันทึกนี้ว่าเค้าเรียกว่าดอกลิ้นมังกร ก็นึกไปถึงลิ้นมังกรแบบที่เป็นช่อยาวสวยหลากสี ขึ้นมาติดหมัดเลยน่ะค่ะ เฮ้อ..ชื่อนั้นสำคัญไฉนนะคะสิ่งสำคัญอยู่ที่เรามองเห็นความงามและเรื่องราวที่เร้นตัวอยู่ของธรมชาติหรือเปล่าต่างหาก
ขอบพระคุณมากค่ะสำหรับข้อมูลดีๆของเฮฮาศาสตร์ที่ทำให้เบิร์ดติดตามอ่านอย่างสนุกสนานเลย ^ ^
สวัสดีน้องเบิร์ด
มาชมความงามด้วยคนค่ะ สวยหวานจริงๆ สำหรับความหอมนั้น พี่บางทรายต้องดมเผื่อผู้อ่านทุกคนอยู่แล้ว
ไม่ค่อยได้ทักกันเท่าไหร่นะคะหมู่นี้แต่ก็วนเวียนๆ อยู่ใกล้ๆเสมอแหละค่ะ
หวัดดีครับน้อง คุณนายดอกเตอร์