beeman 吴联乐
นาย สมลักษณ์ (ลักษณวงศ์) วงศ์สมาโนดน์

สุดยอดหญิงงาม (ของจีน) ๔: หยางกุ้ยเฟย (楊貴妃)


หยางกุ้ยเฟยได้รับฉายานามว่า "มวลผกาละอายนาง" ซึ่งหมายถึง "ความงามที่ทำให้แม้แต่มวลหมู่ดอกไม้ยังต้องละอาย"

         หยางกุ้ยเฟย (อังกฤษ: Yang Guifei จีน: 楊貴妃) เกิด ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๑๒๖๑  และเสียชีวิต ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๑๒๙๙  (สิริอายุรวม ๓๘ ปี) เป็นหนึ่งในสี่ของสุดยอดหญิงงามแห่งแผ่นดินจีน

 

หยางกุ้ยเฟย (พ.ศ.๑๒๖๑-๑๒๙๙)

 

          นางมีชื่อเดิมว่า หยางอวี้หวน (อังกฤษ: Yang Yuhuan จีน: 楊玉環) เป็นชาวเมืองหย่งเล่อ "อวี้หวน" แปลว่า "ตุ้มหูหยก" นางเป็นธิดาของ "หยางหยวนเหยียน"

         ตอนที่นางจะเกิดนั้น มารดาของนางได้ฝันเห็นสายรุ้งพาดโค้งจากฟากฟ้าลงมาที่เตียงนอน พร้อมส่งแสงประกายระยิบระยับงดงาม แต่เพียงชั่วครู่เดียวก็หายวับไป กลายเป็นดาวตกพุ่งตกลงมาสู่พื้น มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

         อวี้หวน เมื่อเจริญวัยขึ้น มีรูปโฉมที่งดงามและเปล่งปลั่งชวนมองยิ่งนัก อีกทั้งยังมีผิวกายที่มีกลิ่นหอมจรุงใจ เป็นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งหมู่บ้าน และตำบลที่นางอาศัยอยู่ นางมีความสามารถทางดนตรี ขับร้องและฟ้อนรำ

         ในปีที่ ๒๕ ของรัชสมัยจักรพรรดิถังเสวียนจง  (唐玄宗)  พระองค์ทรงดำริที่จะหาพระชายาให้พระโอรสโซ่วอ๋อง (寿王) โอรสองค์ที่ ๑๘  อาของอวี้หวนทราบข่าวจึงนำนางเข้าไปถวาย และก็ไม่ผิดหวัง

         โซ่วอ๋อง เมื่อแรกได้เห็นนางนั้น ก็ถึงกับตะลึงพรึงเพริดในความงามของนาง ดังนั้นนางจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นพระชายาของพระโอรสโซ่วอ๋อง ตั้งแต่นางมีอายุได้เพียง ๑๖ ปี ซึ่งกำลังอยู่ในวัยสาวแรกรุ่น

         ต่อมา อู่กุ้ยเฟย พระสนมที่จักรพรรดิถังเสวียนจง ทรงโปรดปรานได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน พระองค์ยังทรงหาพระชายาใหม่ที่ถูกพระทัยไม่ได้ ขันทีเกาลี่ซื่อผู้ใกล้ชิดจึงทูลเสนอว่า หญิงงามที่สุดในแผ่นดินไม่มีใครงามเกินหยางอวี้หวน พระชายาของโซ่วอ๋อง

        แล้วเกาลี่ซื่อได้ออกอุบายให้พระองค์ได้ทอดพระเนตรนาง เพียงแรกประสบพบเท่านั้น พระองค์ก็ถึงกับลุ่มหลงในความงามของนางโดยทันที แต่เนื่องจากติดขัดที่นางเป็นชายาของโซ่วอ๋อง

        เกาลี่ซื่อจึงบอกอุบายอันแยบยล ให้พระองค์แต่งตั้งนางเป็นนักพรตหญิงฉายาไท่เจิน  แล้วหาพระชายาใหม่ให้โซ่วอ๋องแทน

         สมัยเทียนเป่าปีที่สี่ (พ.ศ.๑๒๘๘) อวี้หวนได้เข้าวัง และเป็นที่โปรดปรานของถังเสวียนจง จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสนมเอกหรือกุ้ยเฟย (ขณะนั้นจักรพรรดิถังเสวียนจงมีพระชนมายุ ๖๑ พรรษา ส่วนหยางกุ้ยเฟยมีอายุเพียง ๒๗ ปีเท่านั้น)

        พ่อ พี่น้องแลเครือญาติของนางทั้งหมดได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นขุนนาง และฮูหยินทั้งหมด จนเป็นที่โจษจันกันไปทั่วว่า เพราะมีลูกสาวดี จึงได้ดิบได้ดีกันถ้วนหน้า

        ทุกครั้งที่นางจะนั่งรถม้า ต่างก็มีบรรดาขุนนางใหญ่บังคับรถม้าให้ด้วยตัวเอง นางมีช่างถักทอและปักผ้าถึงเจ็ดร้อยคน มีผู้คนมากมายแย่งกันมอบของกำนัลต่างๆ ให้ เนื่องจากขุนนางจางจิ่วจางและหวังอี้มอบของกำนัลให้นางจึงได้เลื่อนตำแหน่ง ดังนั้นบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างก็หวังที่จะได้รับผลตอบแทนเช่นเดียวกัน

        หยางกุ้ยเฟยโปรดปรานลิ้นจี่จากแดนหลิ่งหนาน ก็มีผู้คนคิดหาวิธีที่จะนำมาส่งมาถึงเมืองฉางอานให้เร็วที่สุด

         ความที่จักรพรรดิ์ถังเสวียนจง ทรงลุ่มหลงอยู่แต่นาง และเล่นดนตรี จนละเลยการปกครองว่าราชการเมือง ทำให้หยางกั๋วจง (杨国忠-YANG KGUOA ZHONG) พี่ชาย (ลูกพี่ลูกน้อง) ของนางได้รวบอำนาจการปกครองไว้ถึง ๔๐ ตำแหน่ง จนมีตำแหน่งเทียบเท่าสมุหนายก กินสินบนอย่างเปิดเผย ใช้ระบบอุปถัมภ์ในการคัดเลือกคนเข้ารับราชการหรือเลื่อนตำแหน่ง ทำให้เกิดความเดือดร้อนไปทั่ว

         เป็นเหตุให้ อานลู่ซาน (安禄山-AN LU SHAN) ได้หยิบยกข้ออ้างนี้มาก่อการกบฏ โดยนำทหารจากชายแดนและทหารทิเบตเข้ามายึดนครฉางอานได้โดยง่ายดายในปี พ.ศ. ๑๒๙๙ ทำให้องค์จักรพรรดิถังเสวียนจง ต้องทรงลี้ภัยชั่วคราวไปในทางตอนใต้ของมณฑลซื่อชวน (เสฉวน)

         อานลู่ซานยกกองทัพติดตามไป ไม่เพียงเพราะต้องการแผ่นดินราชวงศ์ถังเท่านั้น แต่ยังต้องการครอบครองสาวงามหยางกุ้ยเฟยอีกด้วย

          ในระหว่างทางที่ทรงลี้ภัยไปนั่นเอง หยางกั๋วจงได้ถูกเหล่าทหารรุมจับสังหารเสีย จากนั้นเหล่าทหารได้ทูลพระองค์ว่า "การที่เกิดกบฏเข้ายึดบ้านครองเมือง ทำให้ราชวงศ์ต้องเสื่อมถอยก็เพราะหยางกั๋วจงเป็นต้นเหตุ เมื่อหยางกั๋วจงตายไปแล้ว แต่โดยรากยังคงอยู่นั่นคือ หยางกุ้ยเฟย ฉะนั้นนางก็ไม่สมควรอยู่ให้เป็นที่ครหาด้วย"

        จักรพรรดิ์ถังเสวียนจงทรงโทมนัสในพระทัยอย่างสุดพรรณนา ในที่สุดจึงทรงรับสั่งให้ประหารชีวิตหยางกุ้ยเฟย โดยให้กาลี่ซื่อผู้นำนางมาถวายพระองค์ นำผ้าแพรขาวไปมอบให้นางเพื่อให้แขวนคอตายใต้ต้นหลีในสวน

        หยางกุ้ยเฟยได้จบชีวิตลงอย่างน่าสงสารในปี พ.ศ.๑๒๙๙ ระหว่างทางลี้ภัยไปมณฑลซื่อชวน   ขณะนั้นนางมีอายุเพียง ๓๘ ปีเท่านั้น

        ภายหลัง กวีเอกไป๋จวีอี้ได้แต่งลำนำ “ฉางเฮิ่นเกอ” (长恨歌) บรรยายเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ตอนนี้ขึ้น

 

"...ยามเมื่อนางหันมาแย้มสรวล ก็นำมาซึ่งเสน่ห์ร้อยประการ

เป็นเหตุให้นางสนมทั้ง ๖ ตำหนัก ต้องด้อยรัศมีลง

ยามเมื่อนางอาบน้ำในสระ (หัวชิงฉือ)

เหล่านางสวรรค์กำนัลใน (๓,๐๐๐ นาง)

ต่างก็พรึงเพริดด้วยโฉมอันงามวิไลนัก..." 

 

          เล่ากันว่า ทั้ง ๒ ทรงโปรดปรานในการมาสรงน้ำที่หัวชิงฉือเป็นยิ่งนัก ตลอดระยะเวลาที่ทรงอยู่ร่วมกัน ได้มาสรงน้ำที่นี่ถึง ๔๙ ครั้ง จนมีสระหนึ่งของที่นี่ เรียกว่า สระหยางเฟย เป็นที่สรงน้ำของนางโดยเฉพาะ

 
สระน้ำหยางเฟยที่หัวชิงฉือ
 

         นอกจากนี้ ยังมีคำร่ำลือกันว่า หยางกุ้ยเฟย เธอมีกลิ่นกายที่หอมกรุ่น เนื่องจากนางได้นำเอากลีบดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมนานาพรรณ มาบดให้ละเอียดเป็นแป้งแล้วใช้ชโลมกาย ในยามที่เธอมีเหงื่อไหลในช่วงฤดูร้อนนั้น ร่ำลือกันว่ายิ่งส่งกลิ่นหอมอบอวลให้เป็นที่ใหลหลงยิ่งนัก ซึ่งทำให้หญิงสาวจีนในยุคนั้นเอาตามอย่างนาง โดยนำกลีบดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมมาทำเป็นแป้งใช้ทาชโลมกาย จนถือเป็นต้นกำเนิดของแป้งฝุ่นจีนมาตราบจนทุกวันนี้

       หยางกุ้ยเฟยได้รับฉายานามว่า "มวลผกาละอายนาง"(จีน: 羞花 พินอิน: xiū huā) ซึ่งหมายถึง "ความงามที่ทำให้แม้แต่มวลหมู่ดอกไม้ยังต้องละอาย" (a face that would make all flowers feel shameful)

       มีเรื่องเล่าว่า วันหนึ่งขณะอยู่ในวัง นางไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ มองเห็นดอกโบตั๋นและกุหลาบจีนที่กำลังบานสะพรั่ง แล้วคิดถึงชีวิตตนเองที่ถูกกักอยู่ในวังหลวง ผ่านวัยสาวไปอย่างไร้ความหมาย นางร้องไห้พลางลูบดอกไม้นั้น เมื่อนางแตะถูกกลีบดอกไม้กลีบนั้นก็หุบลง ใครจะคิดว่าต้นไม้ที่นางลูบนั้นคือต้นนางอาย

        นางกำนัลคนหนึ่งพบเห็นเหตุการณ์นี้เข้า จึงนำไปเล่าลือว่าหากหยางอี้หวนเทียบความงามกับดอกไม้แล้ว ดอกไม้ยังต้องละอายก้มลงให้แก่นาง........

 
beeman by Apinya

มนุษย์ผึ้งมหัศจรรย์  
神奇的蜂爷
  
(shen2  qi2  de1  feng1  ye2)

อ้างอิง

 

หมายเลขบันทึก: 125438เขียนเมื่อ 6 กันยายน 2007 00:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)
หานซิ่น เเห่งทางไม้ขาด

อยากเห็นภาพ ดารา หรือตัวเเทนหยางกุ้ยเฟยบ้างคับ

  • ยังค้นหาไม่พบครับคุณหานซิ่น
  • สวยจริงๆคะอาจารย์
  • รูปภาพยังงดงามถึงเพียงนี้
  • ตัวนางจริงจะงามเพียงใด
  • อย่างนี้ดอกไม้ก็เทียบไม่ได้จริงๆนะคะ
  • แต่เฮ้อ...คนสวยสมัยก่อนมักอาภัพ...
  • ต้องจบชีวิตอย่างน่าสงสารนะคะ
  • ต่างจากสมัยนี้...คนสวยเลือกได้คะอาจารย์
  • คนสวยสมัยก่อนอาภัพจริงๆ ครับ (ไม่สวยยิ่งอาภัพใหญ่)
  • เดี๋ยวนี้ยุคสมัยเปลี่ยนไป แต่คนสวยก็ยังอาภัพอยู่ดีแหละ (ถึงแม้ว่าจะเลือกได้ก็ตาม)
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์ beeman

  • ใครคุยเรื่องความสวยแล้วหูผึ่งค่ะ......
  • อ๋อ!....ภาพสวย หยางกุ้ยเฟย....ยอมรับสวยจริงๆค่ะ
  • และยืนยันค่ะ....คนสวยมักอาภัพ....ก็ดูแต่ครูหญ้าบัวซิค่ะ.....สวยแต่อาภัพ....(  อิอิ..ตามพ่อครูบาก่อน.......อิอิ สวยจริ๊งจริง......สวยแต่อาภัพคู่...haha!!....  )  อาจารย์ค่ะ.....เขาเรียกว่าสวยระยะห่างค่ะ...."สวย  200  เมตร"
  • ขอบคุณค่ะ
ขอแก้พินอินหน่อยค่ะ   杨国忠  yang  guo  zhong     เพราะถ้าใช้  k  จะออกเสียงเป็นตัว  ( ค )   ค่ะ     จริงๆแล้วหยางกุ้ยเฟยเป็นผู้หญิงร่างท้วม  คนจีนสมัยก่อนถือว่าหญิงร่างท้วมเป็นหญิงที่สวยงามผิดกับสมัยนี้ที่นิยมหญิงร่างบอบบาง 
  • อ่านความเห็นของครูหญ้าบัวแล้วอดขำไม่ได้ครับ
  • "สวยระยะห่าง..สวย ๒๐๐ เมตร" อิอิ....
  • ขอบคุณครับ คุณนุช หายไปนานเลยครับ
  • แก้ไขคำผิดแล้วครับ
  • และขอบคุณข้อมูลที่เติมเต็มครับ

สวัสดีค่ะ

อ่านเพลินดีค่ะ มีข้อคิดด้วยค่ะ

  • ขอบคุณครับ ท่านอาจารย์ sasinanda

  吴老师, 你好 !   

           นุชเพิ่งกลับจากอเมริกา  ตามลูกชายคนโตที่กำลังทำ ป.เอก  ที่ มิชิแกน และใกล้จะจบ  จึงพาแม่ไปเที่ยวเสียเดือนกว่า  ได้แวะเที่ยวหลายรัฐ   ไปเปิดหูเปิดตา  แวะ ไชน่าทาวน์  หลายแห่ง  แหล่งที่คนจีนอาศัยมากก็คงเป็น Sanfranฯ  นึกว่าหลุดเข้าไปในประเทศจีน  เลยได้ใช้ภาษาสบายไป   หลังจากกลับมาจึงไล่อ่านของอาจารย์  ลูกสาวใหม่กลับไปหรือยังคะ  ดีจังที่มีโอกาสฝึกภาษา  อิจฉาค่ะ        

             ยังผิดอยู่ค่ะ   guo  ไม่ใช่  gua  ค้นมาให้อ่านบ่อยๆนะคะ  จะตามอ่านค่ะ    

           

  • แก้ไขรอบสองแล้วครับคุณนุช
  • เรื่องเล่าน่าสนุกนะครับ ได้ไปอเมริกา
  • ลูกสาวใหม่กลับไปแล้วครับ ใช้ภาษาใบ้น่าดูเลย.. ลูกชายไม่ค่อยยอม Take care โบ้ยไปให้พี่สาว
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท