ในช่วงที่ยังเล็กอยู่พ่อย้ายกลับไปเป็นตำรวจดุริยางค์ ที่ค่ายตำรวจบ่อทอง พ่อไปราชการบ่อย แม่ก็ต้องขายขนมทุกวัน เพื่อตัดปัญหาในการต้องจ้างคนเลี้ยง แคงจึงต้องเข้าเรียนอนุบาลเป็นนักเรียนคนใหม่ ตั้งแต่อายุ ๓ ขวบ ที่โรงเรียนบุญมีวิททยา ตำบลนาเกตุ มีรถรับส่งทุกวัน
เมื่อเสร็จภารกิจตำรวจดุริยางค์ พ่อก็ย้ายกลับเป็นตำรวจภูธรที่โรงพักโคกโพธิ์เหมือนเดิม แคงก็ต้องย้ายโรงเรียนมาเรียนที่โรงเรียนจิปิภพพิทยา หรือโรงเรียนบ้านครูน้อย
โรงเรียนบ้านครูน้อยเป็นโรงเรียนเอกชนหรือเรียกว่าโรงเรียนราษฎร์นั่นเอง เป็นบ้านโบราณหลังใหญ่ แบ่งเป็นชั้นเรียนตามห้องต่างๆ ด้านหน้าอาคารเป็นสนามมีเสาธงชาติ และมีต้นกล้วยมนิลาปลูกอยู่(ไม่แน่ใจว่าเรียกอะไรแต่ใบหมือนกล้วย ต้นสูงใหญ่ใบแผ่เรียงเหมือนพัด )ขวามือเป็นต้นจำปา ซ้ายมือติดกับร้านกาแฟหวังเอียด แล้วเป็นตลาดโคกโพธิ์ ด้านหลังเป็นร้านอาหารซึ่งมีคุณยายใจดีเป็นผู้ขายพร้อมลูกหลาน เช่นพี่ตุ๊กตา
เด็กๆ ที่ตลาดโคกโพธิ์ส่วนมากเรียนที่โรงเรียนบ้านครูน้อย เพราะเข้มงวดดีผู้ปกครองชอบ (ครูแต่ละคนตีเจ็บมากๆ แต่ใจดี)
เมื่อตอนเด็กท่องหนังสือเก่ง ความจำดี ได้เลื่อนชั้นกลางปี สองครั้ง ครั้งแรกสู้เขาได้สบายมาก ครั้งที่สองสู้เขาไม่ได้ตีลังกาเลย
เมื่อตอนอยู่ ป.๑ แคงจำได้ว่า มีครูประจำชั้น คุณครูปราณี มีเพื่อนร่วมชั้นชือ อาทิตย์(หมุน),แมว(เป็นพี่ของหมุน),ชาลี(เอียด),สุบิน,ตั๋น,โสภา,แฉล้ม,ชูชาติ ฯลฯ
เรียนอยู่โรงเรียนจิปิภพ(จำได้ว่าผ้าผูกคอลูกเสือสำรองสีฟ้ากับชมพู) เรียนจนถึงชั้น ป.๕ แล้วย้ายไปเรียนที่โรงเรียนบุญมีวิทยา ที่ตำบลนาเกตุ จนจบ ป.๗
สวัสดีค่ะ
ทำให้นึกถึงตอนเป็นเด็กเลยค่ะ น่าติดตาม
ขอบคุณครับ
คนเขียนเองก็อยากกลับไปเป็นเด็กอบอุ่น อกพ่อ อกแม่ แค่นี้ก็คุ้มแล้วครับ
สวัสดีครับ
ปล. ต้องลาไปอบรมที่นครนายก ๒ วัน ครับ