จิตตปัญญาเวชศึกษา 21: Prosperity Mentality ฐานจิต สู่ใจพระโพธิสัตว์


Prosperity Mentality ฐานจิต สู่ใจพระโพธิสัตว์

ในบทความที่แล้วเรื่อง poverty mentality อุปสรรคอันพึงระวัง ว่าด้วยสภาวะจิตที่ไร้่พลังที่จะให้ มีแต่แรงอยากจะได้ อยากจะเอา เป็นอุปสรรคในการพัฒนาจิตตปัญญา และพูดถึง พยาธิสรีระ คือ กระบวนทัศน์ที่มองหาสิ่งที่ตนเองขาด มากกว่าสิ่งที่ตนเองมี ในบทความนี้ จะพูดถึงเหรียญอีกด้านหนึ่ง ที่อาจจะพัฒนาควบคู่กันไป หรือมองเป็น REMEDY แก้ไขอะไรบางอย่างที่หลงทางไปเรียบร้อยแล้ว ให้กลับมาอยู่บนเส้นทางจิตตื่นรู้เช่นเดิม

จิตนั้นไม่ค่อยจะอยู่นิ่ง ถ้าจะบังคับให้นิ่งเฉย วางเปล่าจริงๆ อาจจะลองเริ่มต้นด้วยทำให้เกิดสมาธิ และลงใคร่ครวญไตร่ตรอง ภาวนา ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งแทน อาจจะยากน้อยลงรึเปล่า? ก็จะขอเสนอให้ลองพิจารณาดู ณ บัดนี้

ความพอเพียง เป็นสิ่งที่แทบจะเหมือนพึ่งค้นพบ แท้ที่จริง เป็น Mentality ของเราเองที่เป็นคนบอกว่า "ยังไม่พอ ยังไม่พอ" จนกระทั่งมี strong message มาจากในหลวงของเรา ม่านบังตานี้จึงได้จางหายไป คนสามรถมองทะลุเปลือกตา เปลือกจิต ของตนเองลงไปได้ จากจุดของความพอเพียง เพียงปรับอีกเล็กน้อย ก็จะกลายเป็นจุดของความ "รุ่มรวย สำเร็จ" เมื่อนั้น ที่เรารู้ึสึกรุ่มรวย มีเกินพอ เราก็จะเีิริ่มเจือจาน เป็นผู้ให้ เป็นผู้โอบอ้อมแ่คนรอบข้าง

 

เคยมีภาพยนต์เรื่องหนึ่งมาฉายที่เมืองไทยเรานานมาแล้ว ชื่อ เทวดาท่าจะบ๊อง หรือ God Must Be Crazy กล่าวถึงชนเผ่า BUSHMAN เผ่าหนึ่ง ชีวิตเรียบง่าย อาศัยกลางทุ่งอันกันดาร แห้งแล้ง แม้แต่น้ำแต่ละหยด บางทีก็ต้องขุดดิน ดูดเอาตามรากไม้ หัวมัน หัวเผือก แต่ทุกคนๆในเผ่าก็มีความสุขดี

ชนเผ่านี้ไม่เคยมีการทะเลาะเบาะแว้ง ทุกคนมีความพอเพียงกับอัตภาพ กับเสื้อผ้าที่มีเพียงผืนเล็กๆ สัตว์เล็กสัตว์น้อยเป็นอาหารพออยู่ได้ ไม่มีอาชญากรรม ไม่มีกฏหมาย ไม่มีตำรวจ ไม่ีมีทำโทษ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

จนกระทั่งวันหนึ่ง มีคนโยนขวดโค้กเปล่าจากเครื่องบินตกลงมาในหมู่บ้าน เพียงแค่ขวดโค้กใบเดียวนี้ก็เปลี่ยนชะตากรรม หรือกระบวนทัศน์ของคนทั้งหมู่บ้านได้

เมื่อคนในหมู่บ้านเจอขวดโค้กเป็นครั้งแรกก็ไม่รู้จัก พยายามคิดหาการใช้ประโยชน์จากมันด้วยกลไกต่างๆ ก็รู้สึกว่ามีประโยชน์มาก เอาไปเป่าเป็นเพลงก็ได้ แข็งกว่าวัสดุใดๆที่เขาเคยพบ เอามานวดหนังสัตว์ ทุบผลไม้ หัวมัน ฯลฯ แต่เนืื่องจากมีอยู่ขวดเดียว เมื่อคนทั้งเผ่าต่างก็จ้องจะใช้ เป็นครั้งแรกที่ชนเผ่า Bushman รู้สึก ยากจน ในที่สุดก็มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะการแย่งขวดโค้ก จนพระเอกของเรา รู้สึกจะชื่อ "นิเชา" อาสาจะเอาขวดปิศาจนี้ไปทิ้งที่สุดขอบโลก

ผมชมภาพยนต์เรื่องนี้ตอนยังเด็กๆอยู่เลยครับ หนังเรื่องนี้ Release ครั้งแรกปี 1980 ผมยังเป็น teenage อยู่เลย (จริงๆนะ จะบอกให้) ตอนนั้นดูก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ตลกดี ได้ชมเรื่องนี้อีกที อืม.... มีข่าวสารอะไรมากมายที่ตอนนั้นเราไม่ได้ get เยอะมากเลย

กระบวนทัศน์ขัดสน กับ กระบวนทัศน์รุ่มรวย เพียงพอ ถูกขวางกั้นเพียงแค่ขวดโค้กเปล่าๆ ขวดเดียว ดังนั้นมันไม่น่าจะเป็นเพราะขวดใบนี้กระมัง? มันน่าจะเป็น กระบวนความคิด ของคนที่มีต่อขวดใบนี้ต่างหาก ที่เราสร้างสรรค์ ปั้นแต่ง มอบอำนาจ มอบความศัำกดิ์สิทธิ์ เสร็จแล้วตัวเราเองที่ศิโรราบต่ออำนาจสมมติเหล่านี้ ที่เราเองมอบไป

นักศึกษาแพทย์เรา อาจจะเผลอมอบอำนาจ มอบแรงบันดาลใจ ความยิ่งใหญ่ของวิชาชีพของเรา ลดลงไปอยู่ที่เรื่องบางเรื่อง เช่น คะแนน เกรด ใบปริญญา เกี่ยรตินิยม ทำให้ distracted ออกจาก big picture ที่แท้จริง ก็คือ การสร้างทัศนคติิัอันรุ่มรวย บนพื้นฐานความรู้่วิทยาศาสตร์การแพทย์ และความเป็นมนุษย์ของตนเองไปอย่างน่าเสียดาย

ถ้าเรารู้ว่าความรู้ต่างๆนั้น มีมากมายมหาศาลก็จริง แต่เราทราบว่าจะไปแสวงหามาอย่างไร จากที่ไหน เราก็จะไม่รู้สึกว่าขาดอะไรมากมาย จะไปหามาเมื่อไหร่ก็ได้ ตรงกันข้าม ในขณะที่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย ประสบการณ์ตรงกับผู้ป่วย ในขณะที่เรามีคนให้คำปรึกษา มีคนช่วยรับผิดชอบดูแล แก้ไขข้อบกพร่องให้ตลอดเวลา ตรงนี้ต่างหากที่กำลังหมดไปทุกวันๆ สิ่งที่จะคอยเป็นแรงบันดาลใจเราตลอดก็คือ งานนี้เป็นงานที่มีความหมายอย่างยิ่งต่อคนจำนวนมาก และเรา--ด้วยความรู้แก่ใจว่าเราช่วยเขาได้--- จะทำให้เรามีหัวใจพองโต เปี่ยมพลังงาน เปี่ยมความสุข และอยากจะให้ ให้ ให้ ต่อไปเรื่อยๆ

ในการดำรงชีวิตตามหลักพุทธนิกายมหายานนั้น จะต้องทำการปฏิญานว่าจะดำรงชีวิตดุจดั่งพระโพธิสัตว์ (Bodhisattava Vow) คือ ถือกำเนิดมา มีชีวิตอยู่ เพื่อช่วยเหลือสัตว์โลกให้พ้นทุกข์ การจะทำเช่นนี้ จะต้องมีฐานหัวใจที่เปี่ยมล้น พอเพียง รุ่มรวยด้วยจิตเมตตา กรุณา และพร้อมจะเป็นผู้ให้ เืทิดทูนการเป็นผู้ให้ ปิติเมื่อเห็นผู้รับผ่อนคลายทุกข์ทรมานลงได้

 เป็นที่น่าสงสัยว่า ทุกวันนี้ พวกเรา เผ่าที่เจริญแล้ว มีอุปกรณ์ เครื่องอำนวยความสะดวกมากมาย เจริญกว่าเผ่า Bushmen มากมาย พวกเราได้แอบ หรือเผลอสร้าง "ขวดโค้กเปล่า" เอาไว้กราบไหว้บูชา แล้วเป็นสาเหตุที่ทำให้ทะเลาะ เบาะแว้ง แทบจะฆ่ากัน หรือฆ่ากันตายจริงๆบ้างหรือไม่ ถ้ามีจริงๆแล้ว พวกเราทำอะไรกับมัน? ดันทุรังกราบไว้บูชาทะเลาะต่อไป หรือว่าพยายามจะนำไปทิ้่งที่สุดขอบโลก?
 
ตกลงใครเจริญกว่ากัน กันแน่เอ่ย? 
หมายเลขบันทึก: 124604เขียนเมื่อ 3 กันยายน 2007 12:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 06:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ได้มีโอกาสอ่านตอนนี้ท้ายสุด  หากลองถามผู้ที่กำลังเป็นนักศึกษาของเรา  "มาเรียนคณะนี้  มหาวิทยาลัยนี้ด้วยเป้าหมายใด "   อาจารย์คิดว่าคำตอบที่เราจะได้ทราบคืออะไร     จะเป็นความคิดของการเป็นผู้รับหรือผู้ให้    แล้วเราจะมีกระบวนการเปลี่ยนกระบวนวิธีคิดของการเป็นผู้ให้ที่มากขึ้นได้อย่างไร    หากทุกคนให้ในสิ่งที่ตนเองมีสังคมนี้ก็จะไม่ขาดแคลน   แต่หากทุกคนต่างแสวงหาในสิ่งที่ตนเองขาดจะมีเวลาใดมาพิจารณาสิ่งที่ตนเองมี  

      เป็นโอกาสให้ได้ทบทวนตนเองค่ะ

                ขอบคุณมาก

ขอบคุณครับ คุณอุดม

ในความคิดของผมก็คือว่า ผมไม่คาดเดาคำตอบว่าจะเป็นเช่นไร เพราะไม่มีประโยชน์อะไร

แต่คำตอบทุกคำตอบ จะมีส่วนในการวางแผน การคิดต่อแน่นอนครับ

การเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ เป็นอะไรที่ค่อยเป็นค่อยไป และเกิดจากตัวผู้เปลี่ยนเอง เป็นหลักสำคัญที่สุด ซึ่งก็เหมือน health promotion ทั่วไปนั่นแหละครับ ถ้าเมื่อไหร่ก็ตาม เราตั้งตาตั้งตาจะไปเปลี่ยนคนนู้นคนนี้ มันจะไม่เคยได้ตามที่เราต้องการ แต่เราอาจจะทำให้เกิด perspective หรือลานมองใหม่ จนกว่าจะไปโดน core value ของแต่ละปัจเจก เกิดการสร้างโลกภายในขึ้นใหม่ กระบวนทัศน์ใหม่จึงจะผุดบังเกิดตามมา 

              คมเหมือนเดิมเลยค่ะ อาจารย์คะ

ผมเคยดูๆ.....หนุกดี ได้ข้อคิดไรเยอะแยะ...

คนขับเครื่องบินก็เหลือเกินนะ โยนมาได้....ฮ้าๆ

ไม่น่าเชื่อแฮะ หนุงเรื่องนี้มีก่อนผมเกิดตั้ง15ปี

ขอบคุณคับ...

ประวัติลุงน่าสนใจดีแฮะ.....อ่านแล้วเพลินมากๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท