ขณะที่ข้าพเจ้ามีอายุได้ 7 ปี ข้าพเจ้าก็ได้เรียนที่โรงเรียนภาคบังคับของรัฐบาลควบคู่ไปกับการเรียนที่กุตตาบ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในเขตพื้นที่ของอำเภอฆอรฺบียะฮฺ
โรงเรียนอยู่ที่ซอยบ้านเรา การเรียนที่โรงเรียนมีความจำเป็นและความสำคัญ เติมเต็มการเรียนที่กุตตาบ
ที่โรงเรียนมีครูซึ่งเป็นญาติของเรา ชื่อชัยค์อับดุลลอฮฺ ซายิด คุณลุงบอกท่านว่า “ เราต้องการให้ลูกของเราเข้าโรงเรียน” ท่านจึงถามข้าพเจ้าว่า “ เธอท่องอัลกุรอานได้เท่าไรแล้ว ? ” ข้าพเจ้าตอบว่า “ถึงซูเราะฮฺ อัลญินครับ ” เขากล่าวว่า “ดี งั้นพรุ่งนี้มาหาฉัน ฉันจะให้เธอเข้าเรียนทันที ”
แล้ววันต่อมาข้าพเจ้าก็ไปหาท่าน ท่านพาข้าพเจ้าเข้าห้องเรียนชั้นปีที่ 1 ทันที และเขียนตารางสูตรคูณในกระดาษให้ข้าพเจ้า แล้วกล่าวว่า “ ท่องให้จำภายในหนึ่งสัปดาห์ แล้วมาหาฉันเพื่อทดสอบ ” หลังจากนั้นสองหรือสามวัน ข้าพเจ้าก็ไปหาและกล่าวว่า “ ข้าพเจ้าจำแล้ว” ท่านจึงทำการทดสอบ ปรากฎว่าข้าพเจ้าท่องจำขึ้นใจ โดยไม่ผิดแม้แต่ตัวเดียว
โรงเรียนนั้นนักเรียนหญิงเรียนภาคเช้า ส่วนนักเรียนชายเรียนภาคบ่าย ดังนั้นในช่วงเช้าข้าพเจ้าจึงไปเรียนที่กุตตาบ ช่วงบ่ายไปเรียนที่โรงเรียน
โรงเรียนต่างกับกุตตาบอย่างสิ้นเชิง
ที่กุตตาบมีห้องเดียว ครูคนเดียว ไม่แบ่งชั้น ไม่มีปิดเทอม ไม่มีห้องน้ำ ถ้าเราต้องถ่ายทุกข์ ก็อาจต้องไปที่เปลี่ยวข้างกุตตาบ ห้องน้ำมัสยิด หรือห้องน้ำบ้านของชัยค์นั่นเอง
ในขณะที่โรงเรียนมีหลายชั้น มีครูหลายคน มีปิดเทอม มีห้องน้ำพร้อมสรรพ
นักการศึกษาบางคนตำหนิการให้เด็กเล็กๆท่องจำอัลกุรอาน โดยอ้างทฤษฎีว่า เด็กๆไม่ควรท่องจำในสิ่งที่ไม่เข้าใจ ซึ่งความจริงทฤษฎีนี้ใช้กับอัลกุรอานไม่ได้ เพราะอัลกุรอานไม่เหมือนหนังสือทั่วไป อัลกุรอานสะดวกต่อการท่องจำและการทำความเข้าใจ
เมื่อเข้าเรียนชั้นปีที่ 1 ข้าพเจ้าได้รับสมุดหลายเล่ม โดยเขียนเล่มละวิชา และได้รับแจกดินสอ ยางลบ และสมุดฝึกหัดคัดลายมือ มีอักษรแบบนัสก์ ริกอะฮฺ และซุลุซให้เลียนแบบ
ครูประจำชั้นของเราชื่อ ครูอาลี คอลีล ท่านต้อนรับข้าพเจ้าด้วยความยินดี ไม่นานอาจเป็นเพราะพื้นฐานจากกุตตาบ ผลการเรียนของข้าพเจ้าก็นำคนอื่นๆ ท่านเลยให้สมญานามข้าพเจ้าว่า เบเรงประจำห้อง ซึ่งหมายถึงที่หนึ่งของห้อง ปกติแล้วข้าพเจ้ามักจะได้คะแนนสิบเต็มสิบ พร้อมกับคำชมเชยว่าดีหรือดีมาก เมื่อสอบเลื่อนขึ้นชั้น ข้าพเจ้าก็ได้รางวัลเป็นของเล่น
ในปีที่ 3 ข้าพเจ้าก็ท่องจำกุรอานทั้งหมด ข้าพเจ้าจึงสามารถทุ่มเทเวลาให้กับโรงเรียนได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าข้าพเจ้ายังคงไปกุตตาบ เพื่อช่วยชัยค์หามิดฟังการท่องจำของเด็กๆ
ในปีที่ 5 นักเรียนชายก็ย้ายไปเรียนที่อาคารอื่น นักเรียนหญิงก็ไปเรียนอีกอาคารหนึ่ง ทั้งสองอาคารสอนภาคเช้า จึงชนกับเวลาเรียนที่กุตตาบ ข้าพเจ้าจึงต้องไปที่กุตตาบช่วงบ่าย
ไม่มีความเห็น