กลางเมษาปี 50 มีโอกาสไปร่วมงานคอนเสิร์ตที่ภาคใต้ 3 วัน คืนแรกที่ งานกาชาด อ.นาทวี จ.สงขลา คืน ที่สอง ร้านตั้งหลัก หาดใหญ่ และคืนที่ 3 ที่ร้านตะวันแดง จังหวัดตรัง
ผมอยู่ได้ 2 งานก็ขออนุญาตทีมงานเดินทางไปเยี่ยมพี่สาวและแม่ที่ ยะลา หลายคนมองด้วยความเป็นห่วงเพราะตอนนั้นเหตุการณ์ ใน 3 จังหวัดภาคใต้ยังกรุ่นระอุแต่ผมบอกว่าไม่เป็นไร เพราะที่นั่นผมเคยอยู่มาหลายปีดีดัก คุ้นเคยเหมือนบ้านตัวเอง...
นั่งรถตู้ประมาณชั่วโมงเศษก็เข้าเขตปัตตานี และอีกไม่กี่นาที่ก็เข้าสู่เมืองยะลา มองไปสองข้างทางร่องรอยแห่งความไม่สงบก็เริ่มปรากฏให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นการตั้งจุดตรวจรถของทหารหาญ การปิดถนนบางสาย หรือแม้แต่การระแวดระวังของเจ้าหน้าที่บริเวณประตูวัดหลายแห่ง และในหลายๆวัดสองข้างทางก็เต็มไปด้วยกองกำลังของทหารและเต็นท์พักเพื่อประจำการ...
อีกประมาณ 40 ก.ม.จะถึงตัวเมืองยะลาผมงัดโทรศัพท์ออกมาจะโทร.บอกพี่สาวให้เตรียมตัวออกมารับที่ท่ารถตู้ แต่ปรากฏว่าไม่มีสัญญาณโทรศัพท์แม้แต่จึ๋งเดียว
คิดในใจว่า เอ...สงสัยเมืองนี้ไม่มีโทรศัพท์ระบบแบบที่ผมใช้อยู่กระมัง....ไม่เป็นไร.. เดี๋ยวนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปเองก็ได้...และพอเจอหน้าพี่สาวผมก็เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง...!!!
พี่สาวบอกว่าโทรศัพท์ผมโดนตัดสัญญาณ!!! ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของโทรศัพท์นอกเขตที่ยังไม่ลงทะเบียนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้...!!พี่สาวรีบพาผมไปลงทะเบียน เพราะไม่อย่างนั้นเลขหมายของผมจะใช้ไม่ได้อีกตลอดไป แม้จะออกมาจากเขตสามจังหวัดนี้แล้วก็ตาม
ผมรู้สึกเห็นใจพี่สาวและผู้คนในเขตนี้มากมายเหลือเกิน เพราะต้องใช้ชีวิตความเป็นอยู่อย่างระแวดระวังตลอด 24 ชั่วโมง ร้านค้าและตลาดก็ค่อนข้างเงียบเหงา บางแห่งเกือบจะเป็นตลาดร้างทั้งที่เมื่อก่อนมีพ่อค้า-แม่ค้ามากมาย และผู้คนก็มาจับจ่ายใช้สอยกันอย่างคึกคัก
แวะเข้าร้านกาแฟจะสั่งกาแฟซักแก้ว แต่เจ้าของร้านกำลังแพ็คของเก็บ บอกว่าจะย้ายไปอยู่ระยองในวันพรุ่งนี้แล้ว และไม่มีกาแฟขายให้ผม
พี่สาวพาผมไปดูจุดเกิดเหตุหลายจุด หลายแห่งถูกซ่อมแซมให้เป็นปกติ แต่หลายแห่งก็ยังคงเหลือร่องรอยแห่งความสูญเสียเอาไว้ และทุกครั้งที่ได้เห็นภาพจริง จินตนาการแห่งหยดเลือดและหยาดน้ำตาก็ทะลักไหลเข้าสู่โสตประสาทของผมอย่างไม่หยุดหย่อน...
แต่เรื่องราวและเหตุการณ์จริงก็มีให้เห็น....
วันที่ 2 ของการเดินทางไปถึง เกิดเหตุระเบิดที่ตลาดเช้าแห่งหนึ่ง เป็นตลาดที่คนพุทธนิยมไปซื้ออาหารสำเร็จรูปมาใส่บาตร มีผู้บาดเจ็บ 9 คนหนึ่งในนั้นมีตำรวจหญิงรวมอยู่ด้วย ผมกับพี่สาว
ขับรถออกจากบริเวณนั้นก่อนหน้าประมาณ 10 นาที ....!
วันเดินทางกลับเกิดเหตุฆ่ายกคันรถตู้บนเส้นทางสาย บันนังสตาร์-ยะลา ทุกคนโดนยิงที่ศีรษะ มีผู้รอดชีวิตรายเดียวคือคนขับรถที่เป็นมุสลิมและสวดมนต์ตามคัมภีร์กุหร่าได้
ไม่ว่าอีกกี่สถานที่หรืออีกกี่ชีวิตของเพื่อร่วมเขตแดนแผ่นดินจะต้องสูญเสียหรือแดดิ้นลงไปตรงนี้ พี่สาวของผมบอกว่าแกไม่ย้ายหนีไปไหน...ทั้งที่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะถึงรอบของตัวเองบ้างวันไหน...แล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะสงบลงวันใด
ผมกลับมาชลบุรีหลายเดือนแล้ว แต่ก็คิดถึงและเป็นห่วงพี่สาวและเพื่อนพ้องที่อยู่ในเขตนั้น ก่อนเริ่มเขียนบันทึกฉบับนี้...สายลมวูบหนึ่งกระชากผ่านกิ่งมะม่วงหน้าบ้าน ใบแก่สีเหลืองเข้มถลาร่อนลงซบพื้นสอง-สามใบ ไม่มีใครทราบ....สายลมนั้นพัดมาจากไหน และจะไปหมดฤทธิ์หมดแรง ณ จุดๆใด คำถามที่ว่าสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะสงบลงเมื่อไหร่นั้น คำตอบก็น่าจะเฉกเช่นเดียวกันกับสายลมนี้กระมัง...
อย่างไรก็ตาม...ผมได้แต่ภาวนา ขอให้สันติสุขที่ยั่งยืนจงเกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนใต้โดยเร็ววัน...
(อิงแนวคิดจากเพลง Blowind in the wind ของ Bob Dyland /Peter Paul & Marry และ เพลง คำตอบอยู่ในสายลม วงคาราวาน โดย มงคล อุทก)