ย้อนอดีตไปเมื่ออายุเท่าไรไม่ทราบ แต่จำได้ว่า เป็นเด็กน้อยตัวเล็ก ผมชอบเฝ้ามองมดคัน (ไม่มีไฟ ตัวเล็กแต่กัดแล้วคัน) ที่เดินตามกันไปเป็นย่าน ผมเรียกเจ้าตัวใหญ่หัวโตว่า "โค่ง" (มดคันโค่ง) เจ้าตัวใหญ่นี้เวลาเดินก็เดินเร็ว เราจะเห็นเจ้าตัวเล็กบางตัวเกาะอาศัยเจ้าตัวใหญ่เดินไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ทั้งเจ้าตัวเล็กและเจ้าตัวใหญ่บางตัว ก็จะคาบอาหารที่ตนสามารถจะนำไปได้ด้วย บางตัวช่วยกันหาม ช่วยกันดึง ช่วยกันลาก นั้นคือมดคัน
นอกจากมดคัน เวลาที่ผมตามแม่ไปตกปลาตามคูต่างๆ แม่จะไปเอาไข่มดแดงมาขยำกับข้าวเป็นก้อน นำไปเกี่ยวเบ็ดเป็นอาหารให้ปลามากินเบ็ด มดแดงเมื่อเราไปแตะรังมัน มันจะออกกันมาป้องกันตัวเอง บางครั้งผมขึ้นไปบนต้นมะม่วง ก็จะพบรังมดแดง มันจะวิ่งกรูกันมาเพื่อมากัดสิ่งมีชีวิตที่ดูจะตัวใหญ่กว่ามันหลายเท่า ไม่รู้ว่ามันรู้หรือไม่ว่า มันจะต้องตายด้วยน้ำมือมนุษย์ที่ไม่ได้มีจิตสำนึกว่า มดมีชีวิต เหมือนตน
มนุษย์นี่สำคัญนัก มีชีวิตเหมือนกับมด เมื่อเรามองมาจากท้องฟ้า หากเราตัวใหญ่เหมือนกับยักษ์ในนิทาน มนุษย์ก็คือมดนั่นเอง มนุษย์ทุกผู้ต้องการให้ตนพ้นภัย ไม่ได้คิดเหมือนกันว่าจะต้องตาย แต่ทำอย่างไรให้รอด ทุกคนพยายามที่จะทำให้ตัวเองรอด ทุกคนจึงหยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่ได้
ดูมนุษย์ทั้งหลายเถิด มนุษย์กำลังทำอะไรกัน มนุษย์จำนวนหนึ่งคิดว่าการได้ครอบครองทรัพยากรนั้นแหละคือความยิ่งใหญ่จึงพยายามที่จะครอบครองทรัพยากรนั้น มนุษย์จำนวนหนึ่งมองว่า ทรัพยากรที่ว่านั้น ครอบครองอย่างไรก็ไม่ได้ครอบครอง จึงหาสิ่งที่ครอบครองได้ภายในตน เพื่อหวังอนาคตซึ่งไม่รู้ว่ามันจะมีจริงหรือไม่ จำนวนหนึ่งกำลังเดินออกจากบ้าน มารวมกลุ่มกัน ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า "มหาวิทยาลัย" เพื่อทำตามกระบวนการที่มนุษย์คิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และจะได้รับการยอมรับจากหมู่เมื่อได้สิ่งสิ่งหนึ่งไปจากมหาวิทยาลัยแล้ว จำนวนหนึ่ง กำลังใจกำลังประหัตประหารกลุ่มที่มีกำลังด้อยกว่า จำนวนหนึ่งกำลังวิ่งหนีความตาย จำนวนหนึ่งกำลังกินอาหารอย่างอร่อยในสถานที่หรู อีกจำนวนหนึ่ง ผมโซ เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ขณะที่จำนวนหนึ่งกำลังช่วยเหลือผู้หิวโหย อีกจำนวนหนึ่ง พยายามกอบโกยเงินจากกระเป๋าของมนุษย์ด้วยกันด้วยวิธีการและการจัดการที่เชื่อมันว่าเราสามารถสร้างสิ่งที่ตนคิดว่านี้คือความยิ่งใหญ่.....
เรามองเห็นมนุษย์เพียงมดตัวน้อย เมื่อเราขึ้นไปสู่ท้องฟ้า ทั้งหมดเป็นปรากฏการณ์
สวัสดีค่ะ
มองว่ามนุษย์ คือเพื่อนร่วมโลก ที่เราต้องช่วยกันประคับประตองให้มีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ตกต่ำไปกว่านี้อีก (เท่าที่ทำได้นะคะ)
มาเยี่ยม..คุณ
ผมก็ชอบดูมดมันจู๊บกันก่อนที่จะไปทุกตัวตามเส้นทางไปมามันสัมผัสกันสื่อสารกัน
มีความเท่าเทียมกันดีจริง...นะ ยกเว้นคน..ฮา ๆ เอิก ๆ
ไม่นึกว่าจะมีคนประเภทเดียวกันมาบ่นอยู่แถวนี้...555
อาจารย์ครับ...วันที่เกิดซึนามิผมจินตนาการภาพคล้ายที่อาจารย์ว่ามาเลยครับ...
ถ้าผมตัวใหญ่โตมโหฬารสูงเสียดฟ้าแล้วก้มลงมาดูวันนั้น...คนก็ไม่ต่างจากมดปลวกเลยนะครับ...อิอิ
สวัสดีครับ
แวะมาเก็บเกี่ยวมุมคิดอันงดงามและฉายชัดความเป็นปรัชญาชีวิตได้อย่างน่าคิด
และขออนุญาตเขียนลำนำง่าย ๆ ตามแบบฉบับตนเองไว้ในบันทึกนี้ว่า
...
มนุษย์ ...
มีลมหายใจ
เพื่อกันและกัน
สถานะทางสังคมที่แตกต่าง
คือภาพสะท้อนของการเติมเต็ม
หาใช่การแยกแยะ
และชี้ชัดความอ่อนด้อยของมนุษย์
บางครั้ง
สถานะที่แตกต่างนั้น
ธรรมชาติกำลังยืนยันว่า
นั่นคือ
ภาพชีวิตของการต้องเติมเต็มให้กันและกัน
ไม่ใช่การถีบตัวไกลห่าง
ให้เห็นภาพแห่งความแตกต่าง
ที่ไม่อาจเชื่อมโยงมาพึ่งพิงกันได้เลย