พล.อ.เปรมได้กล่าวถึงว่า ในความรู้สึกนึกคิด มีครูอยู่ 2 ประเภท
คือครูอาชีพที่มีจิตวิญญาณความเป็นครูอยู่ในสายเลือด
มีความรักลูกศิษย์ประดุจลูกหลาน รักสถาบันด้วยความเข้าใจและภาคภูมิใจ
มีความเป็นมืออาชีพคือรู้จริงในสาขาวิชาที่รับผิดชอบ
และไขว่คว้าขยันหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ
อีกประเภทหนึ่งคืออาชีพครูคือรับเงินสอนไปตามหน้าที่ ไม่สนใจเด็ก
ไม่สนใจผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา ทั้งในเวลาราชการและนอกเวลาราชการ
สนใจไปทำอย่างอื่น ไม่มีความเป็นมืออาชีพ
สุดท้ายพล.อ.เปรมได้อัญเชิญพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่ทางพระราชทานแก่ครูอาวุโส รุ่น 20 ณ ศาลาดุสิดาลัย เมื่อวันที่ 13
ตุลาคม 2520 ความตอนหนึ่งว่า
"... ผู้เป็นครูอย่างแท้จริง นับว่าเป็นบุคคลพิเศษผู้ต้องมีความเมตตาและเสียสละเพื่อความสุขและความเจริญของบุคคลอื่นตลอดชีวิต เพราะครูต้องมีความรักความสงสารศิษย์อยู่อย่างหนักแน่น จึงจะอบรมสั่งสอนให้การศึกษา ต้องอดทนตรากตรำให้ศิษย์ไปถึงฝั่งได้ อีกประการ ต้องยอมเสียสละประโยชน์ส่วนตัว ในการเป็นอาชีพครู ไม่ใช่ทางที่จะแสวงหาผลประโยชน์ อำนาจ ยศศักดิ์ ในทางใดทางหนึ่งได้"
ในวันครูวันนี้ ผู้เขียนก็ขอระลึกถึงพระคุณของครูอาจารย์ทุกท่านของผู้เขียน ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยขอให้ท่านและครอบครัวของท่านมีความสุขและความเจริญ
แหล่งข้อมูล
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9490000005847
พลเอกเปรมได้กล่าวไว้ว่าครูในความรู้สึกนึกคิดของท่านมี 2 ประเภท คือ
ครูอาชีพ หมายถึงครู "มีจิตวิญญาณแห่งความเป็นครู" มีความรักความเป็นครูอยู่ในสายเลือด รักและห่วงใยศิษย์ประดุจเหมือนลูกหลานทุกลมหายใจ รักสถาบัน เสียสละเวลาส่วนตัวให้แก่ศิษย์ ให้แก่สถาบันด้วยความเต็มใจ เข้าใจ และภูมิใจ ครูอาชีพจะมีความเป็นมืออาชีพในตัวของครูอาชีพ คือ รอบรู้จริง รู้ครบถ้วนในสาขาวิชาที่รับผิดชอบ และไขว่หาความรู้เพิ่มเติมเสมอ
ครูอีกประเภทหนึ่ง ตนจะใช้ว่า "อาชีพครู" คือ ครูที่ได้รับราชการเพื่อรับเงินเดือนอย่างเดียว สอนไปตามหน้าที่ไม่สนใจเด็ก ไม่สนใจผลสัมฤทธิ์นอกเวลาราชการก็ไปทำอย่างอื่น แม้แต่ในเวลาราชการก็ไปทำอย่างอื่น บางทีก็ไปทำในสิ่งที่ไม่ดี และส่วนใหญ่ก็จะไม่ความเป็นมืออาชีพ
อ้างอิงจาก http://www.komchadluek.net/news/2006/02-08/p1--67255.html