คำขวัญวันเด็กปี 49

          วันเด็กทุกปี นายกจะต้องมอบคำขวัญให้แก่เด็กๆ ซึ่งเวลาเราเป็นเด็กเราก็จะสนใจและท่องได้ แต่ไม่รู้จะเข้าใจหรือเปล่า แม้แต่ตัวเองตอนเด็กๆก็ไม่แน่ใจว่าเข้าใจหรือไม่ รู้แต่ว่าพอถึงวันเด็ก เราจะได้ของขวัญเยอะ ยิ่งไปร่วมกิจกรรมด้วยแล้วก็จะได้มากขึ้น

          ตอนเป็นนักเรียนมัธยม ผมจะได้ของขวัญและเกียรติบัตรนักเรียนเรียนดีจากเทศบาลเมืองสวรรคโลกทุกปีและตอน ม. 6 ก็ได้เกียรติบัตรเยาวชนดีเด่นแห่งชาติด้วย ตอนอยู่คณะแพทย์เชียงใหม่ก็ได้เกียรติบัตรเยาวชนดีเด่นด้วย ตอนมัธยมได้เพราะการเรียนดี ความประพฤติดี พออยู่มหาวิทยาลัยได้เพราะกิจกรรมดี ประพฤติดี ก็รู้สึกตื่นเต้นดีและภูมิใจ ผมเคยเสนอเทศบาลตำบลบ้านตากให้จัดทำเกียรติบัตรแต่ก็ยังไม่ได้ทำ ผมคิด(เอาเองว่า) การได้เกียรติบัตรสำหรับเด็กๆแล้วจะมีคุณค่าทางจิตใจและทำให้เรามุ่งมั่นทำความดีมากขึ้น

           คำขวัญวันเด็กปีนี้ สั้นๆ จำง่าย คือ อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด ผมอ่านแล้วก็รู้สึกเฉยๆเพราะเราอาจจะเริ่มแก่เกินวัยเด็กไปแล้ว ทำให้ไม่คิดอะไรมากและคิดว่าก็ดีแล้ว ถ้าเด็กไทยฉลาด แต่พอได้อ่านหนังสือพิมพ์ลงข่าวเรื่องนักเรียนดีเด่นคนหนึ่งได้ลุกขึ้นวิพากษ์คำขวัญนายกแล้วก็ให้รู้สึกว่า เรานี่คิดน้อยกว่าเด็กอีก(อาจฉลาดน้อยกว่าด้วย)

            นางสาวพัชรา แก่นพ่วง นักเรียนดีเด่นจากโรงเรียนลิไทพิทยาคม จังหวัดสุโขทัย ได้ลุกขึ้นพูดในที่ประชุมว่า "คำขวัญวันเด็กปีนี้ที่บอกว่า อยากฉลาดต้องขยันอ่านขยันคิดนั้น เมื่อเราคิดเป็นแล้ว เป็นคนฉลาดแล้ว ต้องมีธรรมะในจิตใจและจะทำให้จิตใจสะอาดและบริสุทธิ์ และจะทำให้ฉลาดอย่างบริสุทธิ์ หลายคนที่ฉลาดแต่ไม่มีธรรมะ จะนำความรู้ไปกดดันหรือใช้กับคนที่มีความรู้อ่อนกว่าเขา ดังนั้นอยากให้คนฉลาดจะต้องมีธรรมะและศีลธรรม ถึงจะเรียกว่าเป็นคนฉลาดอย่างแท้จริง"

            ฟังแล้วอึ้งไหมครับ คนฉลาดที่แท้จริง ควรนำความฉลาดของตนเองไปช่วยพัฒนาบ้านเมือง ช่วยคนที่ฉลาดน้อยกว่า อ่อนด้อยกว่า ไม่ใช่เอาความฉลาดไปใช้กอบโกยทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่ตนเอง สรางสภาวะรวยกระจุก จนกระจาย ก่อความเหลื่อมล้ำให้สังคม