<table border="0" cellspacing="0" cellpadding="3" width="100%" style="border: #f1eeda 5px dashed" bordercolor="#f3e3b1"><tbody><tr><td width="85%" valign="top" style="padding: 25px" bgcolor="#ffffff"><p> </p>
"..เมื่อนักร้องจะร้องเพลงเพลงใดก็ตาม จะต้องตีความเพลงๆนั้นออกมาให้ได้ ว่าต้องการสื่ออะไร จากนั้นสร้างความรู้สึกดังกล่าวให้เกิดขึ้นจริงๆจากข้างใน เพื่อให้แอ็คติ้งและเสียงร้อง สามารถเปล่งอารมณ์นั้นออกมาให้ผู้ฟังรับรู้และรู้สึกได้จริงๆ.. และเชื่อในสิ่งที่นักร้องกำลังร้องออกมา.."
4. แอ็คติ้งอย่างไรถึงจะเกิดความชัด ?
ครูแอ็คติ้งมักบอกนักล่าฝันว่า เมื่อแสดงแอ็คติ้ง อารมณ์ที่ออกมาจะต้องออกมาจาก "Inner" นั่นคือ ออกมาจากความรู้สึกจริงๆ ลึกๆข้างใน
เมื่อนักร้องจะร้องเพลงเพลงใดก็ตาม จะต้องตีความเพลงๆนั้นออกมาให้ได้ ว่าต้องการสื่ออะไร จากนั้นสร้างความรู้สึกดังกล่าวให้เกิดขึ้นจริงๆจากข้างใน เพื่อให้แอ็คติ้งและเสียงร้อง สามารถเปล่งอารมณ์นั้นออกมาให้ผู้ฟังรับรู้และรู้สึกได้จริงๆ.. และเชื่อในสิ่งที่นักร้องกำลังร้องออกมา
เพลงแต่ละเพลง.. แม้เพลงเดียวกัน แต่คนร้องแต่ละคน อาจจะตีความต่างกันก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ให้ร้องออกมาด้วยอารมณ์ที่ตนเองตีความเพลงนั้น
อย่างเช่นเพลงๆหนึ่ง นักร้องคนหนึ่งอาจจะตีความว่า เป็นเพลงที่ร้องปลอบใจตนเอง ขณะที่อีกคนอาจจะตีความว่าร้องปลอบโยนเป็นกำลังใจให้คนอื่น ดังนั้นในเพลงๆเดียวกัน คนฟังอาจจะรับรู้ถึงความรู้สึกที่ต่างกันได้
คลับคล้ายกับการเขียนนิยาย นักเขียนต้องตีความอารมณ์ของตัวละคร หรือบรรยากาศในเนื้อเรื่องขณะนั้นให้แตก เป็นการเข้าถึงตัวละคร หรือเข้าถึงบรรยากาศในเนื้อเรื่องนั้นให้ได้ เมื่อใดก็ตามที่ผู้เขียนบังเกิดความรู้สึกขึ้นตามนั้น เข้าใจในอารมณ์และความรู้สึกของตัวละครในขณะนั้น นั่นคือการเข้าถึง "Inner" แล้วก็ให้เอาสิ่งที่อยู่ในนั้นออกมา ...เปล่งออกมา สื่อให้ถึงผู้อ่าน
เมื่อเข้าถึง Inner แล้วเอาอารมณ์ความรู้สึกออกมาจากตรงนั้นได้ ต่อไปก็คือการใช้พรสวรรค์ที่ตนเองมี หรือความสามารถที่ฝึกฝนมา กลั่นกรองเป็นสำนวนภาษาที่สละสลวยและชัดเจน บรรยายสื่อสิ่งต่างๆเหล่านั้นให้ผู้อ่านได้รับรู้ และ "In" ร่วมกัน เหมือนกับที่นักร้องใช้เสียงขับร้องเอาอารมณ์เพลงนั้นๆออกมา ให้คนฟังเคลิบเคลิ้มคล้อยตาม
5. แอ็คติ้งต้องเหมาะสมกับเพลง จึงจะตรึงอารมณ์ของคนฟังให้คล้อยตาม
เมื่อนักล่าฝันออกมาร้องเพลงบนเวทีคอนเสิร์ท ก็จะมี "commentator" คอมเม้นต์การร้องของนักล่าฝันแต่ละคน
มีหลายครั้งที่ commentator คอมเม้นต์ว่าเพลงนี้นักล่าฝันเคลื่อนไหวมากไป ถ้าหากอยู่นิ่งๆ เปล่งพลังเสียงร้องให้เต็มที่ ก็จะตรึงคนฟังทั้ง Hall ได้ดีกว่า
จะเห็นได้ว่า เพลงเศร้า..ช้าๆ..ผู้ขับร้องอาจจะต้องยืนอยู่นิ่งๆ แล้วแสดงอารมณ์ออกมาทางเสียง สีหน้าและมือไม้ที่วาดท่าประกอบ ในขณะเพลงเร็วสนุกสนาน ก็ต้องใช้การเต้น การหยอกล้อกับผู้ฟัง เพื่อบิวท์อารมณ์ทุกๆคนให้สนุกร่วมไปกับเพลง
เช่นเดียวกับการเขียนนิยาย สำนวนภาษาที่ใช้ในการบรรยาย ก็ควรเหมาะสมกับนิยายแนวนั้นๆด้วย เช่น แนวรักโรแมนติคก็ใช้ภาษาหวานๆสละสลวย แนวรักกุ๊กกิ๊ก ก็อาจจะใช้ภาษาวัยรุ่น โปกฮาสนุกสนาน แนวเศร้ารันทดก็ใช้ภาษาซึ้งๆ แฝงความคมคายและกินใจ แนวแฟนตาซีเจ้าหญิงเจ้าชาย ก็อาจจะใช้ภาษาที่มันอลังการอ่านแล้วเข้าถึงบรรยากาศเป็นต้น
แต่หากเอาภาษากุ๊กกิ๊กเฮฮา มาใช้เขียนในนิยายเศร้ารันทด ก็คงเหมือนยิ้มแย้มไปเต้นไป พลางร้องเพลงเศร้า .. คนอ่านหรือคนฟัง ย่อมไม่เชื่อ หรือเข้าถึงนิยายหรือบทเพลง ที่กำลังสื่ออยู่ ดีไม่ดี.. เรื่องเศร้าอาจจะกลายเป็นเรื่องตลก หรือแนวเสียดสีประชดประชันไปก็ได้
6. Need to express
ก่อนอื่นขอออกตัวว่า ไม่แน่ใจว่า ใช่หมายถึง express คำนี้ไหม
แต่ชอบบทเรียนเรื่องการสร้าง "Need to express" มากๆ
คำๆนี้ครูรักษ์ (ครูแอ็คติ้งในรายการ AF ท่านหนึ่ง) ได้ยกมาสอนต่อนักล่าฝันในคลาสของวันหนึ่ง
Need to express เท่าที่ฟังครูรักษ์สอน ตนเองพอสรุปได้ว่า หมายถึงการส่งสาร (คำพูด คำร้อง) นั้นๆ โดยการกำหนดเป้าหมายในมโนสำนึกให้เกิดขึ้นในความความรู้สึกของเรา ตามสารที่เรากำลังสื่อออกไป
ฟังความหมายแล้วอาจจะงงๆ ขอยกตัวอย่างดีกว่าสมมุติเช่น... เราจะร้องเพลง "ค่าน้ำนม" ในวันแม่ เพื่อให้คนฟังได้ซาบซึ้ง ในใจของเราต้องนึกถึงแม่ นึกถึงพระคุณของแม่ และรู้สึกซาบซึ้งในค่าน้ำนมของแม่ เมื่อใจเรานึกถึงแม่ แล้วก็อยากจะร้องเพลงๆนี้ให้แม่ได้ยิน เสียงที่เปล่งออก.. เนื้อร้องแต่ละคำที่เปล่งออกไป จะแฝงพลังอันยิ่งใหญ่และชัดเจน ที่คนฟังเชื่อและสัมผัสได้ว่าเรารักและตื้นตันต่อแม่แค่ไหน ... สิ่งนี้เรียกว่า Need to express
หรือจะร้องเพลงที่มีเนื้อหาถึงการสำนึกผิด ถ้าหากเราพยายามนึกถึงคนที่เราเคยทำผิดต่อเขาโดยไม่ตั้งใจ และรู้สึกผิดต่อคนๆนั้น อยากจะใช้เพลงๆนี้ ส่งไปขอโทษกับคนๆนั้น อยากจะให้คนๆนั้นยกโทษให้เรา เรานึกถึงเขาในใจ โดยที่เขาไม่ได้นั่งฟังอยู่ตรงหน้า แต่สร้าง "Need" ขึ้นมา ว่าอยากส่งคำพูดเหล่านี้ ไปขอโทษเขา ..... สิ่งนี้เรียกว่า Need to express
การสื่อสาร โดยการทำให้มี Need to express ร่วมอยู่ด้วย จะทำให้สารที่เราจะสื่อออกไปนั้นเกิดพลังในการที่จะสื่อสารนั้นๆถึงผู้ฟัง และผู้ฟังจะเข้าถึงสาร หรือรับสารนั้นได้ดียิ่งขึ้น
ในการเขียนนิยาย ถ้าหากเรามี Need to express ก็จะทำให้นิยายที่เราเขียนออกมา มีพลังที่จะเข้าถึงคนอ่านได้ดียิ่งขึ้นเช่นกัน
แล้ว Need to express ในการเขียนนิยายเป็นอย่างไร อันนี้เข้าใจตามความคิดของตนเอง ท่านใดอ่านถึงตรงนี้อาจจะมีความคิดเห็นอย่างอื่น ก็อยากจะขอเชิญเล่ามาแลกเปลี่ยนกันฟังก็ดี
Need to express สำหรับตนเอง ได้แก่การสร้างตัวละครในนิยาย โดยดึงเอาหน้าตา บุคลิก นิสัยใจคอมาจากคนใกล้ตัว หรือคนที่เรารู้จัก การทำเช่นนี้ จะทำให้เราเกิดมโนภาพต่อตัวละครที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้ง่ายต่อการเขียนและการบรรยายมากขึ้น แล้วเมื่อเรามองเห็นตัวละครชัด เหมือนกับเป็นคนที่มาอยู่ตรงหน้าเราจริงๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวละครนั้นๆ เราก็จะสัมผัสและเข้าถึงตัวละครได้ง่ายและชัดเจน เมื่อเรามีความรู้สึกที่ชัดเจน ก็เหมือนสัมผัสเข้าถึง "Inner" เราก็จะสามารถสะท้อนสิ่งทีอยู่ใน Inner นั้นออกมาได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
นอกจากการสร้างตัวละครแล้ว การสร้างอารมณ์หรือบรรยากาศในนิยาย โดยเอามาจากประสบการณ์จริงๆ หรืออารมณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงๆของเราก็ทำได้เช่นกัน อย่างเช่น ถ้าเราเคยสูญเสียสิ่งที่อันเป็นที่รักมาก่อน เราจะเข้าใจถึงความรู้สึกเจ็บปวด เศร้าเสียใจที่เกิดขึ้นได้ แล้วเมื่อเราต้องเขียนถึงฉากเศร้าของการสูญเสีย ก็ให้นึกถึงความรู้สึกที่เราเคยได้รับในตอนนั้น บรรยายออกมาเป็นตัวอักษรถ่ายทอดสู่ในนิยายของเรา ก็จะทำให้งานที่เรามีพลังขึ้นมามากมาย อันเนื่องมาจาก Need to express ที่ผู้เขียนแทรกไว้นั่นเอง
........................................
หมายเหตุ
ขอจบบทความนี้ไว้แค่นี้ก่อนนะ ไว้นึกอะไรเพิ่มเติมได้ ค่อยมาเขียนต่อ
บทความทั้งหมดเขียนขึ้นสดๆ และเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนคนเดียวทั้งหมด หากมีความผิดพลาดประการใด ก็ต้องขออภัยด้วย และหากผู้อ่านมีความเห็นที่แตกต่างหรือเพิ่มเติม อยากร่วมนำเสนอ ก็ขอเชิญมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้เต็มที่ค่ะ
^___^
</font></td></tr></tbody></table>