ขอร่วมด้วยครับ


ร่วมด้วย
วิถีแห่งการเรียนรู้ที่มุ่งสู่นวัติกรรม                                                                                                                        ธนากฤช  ครุเจนธรรม                จากที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ผมมีแนวคิดที่ตรงกับผู้เขียน และบอกว่ามันไช่เลย  ตรงอย่างที่ผู้เขียนพูด ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีมานานแล้วแต่คนไทยไม่ค่อยนิยมพูดกัน เพราะ บรรยากาศ ในการสร้างนวัติกรรมไม่มีเอาเสียเลย แต่สำหรับผมแล้วไมได้คิดแบบนั้นบรรยากาศไม่มี เราก็สร้างเองได้ ถ้าเราเข้าใจตนเอง เข้าใจว่าสิ่งที่ตนทำนั้นคืออะไร ทำเพื่ออะไร แล้วจะไปตอบคำถามสุดท้ายว่าเกิดมาทำไม ท่านละตอบคำถามได้หรือไม่ว่า ว่าเกิดมาทำไมเอ่ย..

                นวัติกรรมเป็นสิ่งที่ได้จากแนวคิดลงสู่การปฏิบัติจริงและนำผลการเรียนรู้ที่ได้ไม่ว่าจะเป็น การเรียนรู้เชิงประจักษ์ หรือการเรียนรู้ไปด้วยทำไปด้วยก็ดี  นำไปสู่ผลลัพธ์ใหม่ๆ ไม่ดีหรือกำลังอยู่ในช่วงพัฒนาก็พัฒนาต่อไป ก็เรียกได้ว่าเข้าสู่วิถีของการสร้างนวัตกรรมแล้ว  นวัติกรรมไม่ได้หมายถึงสิ่งประดิษฐ์แปลกใหม่ๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่นวัตกรรมหมายถึงสิ่งที่เป็นพฤติกรรมของมนุษย์อีกด้วย ดังนั้นนวัตกรรมจึงเป็นวัฒนธรรมขององค์กรไปโดยปริยายไม่สามารถแบ่งแยกออกมาได้ ถ้าต้องการดูว่านวัตกรรมมีแนวโน้มจะเป็นอย่างไรในอนาคตก็ให้ดูที่พฤติกรรมของคนในองค์กร ดูสิว่าพวกเขามีแรงบันดาลใจมากแค่ไหน

( Inspiration )

                อย่าได้ถามเลยว่านวัตกรรมคืออะไร  ให้ท่านอ่านย่อหน้าที่ 2  ท่านจะพบความหมายนะครับ  ผมรู้ว่าท่านต้องสงสัย นวัตกรรมจะเกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืนและพอเพียง นั้น ต้องเริ่มที่  ใจ ครับ ว่าแต่ละคนมีแรงบันดาลใจมากน้อยแค่ไหนในการทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กรณ์ และจะสุดยอดกว่านั้นถ้าทำให้เป้าหมายขององค์กรหลอมรวมเป็นเป้าหมายเดียวกับชีวิตได้ละก็ เป็นสุดยอดแห่งคัมภียร์นวัตกรรมละครับท่าน  ถ้าใจพร้อมอะไรก็เสร็จครับ  ผมเห็นด้วยกับจุดนี้  และผมก็ประสบกับเหตุการณืในชิวิตจริงเป็นจำนวนไม่รู้จะกี่ครั้ง ที่ไม่ได้รับความร่วมมือจากครูด้วยกัน ไม่อยากจะนับ  (เยอะ) แต่ก็ต้องหาทางต่อไป สู้ๆ สู้ตาย ก็แค่นั้น ชีวิตเกิดมาครั้งหนึ่ง ขอสู้เพื่อมวลมนุษยชาติ ทำดีเพื่อให้นายหลวง สร้างนักเรียนที่มีคุณภาพ  พัฒนาชีวิตให้มีความมั่งคั่ง  และสร้างประโยชน์อะไรก็ได้ให้กับสังคม ทำให้มากที่สุดที่จะทำได้ ตามแต่ศักยภาพที่ตนเองมีและจะพยายามค้นพบตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ   เป็นการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์  ( Paradigm ) ตนเอง ขอย้ำว่าต้องปลี่ยนบ่อยๆ โดยเฉพาะในยุคนี้ที่เปลี่ยนแปลง

ใครจะไปใครจะมา  แต่ไม่ใช้ปรับจนไม่มีจุดยืนของตนเอง แต่หากพบว่ากรอบความคิดหรือแนวคิดที่เราปฏิบัติอยู่นั้นใช้ไม่ได้ผล ผมก็ว่าอย่าในดีกว่าหาวิธีคิดใหม่แนวทางใหม่ลองทำใหม่  ลองผสมผสานสร้างเกลียวความรู้ (  Knowledge Spiral )  ให้มากๆ

แล้วไอเดียเจ๋งๆ จะบังเกิดแก่คนธรรมดาๆ ธรรมดาอย่างเรา ผมว่าต้องมีสักวัน ต้องมีสักวัน....

                นวัติกรรมจะเกิดไม่ได้หากใจไม่พร้อม หากเรียนรู้ไม่เป็น   ไม่รู้จักตนเอง  ความกลัวต่างๆ  นี่จึงเป็นเหตุผลที่นวัตกรรมที่เกิดจากคนไทยไม่ค่อยจะมี เพราะการศึกษาไม่ได้ส่งเสริมให้นักเรียนเรียนรู้ขั้นพื้นฐานที่จำเป็น หรือสอนให้ผู้เรียนเรียนรู้วิธีเรียนที่ถูกต้อง ( learn how to learn ) การสร้างนวัติกรรม  ( Innovation ) ไม่ได้เป็นเรื่องยากแต่อยู่ที่การยอมรับตนเองและพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่ตนเป็น  การพัฒนาตนเองให้รู้จักเรียนรู้มีหลายวิธีได้แก่  การเล่าเรื่องทรงพลัง  เรื่องที่เราสำเร็จให้คนอื่นฟัง ( Storytelling ) หรือการสำนึกผิด ( HanSai )  คือการย้อนดูจิตตน ให้ตนมีสิตอยู่เสมอนี่ละสุดยอดแห่งบ่อเกิดนวัติกรรม

คนขาดสติคือพวกที่ขี้กลัวโน่นกลัวนี่   ทำอะไรไม่ถูกเยอะไปหมด ( ก็ทำสิพี่จะได้รู้ว่ามีอะไรที่ไม่ได้ทำ )  มัวแต่บ่น กล่าวโทษ แก้ตัวไปซะเรื่อย ทำให้นวัติกรรมไม่เกิดขึ้น ไม่มีการจัดบริหารองค์ความรู้ ( Knowledge Management : KM ) ตอนนี้มาแรงมากหากผู้ใดเข้าใจถ่องแท้อยู่ในวิถีของการปฏิบัติอยู่แล้วก็จะเข้าใจได้โดยง่าย หากท่านไม่เข้าแสดงว่าท่านยังเรียนรู้ไม่เป็น  ท่านต้องฝึกอย่างแรกที่ต้องฝึกคือการฝึก EQ พัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ของตนเองว่าสามารถทนแรงกดดันได้แค่ไหน  ผมก็พยามฝึกอยู่ครับเอาให้แบบเย็นยะเยือกเลย อดทนไว้ครับ แล้วคนที่ปฏิบัติพฤติกรรมขยะกับเราเขาจะมองว่า เราทนเขาได้อย่างไร(จริงไหม? )

                การทำ KM บ่อย ๆ  คนในองค์กรณ์ร่วมมือกันทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยมีการร่วมมือร่วมใจปฏิบัติกันอย่างเต็มที่ จะนำไปสู่ LO องค์กรณ์แห่งการเรียนรู้ ซึ่งจะเป็นการสร้างพฤติกรรมที่ดี และกำจัดพฤติกรรมขยะอออกไปทีละอย่าง สองอย่าง จนหมดเกลี้ยง  ที่นี่ละวัฒนกรรมที่ดีงามจะเกิดขึ้น บรรยากาศในการสร้างนวัตกรรมจะเกิดขึ้นเอง ( ไม่ต้องรอผู้บริหาร )  ลุยๆ  เลย

ถ้าคิดว่าทำแล้วเพื่อชาติ ทำเลยครับผมคิดอย่างนั้นเลยละ  และนวัติกรรมที่จะเกิดตามมา จะเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็คาดไม่ถึง ว่าฉันคนนี้นี้เหรอที่ทำนวัติกรรมได้  ท่านลองพิจารณานวัติกรรมของนายหลวง  ในหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นี่ละครับจะทำให้นวัติกรรมที่เกิดขึ้นเป็นการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข โดยไม่ทำให้ใครเดือนร้อน  อยู่อย่างพอเพียง และยั่งยืน                                                                                                                                                  (เขียน 13/08/2550)                                                                                                                                                            
เขียนใน GotoKnow โดย 
 ใน pit
หมายเลขบันทึก: 122250เขียนเมื่อ 26 สิงหาคม 2007 23:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท