นวัติกรรมเป็นสิ่งที่ได้จากแนวคิดลงสู่การปฏิบัติจริงและนำผลการเรียนรู้ที่ได้ไม่ว่าจะเป็น การเรียนรู้เชิงประจักษ์ หรือการเรียนรู้ไปด้วยทำไปด้วยก็ดี นำไปสู่ผลลัพธ์ใหม่ๆ ไม่ดีหรือกำลังอยู่ในช่วงพัฒนาก็พัฒนาต่อไป ก็เรียกได้ว่าเข้าสู่วิถีของการสร้างนวัตกรรมแล้ว นวัติกรรมไม่ได้หมายถึงสิ่งประดิษฐ์แปลกใหม่ๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่นวัตกรรมหมายถึงสิ่งที่เป็นพฤติกรรมของมนุษย์อีกด้วย ดังนั้นนวัตกรรมจึงเป็นวัฒนธรรมขององค์กรไปโดยปริยายไม่สามารถแบ่งแยกออกมาได้ ถ้าต้องการดูว่านวัตกรรมมีแนวโน้มจะเป็นอย่างไรในอนาคตก็ให้ดูที่พฤติกรรมของคนในองค์กร ดูสิว่าพวกเขามีแรงบันดาลใจมากแค่ไหน
( Inspiration )
อย่าได้ถามเลยว่านวัตกรรมคืออะไร ให้ท่านอ่านย่อหน้าที่ 2 ท่านจะพบความหมายนะครับ ผมรู้ว่าท่านต้องสงสัย นวัตกรรมจะเกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืนและพอเพียง นั้น ต้องเริ่มที่ “ใจ” ครับ ว่าแต่ละคนมีแรงบันดาลใจมากน้อยแค่ไหนในการทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กรณ์ และจะสุดยอดกว่านั้นถ้าทำให้เป้าหมายขององค์กรหลอมรวมเป็นเป้าหมายเดียวกับชีวิตได้ละก็ เป็นสุดยอดแห่งคัมภียร์นวัตกรรมละครับท่าน ถ้าใจพร้อมอะไรก็เสร็จครับ ผมเห็นด้วยกับจุดนี้ และผมก็ประสบกับเหตุการณืในชิวิตจริงเป็นจำนวนไม่รู้จะกี่ครั้ง ที่ไม่ได้รับความร่วมมือจากครูด้วยกัน ไม่อยากจะนับ (เยอะ) แต่ก็ต้องหาทางต่อไป สู้ๆ สู้ตาย ก็แค่นั้น ชีวิตเกิดมาครั้งหนึ่ง ขอสู้เพื่อมวลมนุษยชาติ ทำดีเพื่อให้นายหลวง สร้างนักเรียนที่มีคุณภาพ พัฒนาชีวิตให้มีความมั่งคั่ง และสร้างประโยชน์อะไรก็ได้ให้กับสังคม ทำให้มากที่สุดที่จะทำได้ ตามแต่ศักยภาพที่ตนเองมีและจะพยายามค้นพบตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ ( Paradigm ) ตนเอง ขอย้ำว่าต้องปลี่ยนบ่อยๆ โดยเฉพาะในยุคนี้ที่เปลี่ยนแปลง
ใครจะไปใครจะมา แต่ไม่ใช้ปรับจนไม่มีจุดยืนของตนเอง แต่หากพบว่ากรอบความคิดหรือแนวคิดที่เราปฏิบัติอยู่นั้นใช้ไม่ได้ผล ผมก็ว่าอย่าในดีกว่าหาวิธีคิดใหม่แนวทางใหม่ลองทำใหม่ ลองผสมผสานสร้างเกลียวความรู้ ( Knowledge Spiral ) ให้มากๆ
แล้วไอเดียเจ๋งๆ จะบังเกิดแก่คนธรรมดาๆ ธรรมดาอย่างเรา ผมว่าต้องมีสักวัน ต้องมีสักวัน....
นวัติกรรมจะเกิดไม่ได้หากใจไม่พร้อม หากเรียนรู้ไม่เป็น ไม่รู้จักตนเอง ความกลัวต่างๆ นี่จึงเป็นเหตุผลที่นวัตกรรมที่เกิดจากคนไทยไม่ค่อยจะมี เพราะการศึกษาไม่ได้ส่งเสริมให้นักเรียนเรียนรู้ขั้นพื้นฐานที่จำเป็น หรือสอนให้ผู้เรียนเรียนรู้วิธีเรียนที่ถูกต้อง ( learn how to learn ) การสร้างนวัติกรรม ( Innovation ) ไม่ได้เป็นเรื่องยากแต่อยู่ที่การยอมรับตนเองและพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่ตนเป็น การพัฒนาตนเองให้รู้จักเรียนรู้มีหลายวิธีได้แก่ การเล่าเรื่องทรงพลัง เรื่องที่เราสำเร็จให้คนอื่นฟัง ( Storytelling ) หรือการสำนึกผิด ( HanSai ) คือการย้อนดูจิตตน ให้ตนมีสิตอยู่เสมอนี่ละสุดยอดแห่งบ่อเกิดนวัติกรรม
คนขาดสติคือพวกที่ขี้กลัวโน่นกลัวนี่ ทำอะไรไม่ถูกเยอะไปหมด ( ก็ทำสิพี่จะได้รู้ว่ามีอะไรที่ไม่ได้ทำ ) มัวแต่บ่น กล่าวโทษ แก้ตัวไปซะเรื่อย ทำให้นวัติกรรมไม่เกิดขึ้น ไม่มีการจัดบริหารองค์ความรู้ ( Knowledge Management : KM ) ตอนนี้มาแรงมากหากผู้ใดเข้าใจถ่องแท้อยู่ในวิถีของการปฏิบัติอยู่แล้วก็จะเข้าใจได้โดยง่าย หากท่านไม่เข้าแสดงว่าท่านยังเรียนรู้ไม่เป็น ท่านต้องฝึกอย่างแรกที่ต้องฝึกคือการฝึก EQ พัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ของตนเองว่าสามารถทนแรงกดดันได้แค่ไหน ผมก็พยามฝึกอยู่ครับเอาให้แบบเย็นยะเยือกเลย อดทนไว้ครับ แล้วคนที่ปฏิบัติพฤติกรรมขยะกับเราเขาจะมองว่า เราทนเขาได้อย่างไร(จริงไหม? )
การทำ KM บ่อย ๆ คนในองค์กรณ์ร่วมมือกันทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยมีการร่วมมือร่วมใจปฏิบัติกันอย่างเต็มที่ จะนำไปสู่ LO องค์กรณ์แห่งการเรียนรู้ ซึ่งจะเป็นการสร้างพฤติกรรมที่ดี และกำจัดพฤติกรรมขยะอออกไปทีละอย่าง สองอย่าง จนหมดเกลี้ยง ที่นี่ละวัฒนกรรมที่ดีงามจะเกิดขึ้น บรรยากาศในการสร้างนวัตกรรมจะเกิดขึ้นเอง ( ไม่ต้องรอผู้บริหาร ) ลุยๆ เลย
ถ้าคิดว่าทำแล้วเพื่อชาติ ทำเลยครับผมคิดอย่างนั้นเลยละ และนวัติกรรมที่จะเกิดตามมา จะเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็คาดไม่ถึง ว่าฉันคนนี้นี้เหรอที่ทำนวัติกรรมได้ ท่านลองพิจารณานวัติกรรมของนายหลวง ในหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นี่ละครับจะทำให้นวัติกรรมที่เกิดขึ้นเป็นการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข โดยไม่ทำให้ใครเดือนร้อน อยู่อย่างพอเพียง และยั่งยืน (เขียน 13/08/2550)ไม่มีความเห็น