อ่านพบในงานเขียนของท่านเขมานันทะ คิดว่าสอดคล้องกับงานที่ผมเคยเขียนไว้เรื่อง ภาษาของความคิด
http://gotoknow.org/blog/phd-life/55788
จึงคัดลอกมาเก็บไว้กันลืมครับ
จาก "ปรีชาญาณของผู้ไม่รู้หนังสือ (หลวงพ่อเทียนที่ข้าพเจ้ารู้จัก)" โดยเขมานันทะ สำนักพิมพ์อมรินทร์ 2550
"ประดิษฐกรรมซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงที่สุดในปัจจุบันนี้เท่าที่มนุษย์เคยประดิษฐ์คิดใช้ ไม่ใช่อะตอมมิกบอมบ์ ไม่ใช่อะไร สิ่งนั้นคือภาษา ภาษานี่ทำให้คนร้องไห้ก็ได้ หัวเราะก็ได้ เจ็บปวดทรมานอย่างไรก็ได้ และไม่เพียงภาษาพูดกันตามธรรมดาเท่านั้น แต่รวมถึงภาษาที่คิดอยู่ข้างในด้วย กล่าวง่ายๆ เช่นนี้ว่า คนที่เดินอยู่ในถนนนั้นไม่เดินเปล่า หากแต่คิดอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้ไม่เห็นกับอาการคิดนั้นๆ ส่วนใหญ่ถูกล้อมจับอยู่ภายใต้ภพของความคิด..."
ท่านอาจารย์เขมานันทะ ช่วยขยายความจากเรื่องที่ผมเข้าใจว่า ความคิดถูกจำกัดด้วยกรงขังทางภาษา ให้ลึกซึ้งชัดเจนยิ่งขึ้นเชื่อมโยงมาถึงการเจริญสติ เพราะการมีสติคือขั้นที่สูงกว่า "การรู้เรื่องที่ตัวเองคิด" (อันนี้ต้องใช้ภาษา) แต่การมีสติคือ "การรู้ว่าตัวเองกำลังคิด" (อันนี้ไม่ต้องใช้ภาษา)
การรู้ว่าตัวเองกำลังคิด คือสติ น่ะถูกครับ แต่ไม่ใช่สติตัวที่ท่านเขมาฯหมายความ
การรู้ว่าตัวเองกำลังคิด ก็ยังอยู่ในขอบวงของความคิดอยู่นั่นเอง ไม่ใช้ีภาษาก็จริง แต่เป็นการซ้อนทับของชั้นความคิดที่ละเอียดขึ้นไปอีก
ปัญหาคือ ภาษาผุดขึ้นมาจากสภาวะอะไร และก่อนเกิดความคิดที่จะแปรเป็นภาษาคือสภาวะอะไร
ทำอย่างไรจึงจะสัมผัสสภาวะก่อนความคิดเกิดได้ โดยไม่ได้สูญเสียความคิดไป
อัศจรรย์แห่งชีวิตอยู่ที่นั่น