เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ผมให้สัมภาษณ์ กับนิสิตปริญญาเอก สาวคนหนึ่งจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เกี่ยวกับเรื่อง แนวทางการนำ ไอซีทีมาใช้ในงานห้องสมุด
ความจริงแล้วต้องบอกว่า ค่อนข้างจะคุ้นเคยกับนิสิตคนนี้เป็นอย่างดี เพราะไม่ใช่ใครอื่น เดิม เธอเคยทำงานเป็นหัวหน้าฝ่าย วิเคราะห์และพัฒนาห้องสมุด โดย บุคลากรห้องสมุดในฝ่ายนี้สองคน ไปเรียนต่อปริญญาเอก ทางด้านสารสนเทศศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น [ข้อมูลเพิ่มเติม] คนแรกคือพรนภา ส่วนคนที่สองคือ ปุ๊ก ศศิธร ซึ่ง ทั้งสองคนเคยทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์และพัฒนา เคยดูและระบบห้องสมุดมาก่อน และก็ไปเรียน ปริญญาเอกที่เดียวกัน
ซึ่งการที่ปุ๊ก มาสัมภาษณ์ขอข้อมูลผมนั้นก็ได้ประโยชน์กันทั้สองฝ่าย คือปุ๊กได้ข้อมูลประกอบการวิจัย การเรียน ส่วนผมก็ได้ทบทวน และกระตุกความคิกจากคำถามของปุ๊ก ว่าที่ห้องสมุด มหาวิทยาลัยนเรศวร มีการวางแผนยุทธศาสตร์ในการนำไอซีทีมาใช้ในห้องสมุดอย่างไร
ซึ่งจากคำถามนี้นี่เองทำให้ผมต้องฝาก ชัยพร ไปคุยกับเกดิษฐ ว่า ปีหน้าเราหน้าจะให้ฝ่ายเทคโนโลยีห้องสมุดเป็นเจ้าภาพในการทำแผนยุทธศาสตร์ของห้องสมุดกัน
แต่การทำแผนไม่ใช่การทำเฉพาะฝ่ายเทคโนฯ เท่านั้นนะ แต่เราจะทำในภาพรวมของทั้งห้องสมุด ซึ่งผมว่าน่าจะสอดคล้องกับเรื่องที่ผมจะไปสัมมนา วันที่ 28-29 สิงหาคมนี้ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่ง ผอ.มอบหมายให้ผมไปทาบทามเรียนเชิญ รศ.ยืน ภู่วรวรรณ ซึ่งเป็นวิทยากรในงานนี้มา ช่วยเรา ซึ่งผมว่า รศ.ยืน เป็นคนที่ค่อนข้างมีวิสัยทัศน์ และมองอนาคตทางด้านไอซีทีได้อย่างน่าสนใจ
ซึ่งการทำแผนไอซีทีนั้น คนที่จะทำแผนเชิงรุกต้องมองไปข้างหน้า รู้ตัวเรา รู้บริบทและวัฒนธรรมขององค์กรเราเป็นอย่างดี และต้องสวมบทบาทเป็นนกอินทรี มองมุมสูงขององค์กรพอสมควร และก็ต้องสวมบทบาทความเป็นกระทิง ในการที่จะลุยนำพาเทคโนโลยีที่เหมาะสม ย้ำว่าต้องเหมาะสม มาใช้ในองค์กรของเรา
และต้องมาจากหลากหลายความคิด ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ ผู้ให้บริการ ผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ผู้บริหาร ผู้ขายสินค้า และผู้มีประสบการณ์มาช่วยกันวางแผนอย่างมีทิศทาง ในการนำไอซีทีมาใช้ในงานห้องสมุดอย่างเหมาะสม
อย่างปีนี้ เราเริ่ม มีการใช้ระบบป้องกันหนังสือหาย ทั้งๆ ที่ที่ห้องสมุดอื่น เค้ามีกันจนเป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้ว และปีนี้อีกเช่นกัน ที่เราจะมีเครื่องยืม ด้วยตนเอง ไม่ใช่ยืม-คืน นะครับ ยืมอย่างเดียว มาให้บริการกับผู้ใช้บริการ
ซึ่งผมว่าถ้าเทคโนโลยีบางอย่างสามารถมาทดแทนคน แต่ไม่ได้หมายความว่ามาทำแทนคนนะ แต่หมายความว่า นำมาใช้ในสิ่งที่มนุษย์น่าจะไปทำเรื่องอื่นได้ดีกว่า แล้วให้เจ้าเครื่องกล ทำหน้าที่แทนในภาระกิจนี้ เราก็จะได้คนไปคิดไปทำในเรื่องอื่นๆ เช่น เรื่องการส่งเสริมบริการ เป็นต้น
ดังนั้นผมว่า ถ้าเราวางแผนยุทธศาสตร์ด้านไอซีทีของห้องสมุดได้สำเร็จ และสร้าง KPI เพื่อเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ เราก็น่าจะได้มีทิศทางสำหรับการดำเนินงานทางด้านไอซีทีห้องสมุดดีขึ้น
ต้องขอขอบคุณปุ๊ก ที่มาสัมภาษณ์เพื่อกระตุกต่อมความคิดนี้
22 สิงหาคม 2550
จากการเป็นผู้ชอบอ่านศึกษานวตกรรมด้านห้องสมุด ทำให้เกิดความเข้าใจว่า
ที่เรียกว่า ทรัพยากรสารสนเทศ ในห้องสมุดนั้น เมื่อก่อนปี คศ.2000 ในประเทศไทย
อาจจะมีหลากหลาย collections หลายรูปแบบ หรือที่เรียกกันภาษาง่ายๆว่า วัสดุตีพิมพ์
และวัสดุไม่ตีพิมพ์ ทุกวันนี้หลายๆห้องสมุด ยังเคลิ้ม หลงกับ ทรัพยากรเหล่านั้น เวลาจัดงบประมาณ ทีไร ก็ยัง มีงบประมาณสำหรับบริการวัสดุเหล่านี้เหมือนเดิม โลกของห้องสมุด ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นไป จะมี ทรัพยากรสารสนเทศ ในห้องสมุดมหาวิทยาลัย ประมาณ ว่า สัก 3 ประเภทได้ คือ
1.วัสดุสิ่งพิมพ์ หนังสือตำรา เท่าที่ยังมีผู้ต้องการใช้ หรือผลิตออกมา
2.วัสดุ Digital คือ แผ่น CD ที่บันทึกข้อมูลเหมือน หนังสือกระดาษนั่นเอง ที่เมื่อจะอ่าน
ต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นตัวอ่าน ซึ่งสามารถพิมพ์เป็นกระดาษออกมาได้ ดังนั้น
ภาระงานของ ห้องสมุด คือ ต้องจัดหามา/ซื้อมา/ผลิตออกมา ให้บริการการอ่านค้นคว้าเหมือนกับหนังสือกระดาษ
3.Digital Online ที่เก็บ files จากแผ่น CD ส่งมาทาง InterNETs ซึ่งในทุกวันนี้เราก็ ใช้กันแล้ว และการส่งข้อมูลนั้น ก็ส่งโดยคอมพิวเตอร์ สืบค้นและอ่านด้วยคอมพิวเตอร์ บริาัทผู้ผลิต ที่ส่งมาจากที่ไกลโพ้น หรือ ห้องสมุดจะส่งเอง ก็สุดแล้วแต่
เหล่านี้จะพบว่า ทรัพยากรสารสนเทศอื่นๆ รุปอื่นๆ แทบจะไม่มีผลิต จำหน่าย หรือ
หรือจัดหามาได้ บริการของห้องสมุด ก็จะมีทรัพยากรเหลือเพียงเท่านี้จริงๆ
และข้อที่น่าคิดอีกประการหนึ่ง ในอนาคตอันใกล้นี้ ถ้ามีการส่งผ่าน สืบค้น บริการ
ผ่านโทรศัพท์มือถือ ที่มีประสิทธิภาพ หรือ ระบบอินเตอรืเน็ต แบบ wireless จากโน้ตบุ้ค มีคุณภาพสูงยิ่งเรื่อยๆ การสืบค้นข้อมูล Encyclopedia, Dictionary, การข้อสืบค้น e-books ผ่าน Online สามารถทำได้แทบทุกหนทุกแห่ง ห้องสมุดแบบนี้จะมีการให้บริการ ที่มากขึ้นทุกหนทุกแห่ง ไม่จำเป็นต้องไปห้องสมุดก็ได้ ปัจจุบันเราก็ใช้โทรศัพท์มือถือ กันอย่างดีเยี่ยมแล้ว เช่น ถ้าไม่ขอโหลดเพลง เปลี่ยนมาเป็น ขอโหลดข้อความจากหนังสือได้ไหม หรือขอโหลด บทความจากสารานุกรมแทน ซึ่งทุกอย่างทำได้ดีพอสมควรในปัจจุบัน
หน้าที่ของห้องสมุดปัจจุบันและอนาคต จะต้องจัดทำ หรือ แปลงข้อมูล
จาก paper to digital มากขึ้นทุกที่ เพื่อจัดเก็บไว้ใน database ของห้องสมุด
ให้ผู้เป็นสมาชิกเข้ามาใช้งานบริการได้ น่าตื่นเต้นไหม?
ตัวอย่าง สิ่งที่กำลังมาแรง ให้เห็นในระบบการแสวงหาข้อมูล คือ การเรียกใช้ข้อมูล
จากสารานุกรม WIKIPEDIA ที่ค่อนข้างจะเริ่มมีอิทธิพลสูงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ข้อมูลอย่างอื่นๆ ทำไมจะทำไม่ได้ ข้อมูลจากดาวพระเสาร์อันไกลโพ้นสุด
ขอบสุริยะจักวาล ยังส่งกันมาได้ ทำไมกับโลกใบกระจึ๋งนี้ จะทำไม่ได้
โลกของห้องสมุด โลกทัศน์ของบรรณารักษ์ และ พัฒนาการของเทคโนโลยี
กำลัง บีบคั้นการทำงานของบรรณารักษ์ ให้มีประสิทธิภาพ เหนือและควบคุม ใช้
เทคโนโลยีให้มีคุณภาพสูงยิ่ง ทำให้ได้ หัวใจของการสืบค้น จะอยู่ที่ OPAC ที่มีคุณภาพ
มีประสิทธิภาพ มีรายละเอียดสมบูรณ์แบบ เหมือน e-learning , OPAC ที่จะต้องเชื่อมเข้าหา fulltexts ให้ได้ OPAC จะต้องมี Keywords ที่
ช่วยในการสืบค้นอย่างมากมายมหาศาล ไม่รู้จบ บริการของห้องสมุด ก็จะผงาดขึ้นมา
อย่างทรงคุณค่า ท่ามกลางกระแสโถมของ เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์
วันนี้ ข้อมูลข้างต้น ยังมาไม่สมบูรณ์ ยังมาไม่ถึง แต่มันกำลังมาอย่างท่วมท้น ทวีคูณ
ไม่ต้องรอนานนัก เราได้พบแน่ ตัวอย่าง จาก Amazon .com เมื่อต้องการสืบค้น ซื้อหนังสือ
เขาจะให้ดูรายละเอียดภายในได้ตั้ง 15 หน้า อ่านเล่นไปก่อน ยังทำได้ แล้วพวกชาวห้องสมุด
มหาวิทยาลัย ทำไมจะทำไม่ได้ งานบริการส่วนนี้ ไม่น่าจะแตกต่างกันมากนัก
หรือ การสั่งซื้อหนังสือ ทาง อินเตอร์ แบบส่งเป็นไฟลล์มา ผู้ซื้อไปพิมพ์เอาเอง
ก็มีแล้วทุกวันนี้ ถ้าห้องสมุดจะเดินไป ด้วยวิทยาการแบบนั้น ก็ไม่น่าจะทำไม่ได้
โลกเทคโนโลยีก้าวไปแล้ว ห้องสมุดหลายๆแห่งเดินหน้าไปแล้ว เรายังคงอยู่อย่างถาวร เหมือน
เดิมๆ เมื่อ 25 ปีก่อน ขอจบเท่านี้ก่อน โอกาสหน้าจะเขียนมาแลกเปลี่ยนกันใหม่
้
เรามีจุดหมาย เรามีทีมงาน เรามีพลัง
และถ้าเรามีงบประมาณ ต้องไปได้แน่เลย
แต่(เกี่ยวข้องไหมครับเนี้ย)
ชอบหัวข้อนี้มากๆ ชอบทุกความคิดเลย