ผมได้มีโอกาสไปร่วมการสัมมนาที่ มอ.กับ มร.อบ.ร่วมกันจัดเรื่อง ความเอกภาพและความหลากหลายลุ่มน้ำโขง ระหว่างวันที่ 8-12 ส.ค.2550 หลังจากร่วมสัมมนา วันที่ 10 พวกเราปลีกเวลาไปดูภาพเขียนที่ผาแต้ม
ระหว่างการเดินเท้าเข้าดู...มีคุณหมาเจ้าถิ่น ร่วมทางไปด้วย ไม่มีใครเขาพูดคุยกับมันเลย เพราะเห็นว่ามันเป็นหมา
แต่ตรงกันข้ามกับผมครับ...ผมเรียกมันร่วมทางไปด้วย (อันที่จริงมันคงตั้งใจไปอยู่แล้ว) ผมชวนทักทาย และแซวมันตลอดของการเดินทางเข้าไปที่ผาแต้ม...มันก็ได้แต่แลบลิ้น แล้วคงนึกว่า ผมคงบ๊องหรือปล่าวที่พูดกับมัน
สิ่งที่ได้ข้อคิดกับหมาตัวนี้
ผมเห็นส่วนดีของหมาตัวนี้ครับ...
แต่ก็แปลกเวลาคนเราโมโหหรือด่ากัน มักจะไปลงที่หมา เช่น ไอ้หมา พากันถือว่าเป็นคำหยาบ... หมานอกจากมันรักถิ่นแล้ว มันยังซื่อสัตย์ต่อผู้ให้น้ำ ให้ที่หลับที่นอน(ดูแล)แก่มัน
เป็นอันว่าบันทึกไปวัดพูครั้งแรกนี้ได้เรื่องหมาหมา มาให้อ่านครับ...หากมีการทำปริญญาเอกทางหมา คิดอยู่ว่าจะทำเรื่องหมา หมา สักกะหน่อยครับ..
จากลุงป๋น(พูดเรื่องหมา)
พูดกะหมาดีดี หมาไม่กัด
พูดกะคนดีแสนดีอย่างไร บางคนก็ยังกัด
บางครั้งจึงพูดกะหมาเสียดีกว่า :)
คนเราหากมีปัญญา ก็มีครูอยู่รอบตัว
มีหมาเป็นครูได้ ไม่แปลกอะไร ไม่ผิดกติกาที่ไหนด้วย
แต่บางคนอาจรับไม่ได้
ผมเองก็เคยมี มด จิ้งจก เป็นครูสอนธรรมมาแล้ว
สอนได้ลึกซึ้งจนต้องอายด้วย :)
ดังนั้น ลุงปั๋นคุยกะหมา จึงดีกว่าคุยกะสาวครับ (เพราะอาจทำให้ถึงตายได้) :)
ขอบคุณครับ
อาจารย์ศักราช