เมื่อวาน ผมได้มีโอกาส พา ผู้บริหาร บริษัท Sunfood (ทำสินค้าเกี่ยวกับไก่ครบวงจร รวมทั้ง ข้าวมันไก่โกซัน) ไปเยี่ยม ชุมชนเกษตรก้าวหน้า ที่ ตำบลซับสนุ่น อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี
ที่พาพวกเขาไป เพราะ อยาก จะหา ชุมชนเรียนรู้ที่ใกล้ๆ กับ โรงงานของพวก Sunfood (วังม่วง) ให้พวกผู้บริหารได้เห็น กระบวนการเรียนรู้ เห็น KM village จะได้ไม่ต้องไปไกล ถึง บุรีรัมย์ ระยอง สุพรรณ สมุทรสงคราม ฯลฯ
เราไปกันตอนเย็นมากแล้ว พี่ๆ ผู้ใหญ่บ้าน และ คณะ ก็ให้การต้อนรับอย่างดี ทั้งๆที่ กำลังวุ่นอยู่กับ การให้อาหารวัว
ผู้บริหาร ได้เห็น การต่อสู้ ของ นักศึกษา บัณฑิต เกษตรกรรม ที่ รัฐบาล ให้ที่ดินไว้ เมื่อ 20 ปีก่อน ( พศ 2530) เพื่อ แก้ปัญหาตกงาน
พวกเขา ใช้วิชาความรู้ที่เรียนมา ผ่านความยากลำบากมากมาย เช่น ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ ไม่มีถนน และ ไม่มีเงิน
ผู้บริหาร Sunfood ได้ความรู้ และ ความรู้สึกดีๆมากมาย เช่น
ขากลับ เราเพิ่งจะรู้ว่า ซับสนุ่นอยู่สูงกว่าวังม่วงมาก น่าจะประมาณ 200 - 300 เมตรที่ต่างกัน ..... อากาศที่ซับสนุ่นเย็นสบายกว่า พวกเรามองความลาดเอียงของถนน จึงรู้ว่า คราวหน้า ถ้าเอาจัรยานมานะ ขี่สบายมากเลย คือ ไหลลงตลอด จาก ซับสนุ่น ไปยัง วังม่วง
ขอขอบคุณ Gotoknow ที่ทำให้พวกเรา ได้เจอ พวกเขา
และ ขอขอบคุณ ชาวซับสนุ่นทุกคน และ ทุกชีวิต (วัว ผึ้ง สุนัข ฯลฯ)
555 แต่ถ้าขี่จักรยานจากวังม่วง ไปซับสนุ่นนี่เอาเรื่องน่าดูเลยนะคะเนี่ย :D
น่องปูดแน่ๆ งานนี้
ประทับใจตั้งแต่ตอนโทรศัพท์ติดต่อไป พี่ณรงค์ กิ่งแก้ว ผู้ใหญ่บ้านน่ารักมาก เราโทรไปบอกตอนสายๆว่าเย็นนี้จะไปเยี่ยม ก็ตอบรับทันทีไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไร
ไปถึงที่นั่นแค่จอดถามทางนิดเดียวพี่ชาวบ้านแถวนั้นก็ขับรถมอเตอร์ไซค์นำไปให้ถึงที่นัดหมายเลยทีเดียว สมแล้วที่ได้งบจาก ททท.มาทำถนน
จะกลับไปอีกแน่ๆค่ะ ว่าจะพาพวกไปทำ Project base ที่นี่ด้วย :D
ผมชอบดูรายการทีวีช่อง 9 อยู่รายการหนึ่ง รายการปราชญ์เดินดิน ครับ
ทำให้ผมรู้สึกว่าความจริงเรื่องของ KM นั้นมันมีมานาน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้มีอยู่ในทุกระดับ
เป็นเรื่องที่ง่ายๆ แต่ว่าเราต้องมานำเสนอว่าเราทำ KM นะมันทำให้สูญเสียความเป็นธรรมชาติไป บางทีหรือเปล่าผมเองก็ไม่แน่ใจ
การที่เกิดการแลกเปลี่ยนในองค์กรนี่เป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ว่าทำอย่างไรครับมันจะทำให้เป็นกันเองธรรมชาติ
บางคนก็ว่าเอาแต่พูดกันไม่เห็นได้อะไร
แต่ผมว่า เพราะไม่พูดกันนั่นแหละมันเลยไม่ได้อะไร เราต้องเสียเวลาในการพูดคุยแล้วจะทำอย่างไรให้เกิดการพูดคุยโดยจะไม่เรียกว่าเสียเวลา
อย่างไรดีครับ
เห็นด้วยเลยครับ KM แบบธรรมชาติ เขามีมานานแล้ว ชาวบ้านทำ KM กันแบบไม่รู้ตัวมาหลายแห่งแล้ว เรามีชุมชนเข้มแข็ง ยั่งยืน พอเพียง มานานแล้วด้วย
แต่ พวกเรา พอมาทำ Km แบบ Format มันก็เลยดู ขัดๆ (ขัดใจ) เขิน ๆ (ไม่พูดกัน) กดดัน บ้า KPI กันไปหน่อย
การจะให้คุยกัน ก็ต้องสร้างบรรยากาศครับ
ทำให้แนบเนียน หลายแห่ง ผู้บริหารจะทำ โดยไม่ต้อง ตี ปีป เป่าประกาศ ว่า ฉันจะให้เธอทำ KM นะ
เขาทำกันแบบเงียบ ๆ รู้ๆกันเฉพาะ กลุ่มทำงานเท่านั้น
มันก็เหมือนจีบสาว คือ ไปบอกเธอตรงๆว่าชอบเธอ เธอก็จะเกลียดเราทันที
ต้อง ".....เริ่มจากวันที่เราคบกันคล้ายเพื่อน แต่เสมือนหนึ่งมิตรเคยชิดใกล้ ....... "
เห็นด้วยกับอาจารย์ว่าน่าจะทำแบบธรรมชาติที่รู้โดยคณะทำงาน ถ้าทำตามfotrmat บางครั้งรู้สึกจะเกร็งๆกันค่ะ
รู้สึกตัวเราเองเหมือนกบในกะลา ไม่รู้ว่าโลกภายนอกเข้าไปถึงไหนกันแล้ว นายที่ทำงาน กดดันเอาแต่งาน ๆๆๆ ใครไม่ตีกอล์ฟก็จะไม่รุ่ง ให้ทำโน่น ทำนี่ เราเตรียมข้อมูลแทบแย่ เป็นสัปดาห์ ๆ สุดท้ายดูไม่ถึง 5 นาที ก็โยนทิ้ง เป็นหลาย ๆครั้ง จิตเกิด มาก ๆ
ด้วยความเคารพอย่างสูง
ฝากข้อคิดเล่นๆ ดังนี้
ตอนสัมภาษณ์งาน ก็ปล่อยแต่ให้ พวกเขา ถามเกี่ยวกับคุณ ทำไมคุณไม่ถามเกี่ยวกับเขาบ้าง ล่ะ
ก่อน เข้าทำงาน ทำไม ไม่ขอดูตัว นายตัวจริงก่อน สืบประวัติสันดานกันก่อน
อยากติดต่อกับครูบุษบา โชคช่วยชู ครูโรงเรียนบ้านซับสนุ่น ที่ อีเมล์นี้ บุษเห็นแล้วตอบกลับด้วยนะ
น้อย มธ รหัส 18
สวัสดีท่านอาจารย์ครับ
ขอบพระคุณที่นำเรื่องราวของ KM village บ้านซับสนุ่นมาฝากครับ...
บุษบา โรงเรียนบ้านซับสนุ่น ย้ายไปโรงเรียนเกิดการอุดม ติดต่อใครรู้จักบุษ ให้ติดต่อที่ [email protected] น้อย เพื่อน มธ
อยู่ที่นี่หนูไม่สนุกเท่าอยู่ที่โรงเรียนบ้านซับสนุ่นเราเลย เดียววันไหนหนูว่างหนูจะไปเยี่ยมครูทุกคนนะค่ะ หนูขอให้ครูทุกคนมีความสุข
มากๆนะค่ะ คุณครูที่รักทุกคน