อยู่ๆโชคชะตาก็ชักนำให้ไปวัดอีกแล้ว ปีนี้เพิ่งไปอบรมกับชมรมจริยธรรมมาที่หาดเสลา ตื่นเช้าตีสี่ครึ่ง สวดมนต์ตี 5 ทำโยคะ แล้วเรียนรู้เรื่องศาสตร์นพลักษณ์กับพระอาจารย์ ตกกลางคืนสวดมนต์ทำกิจกรรมกลุ่ม นั่งสมาธิถึง 3ทุ่ม ตอนนั้นอยู่กันมา 3 วันก็ว่าหนักแล้ว สำหรับคนไม่ชอบอดนอนอย่างเรา...มาครั้งนี้พอดูตารางอบรมนสก.(นักบริหารงานส่งเสริมสุขภาพ ระดับกลาง) โอ้โห! 5 วัน ตื่นตี 4ครึ่งพร้อมกันตี 5 ปฏิบัติธรรม กินมังสวิรัติแถมด้วยบวชรับศีล 8 ใส่ชุดขาวอีกต่างหาก..เครียด เซ็งตั้งแต่ก่อนไปเลยคะ ..บ่นกันระงม เพราะศูนย์ฯส่งไป 8 คน ตัวจริง 2 ตัวสำรองที่ได้รับคัดเลือกเข้าไปอีก 6 คน เลยต้องใช้คำว่าระงมจริง
ศีล 8 ก็เพิ่มจากศีล 5 อีก 3ข้อ คือ..ไม่นอนที่นอนนิ่มสบาย, ไม่ทานอาหารที่ต้องเคี้ยวหลังเที่ยง แต่ดูดน้ำ เครื่องดื่มได้,ไม่ทาเครื่องหอม
พอไปถึงวัดราชโอรส...ได้พบพระอาจารย์ ..ท่านเจ้าคุณเมธีวรญาณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส แล้วท่านหน้ายิ้ม ดูอิ่มบุญ แล้วพระอาจารย์ก็สอนให้ทำกรรมฐาน โดยให้ใช้การควบคุมจิตใจให้อยู่ณ.ปัจจุบัน ใช้การรู้สึกตัว รู้นั่ง รู้นอน รู้ยืน และรู้นอน ไม่ใช้สมาธิ ไม่ใช้จงกรม ให้ใช้รู้สึกตัวอย่างเดียว เราก็งงๆกันว่าทำอย่างไร เพราะเคยฝึกสมาธิ เคยฝึกจงกรม ก็หลับตาแล้วพยายามมองแต่รูปจับด้วยความรู้สึกว่าตอนนี้เราอยู่ในท่าทางอย่างไร ไม่มองตัวไม่คิดเป็นแขน ขา ฯลฯ
วันแรกก็เดินทางกันตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง ได้นอน 3 ทุ่มได้กินข้าวเย็นเพราะบวชตอนบ่ายแล้ว บางคนก็แอบรับแค่ศีล 7 งดบางข้อ ..พี่ไม่ทาเครื่องหอมพี่ทนไม่ได้ต้องทาลูกกลิ้งรักแร้ น้องไม่กินข้าวเย็นน้องก็ทนไม่ได้เคยกินอาหารหนักมื้อเย็นมาตลอด เช้าวันรุ่งขึ้นวัดก็เปิดติ้งหน่อง...ปลุกโยคีผู้ปฏิบัติทั้งหลายให้ตื่นพร้อม...ตี 5-7 โมงเช้าก็ทำกรรมฐานรู้รูปต่อ แล้วปล่อยทานข้าวต้มมังสวิรัติ อาบน้ำพักผ่อนถึง 9 โมงเช้าก็รวมตัวอีกครั้งปฏิบัติต่อถึง 11 โมงทานข้าวกลางวัน แล้วให้พักผ่อนถึงบ่ายโมงก็ไปสนทนาธรรมกับพระอาจารย์แล้วฝึกกรรมฐานต่อถึง 3 โมงเย็นพักดื่มน้ำปานะ...น้ำมะตูม,น้ำเก๊กฮวย แล้วขึ้นศาสาฝึกต่อถึง 6โมงเย็น พักอีกรอบ แล้วรวมตัวอีกครั้งตอนทุ่ม-3ทุ่ม พระอาจารย์ก็จะมาถามรายบุคคลว่าทำได้ หรือไม่ได้ รู้สึกอย่างไร เป็นอย่างเนี่ยทุกวัน แล้วพระอาจารย์เน้นว่าควรทำตลอด 24 ชม.พยายามอย่าคุยกัน จะได้รู้สึก ควบคุมจิตใจได้ดี
วัน สองวัน สามวันก็แล้วไม่เห็นจะทำได้เลย แถมบางคนก็หลับอีกต่างหาก บางคนปวดหัวเพระไปผิดทางไปใช้สมาธิเพ่งให้ได้ แล้วก็แอบคุยกัน ขำกัน เพราะแต่ละคนเหมือนไร้วิญญาณ เดินกันเพล่นพล่านตลกเหมือนคนไข้จิตเวช แต่พอพระอาจารย์มาก็ทำสงบนิ่ง...ประมาณลิงหลอกเจ้า...จริงๆเลย
แต่พอวันที่ 4 แต่ละคนเริ่มมาคุยกันว่า..แต่ละคนพบอะไร รู้สึกอย่างไง ทำได้แล้ว เพราะตอนที่ทำได้เราไม่รู้สึกตัวหรอกคะ
แต่เราจะเพลินนั่งได้นานโดยไม่รู้สึกเมื่อย ไม่เป็นตะคริว แล้วโปร่งโล่งสมอง สบาย
เราเลยกลับกันมาอย่างอิ่มเอมกันทุกคน อยากให้ลองไปกันดูนะคะ ขนาดคนไม่ค่อยเข้าวัดอย่างเรายังประทับใจเลย ก็ขออนุโมทนาบุญมาฝากทุกคนนะคะ....
ไม่มีความเห็น