วันนี้ดิฉันได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ และการย้ำเตือนผ่าน MSN ขอใช้บริการยืมระหว่างห้องสมุด จากบรรณารักษ์สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ที่เคยร่วมประชุมฝ่ายบริการด้วยกันจนคุ้นเคย และปรึกษาหารือเรื่องงานให้บริการผู้ใช้ รวมทั้งปรับทุกข์ไปในตัว
เขาขอยืมหนังสือภาษาอังกฤษ ซึ่งราคาแพงและมีให้บริการเพียงแห่งเดียว คือ ที่ ม.น. ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของห้องสมุด ม.น. จะเป็นผู้ให้ ผ่านบริการยืมระหว่างห้องสมุด หลังจากที่ขอรับบริการจากเพื่อนๆ ห้องสมุดอื่นๆ มามากบ้างน้อยบ้างตามสมควร
นี่เป็นวิธีการ share resource ที่เราใช้ร่วมกันมานาน และคิดว่าคงจะใช้ร่วมกันต่อไป เพราะว่า เป็นวิธีการบริหารทรัพยากรที่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการของเรา ชาวห้องสมุดค่ะ
การ share resource เป็นบริการที่ดีมากค่ะ ดิฉันทำงานในห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ก็มีบริการยืมระหว่างห้องสมุดเหมือนกัน แต่ผู้ใช้บริการไม่มากนัก ไม่ทราบว่าที่มน.มีการติดต่อ share resource สื่อประเภทโสตทัศน์กับที่อื่นบ้างไหมคะ
ดิฉันเคยติดต่อขอ share resource กับห้องสมุดอุดมศึกษาของรัฐที่มีชื่อแห่งหนึ่งในกทม. โดยขอทำสำเนาเทป แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ โดยเหตุผลที่ได้รับคือสื่อมีลิขสิทธ์ (เป็นสื่อบันทึกเสียงงานสัมมนาต่างๆ ) เลยทำให้รู้สึกว่า ยังมีช่องว่างระหว่างหน่วยงานของรัฐ และเอกชน อยู่บ้าง ก็เลยรู้สึกท้อใจว่า อุดมการณ์ของงานบรรณารักษ์ บางครั้งก็มีข้อจำกัด จริงๆ แต่ก็พยายามทำงานตามที่สามารถทำได้ให้ดีที่สุดค่ะ
ที่มน.มีการบริหารทรัพยากรอย่างไรบ้างค่ะ ที่พอจะแนะนำให้แก่ดิฉันได้บ้าง เผื่อจะนำไปพัฒนางานบ้างค่ะ
เรื่องลิขสิทธิ์ เป็นปัญหาเล็กๆ ที่ส่งผลต่อการให้บริการระหว่างกันพอสมควรค่ะ อย่างไรก็ตามเราคงต้องทำตามกติกาที่ตั้งไว้ งานไหนมีลิขสิทธิ์ก็ให้บริการตามสิทธิที่เราสามารถทำได้ ไม่อย่างนั้น วันหนึ่งข้างหน้า อาจมีบรรณารักษ์บางคนต้องเปลี่ยนจากทำงานในห้องสมุด เป็นผู้รับการฝึกอาชีพในคุกแทน
ส่วนการบริหารทรัพยากร ตอนนี้เท่าที่มีก็คือการจำกัดจำนวน copy ของหนังสือ การบอกรับฐานข้อมูลแทนการรับตัวเล่ม รวมทั้งพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันให้มากขึ้น เหล่านี้ทำให้ทรัพยากรในห้องสมุดต่างๆ เพิ่มคุณค่ามากขึ้น ประโยชน์ก็ตกอยู่กับการพัฒนาวิชาการของประเทศเรานะคะ ไม่ว่ารัฐหรือเอกชนอย่ามัวแต่มองว่าใครจ่ายมากจ่ายน้อย ถ้าเรารวมตัวกันและใช้ทรัพยากรร่วมกัน ดิฉันว่า มันคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มอีกค่ะ