หลังจากที่ได้มาศึกษาต่อที่โรงเรียนฝึกหัดครู กระแสการประท้วงต่อต้านและการปะทะกับตำรวจก็เบาบางลงบ้างเล็กน้อย แต่ยังมีอยู่บ้างประปราย เราที่ดะมันฮูรก็เช่นกัน ผลกระทบแรกก็เกิดขึ้นกับเราในฐานะผู้นำนักศึกษา แม้ว่าข้าพเจ้าจะมุ่งมั่นอยู่กับซูฟีย์และอิบาดะฮฺ แต่ข้าพเจ้าก็เชื่อว่าการรับใช้ชาติเป็นญิฮาดที่อัลลอฮฺบัญชาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ยิ่งข้าพเจ้าเป็นผู้นำนักศึกษาก็ยิ่งต้องแสดงบทบาทมากกว่า
ชัยค์ดูซูกีย์ ครูใหญ่ของโรงเรียนกลัวผลกระทบนี้มาก ท่านจึงพาข้าพเจ้าไปหา มะหฺมูด บาชา อับดุรรอซซาก นายอำเภอบุหัยเราะฮฺ ขณะนั้น นายอำเภอมอบหมายให้เรารับผิดชอบต่อการประท้วงของเพื่อนนักเรียน ท่านกล่าวว่า คนเหล่านี้สามารถโน้มน้าวให้นักเรียนผละจากการประท้วงได้ แต่ไม่ว่าจะปลอบ จะขู่ จะเตือนอย่างไร ก็ไม่มีประโยชน์ จึงให้เรากลับมาคิดตัดสินใจ เราจึงวางแผนประท้วงหยุดเรียน ให้เพื่อนนักเรียนออกไปอยู่ในสวนไกล้โรงเรียนในวันซึ่งตรงกับที่ 18 ธันวาคม วันครบรอบการอยู่ใต้อาณัติอังกฤษทั้งวัน ส่วนเราก็ไปมอบตัวต่อทางโรงเรียน รอผู้ที่จะมา แต่ไม่มีใครมา เรารออยู่ช่วงหนึ่งก็กลับ การประท้วงในวันนั้นจึงสำเร็จลงด้วยดี
ข้าพเจ้าไม่เคยลืมเหตุการณ์การประท้วงในวันหนึ่ง กลุ่มแกนนำได้ประชุมกันที่ห้องเช่าของข้าพเจ้า ในบ้านของฮัจญะฮฺ คอฎเราะฮฺ ชะอีเราะฮฺ ที่ดะมันฮูร ตำรวจได้กรูกันเข้ามาในบ้าน แล้วถามหาเรา นางกล่าวว่า พวกเขาออกไปตั้งแต่เช้าตรู่และยังไม่กลับมาแลย นางเองก็มัวยุ่งอยู่กับการจัดร้านไม่สนใจเท่าไร คำตอบที่ไม่เป็นความจริงนี้ทำให้ข้าพเจ้าไม่ค่อยสบายใจ นางตกอยู่ในภาวะอิหลักอิเหลื่อ เมื่อ ข้าพเจ้าออกไปหาผู้หมวดคนนั้น เพื่อบอกความจริง ทำให้นางอยู่ในสภาพอิหลักอิเหลื่อ ข้าพเจ้าพูดอย่างเชือมั่นว่า ด้วยหน้าที่ต่อชาติบ้านเมือง เขาควรจะอยู่ฝ่ายเรา ไม่ใช่ขัดขวางหรือจับกุมเรา ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าเพราะอะไร เขาตอบรับข้อเรียกร้องนี้โดยพลัน เขากลับออกไปและสั่งให้กำลังทั้งหมดกลับไป ข้าพเจ้ากลับมายังเพื่อนๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ และกล่าวว่า นี้เป็นคุณค่าของความสัตย์ เราจะต้องดำรงไว้ซึ่งความสัตย์และยอมรับต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา จะต้องไม่โกหกไม่ว่าจะตกอยู่ในสภาพใดก็ตามไม่มีความเห็น