ระหว่างวันที่ 8 - 10 สิงหาคม 2550
เป็นช่วงเวลาที่ภาคเหนือได้จัด"งานศิลปหัตถกรรมนักเรียนปี 2550
ภาคเหนือ" ขึ้น โดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดพิษณุโลก
ร่วมกับเขตพื้นที่ทุกเขตใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ภายใต้คำขวัญ
"ส่งเสริมศักยภาพเด็กไทย ให้ก้าวไกลสู่สากล"
โดยในงานได้จัดให้มีกิจกรรมทางการศึกษาหลายรายการที่น่าสนใจ
ทั้งที่เป็นการแสดงผลงานนักเรียน ครู โรงเรียน
การสัมมนาทางวิชาการและการแข่งขันความสามารถของนักเรียน
ในงานดังกล่าว
ดิฉันได้รับคำสั่งแต่งตั้งให้เข้าร่วมเป็นกรรมการตัดสินการประกวดการเย็บกระเป๋าผ้าอเนกประสงค์
ช่วงชั้นที่ 4
แต่เนื่องจากติดภาระงานในการเป็นวิทยากรในการประชุมปฏิบัติการวิทยากรแกนนำนักจัดการความรู้ผู้รับผิดชอบเว็บไซต์แมงมุม
รุ่นที่ 2 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 6 - 9 สิงหาคม 2550
ทำให้ต้องวางแผนในการเดินทาง ในวันที่ 6- 8 สิงหาคม
ก็ได้เข้าร่วมเป็นวิทยากรที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ช่วงของการอบรมก็ได้โทรประสานกับพี่ ๆ ศึกษานิเทศก์ที่เขตพื้นที่แล้ว
ก็ตกลงกันว่าจะขอใช้รถของสำนักงานเขตในการเดินทางมาร่วมเป็นคณะกรรมการและจะพักค้างคืนกันที่จังหวัดพิษณุโลกในคืนวันที่
8 สิงหาคม เพราะวันที่ 9 สิงหาคม
มีเพื่อนร่วมคณะที่ต้องเป็นกรรมการตัดสินกิจกรรมการแข่งขันในช่วงเช้าหลายรายการ
ดังนั้น ดิฉันจึงตกลงเดินทางไปพิษณุโลกในคืนวันที่ 8
โดยได้รับความอนุเคราะห์จาก อ. ดุจดาว ทิพย์มาตร
ผู้จัดการโครงการประชุมปฏิบัติการวิทยากรแกนนำนักจัดการความรู้ผู้รับผิดชอบเว็บไซต์แมงมุม
เดินทางมาส่งขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองในคืนวันที่ 8 สิงหาคม
ก่อนขึ้นเครื่องก็ได้ประสานงานกับพี่ ๆ แล้วว่าจะใช้เวลาเดินทางประมาณ
45 นาทีก็ถึง
พอเครื่องลงที่สนามบินพิษณุโลกก็โทรหาอีกครั้งปรากฏว่าฝนตกหนักและคณะไปหลงทางวนออกไปทางนอกเมือง
ทำให้ดิฉันต้องใช้เวลารอคณะจนกระทั่งสนามบินใกล้จะปิด ฝนก็ตกหนัก
มืดก็มืด เริ่มเกิดอาการหวาดระแวงภัยรอบข้าง
ช่วงเวลาที่รอก็เหลือแค่รถตู้ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลกเขต
1 เพียงคันเดียวที่รอรับคณะที่มาส่งท่านเลขา กพฐ. ขึ้นเครื่องกลับ
คนขับรถก็คงแปลกใจว่าทำไมยังไม่มีใครมารับก็เข้ามาสอบถาม
ในท่ามกลางวิกฤตเราก็ยังได้พบเห็นน้ำใจดี ๆ
จากเพื่อนร่วมโลกทำให้คลายความวิตกกังวลได้บ้าง
พอสอบถามรู้ว่าเรามาร่วมงานศิลปหัตถกรรม
และคณะยังหาที่พักไม่ได้ก็ช่วยติดต่อประสานงานให้
พร้อมกับทิ้งเบอร์โทรให้เผื่อมีปัญหา
พอคณะที่มาส่งขึ้นรถเรียบร้อยก็ขับรถออกไป
ทีนี้เหลือแต่ดิฉันคนเดียวที่นั่งรอคณะมารับที่หน้าอาคารไฟก็เริ่มปิดทีละดวงละดวง
ก็เริ่มเกิดอาการเครียด
สักพักก็สังเกตเห็นรถตู้คันดังกล่าววนกลับมาที่หน้าอาคาร
พร้อมกับคณะที่เปิดประตูรถลงมาเรียกให้ขึ้นรถไปด้วย
ทราบว่าพอขึ้นรถคนขับรถก็เล่าให้ฟังถึงปัญหาของเรา
คณะก็เลยเป็นห่วง
วนรถมารับพร้อมทั้งอยู่เป็นเพื่อนช่วยประสานหาห้องพักทุกแห่งที่จะติดต่อได้
ก็ปรากฏว่าเต็มหมดไม่มีเลยจนกระทั่งคณะของดิฉันมาถึงเกือบห้าทุ่มครึ่ง
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ดิฉันซาบซึ้งในน้ำใจของพี่ ๆ
ชาวสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 1รวมทั้ง คุณสถิตย์
จอยวงศ์ ซึ่งเป็นคนขับรถตู้คันดังกล่าว
ที่ช่วยเหลือและต้อนรับผู้ที่มาร่วมงานด้วยน้ำใจอันดีงาม
ก็ต้องฝากชมเชยไปยังท่านผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลกเขต
1
ถึงแม้ว่าในการจัดงานศิลปหัตถรรมดังกล่าวจะพบอุปสรรคมากมายด้วยฟ้าฝนไม่อำนวย
แต่น้ำใจของคณะเพื่อนร่วมงานของท่าน
ทำให้รู้สึกว่างานศิลปหัตถกรรมภาคเหนือไม่เพียงเป็นงานที่แสดงศักยภาพของนักเรียนเท่านั้น
แต่ยังได้แสดงให้เป็นถึงศักยภาพและน้ำใจของคนในเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก
เขต 1 ด้วยคะ
นี่แหละน้า...เค้าถึงว่า "คนดี" ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ... ไม่ว่าจะลำบากขนาดไหน ก็จะมีคนดี ๆ ยื่นมือเข้ามาช่วยเสมอ "ขอบคุณ" คุณสถิตย์ และคณะ สพท.พิษณุโลก อีกครั้งค่ะ สำหรับน้ำใจดี ๆ ที่หยิบยื่นให้เพื่อนร่วมโลก ขอบคุณจริง ๆ ขอบคุณจากใจ
นี่แหละครับเมืองไทย ที่ดีกว่าเมืองไหนๆในโลก
แบงค์รักเจ๊อ้วนๆ