เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ได้มีพิธีเปิดโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯ 80 พรรษามหาราชาภายใต้โครงการขยายผลโครงการหลวงวาวี ที่บ้านดอยช้างอำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง เสด็จเป็นองค์ประธาน พิธีเปิด โครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯ 80 พรรษา มหาราชา ภายใต้โครงการขยายผลโครงการหลวงวาวี ณ บริเวณบ้านดอยช้าง ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เมื่อ วันที่ 26 กรกฎาคม 2550 เวลา 11.00 น. โดยมีนายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ประธานคณะกรรมการโครงการขยายผลโครงการหลวงวาวี เป็นผู้ถวาบการต้อนรับและกล่าวถวาย รายงาน
ความเป็นมาของโครงการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณา โปรดเกล้าตั้งโครงการหลวง เมื่อปี พ.ศ. 2512 เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเขา ลดการปลูกพืชเสพติด และฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำลำธาร จนปัจจุบันสถานการปลูกฝิ่นหมดไปจากพื้นที่โครงการ และเกษตรกรหันมาปลูกพืชเมืองหนาวมากกว่า 118 ชนิด พืชผัก 70 ชนิด ทำให้เกษตรกรมีรายได้ต่อครัวเรือนเพิ่มมากขึ้นถึงเฉลี่ยปีละ 68,596 บาท อัตราเกิดของประชากรชาวเขาในพื้นที่โครงการหลวงลดลงจาก ร้อยละ 3.10 ในปี 2539 เป็นร้อยละ 0.55 ในปี 2548 นอกจากนั้นในพื้นที่โครงการหลวงยังมีระบบ การอนุรักษ์ดินและน้ำและการปลูกหญ้าแฝก รวมทั้งชุมชนมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูป่าต้นน้ำลำธาร อย่างสม่ำเสมอ และร่วมมือในการปลูกป่าชาวบ้านมากว่า23,000 ไร่
อย่างไรก็ตามจากสภาพของพื้นที่สูงทั่วประเทศที่ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 65.22 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 53ของพื้นที่ 20 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา ลำพูน แพร่ น่าน ลำปาง ตาก เพชรบูรณ์ พิษณุโลก เลย สุโขทัย กำแพงเพชร กาญจนบุรี อุทัยธานี สุพรรณบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี ซึ่งที่ตั้งชุมชนบนพื้นที่สูงส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำลำธารมีการคมนาคมยากลำบาก ทำให้หน่วยงานของรัฐเข้าไปดำเนินงานบนพื้นที่สูงได้ไม่ทั่วถึง ประกอบกับประชากรบนพื้นที่สูงเป็นชาวเขาเผ่าต่างๆ มากกว่า 10 เผ่า มีหมู่บ้านทั้งหมด 4,192 หมู่บ้าน กระจัดกระจายอยู่บนพื้นที่สูง 20 จังหวัดดังกล่าวจึงทำให้มีสภาพยากจน มีรายได้เฉลี่ยปีละ 31,126 บาทต่อครัวเรือน ซึ่งต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยของรายได้ของเกษตรกรในภาคเหนือกว่าเท่าตัว (69,373บาทต่อครัวเรือน) นอกจากนั้นพื้นที่สูงเกือบทุกแห่งยังมีพื้นที่ดินทำกินเสื่อมโทรมเกิดการชะล้างพังทลายสูง ผลผลิตการเกษตรมีการปนเปื้อนจากการใช้สารเคมีการเกษตรที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม ทั้งดินและน้ำ สาเหตุ ส่วนใหญ่เกษตรกรไม่มีความรู้ และทักษะในการเพาะปลูกที่เหมาะสม มีการบุกรุกป่าเพื่อหาพื้นที่ทำกินใหม่เพิ่มมากขึ้น และมีความขัดแย้งของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น
จากความสำเร็จของโครงการหลวงดังกล่าว จึงทำให้หน่วยงานต่างๆ และองค์กรชุมชนหลายแห่งได้ยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือไปยังมูลนิธิโครงการหลวงให้เข้าไปช่วยพัฒนาพื้นที่ของตน ซึ่งมูลนิธิโครงการหลวงได้มอบหมายให้สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ดำเนินงานโดยมุ่งขยายผลจากความสำเร็จของโครงการหลวง ไปสู่ชุมชนบนพื้นที่สูง เพื่อแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่ ตามยุทธศาสตร์ของจังหวัดและของประเทศ โดยนำต้นแบบการพัฒนาที่ยั่งยืนจากโครงการหลวงไปปรับใช้อย่างเหมาะสม สร้างเศรษฐกิจของชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ที่มีความเหมาะสมกับศักยภาพของสังคม ท้องถิ่น และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการฟื้นฟูและป้องกันการชะล้างพังทลายของดินบนพื้นที่สง โดยปรับเปลี่ยนแนวคิดความเชื่อ และค่านิยมของชุมชนบนพื้นที่สูง ที่มุ่งการสร้างรายได้ของแต่ละบุคคลและเพาะปลูกตามกระแสของตลาดโดยขาดความรู้ความเข้าใจที่ดี มาเป็นการเพาะปลูกและประกอบอาชีพบนฐานของการเรียนรู้ และคำนึงถึงความเหมาะสมของสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น กระตุ้นให้กิดกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อเป็นกระบวนการหลัก ในการดำเนินงาน เสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ทางด้านวิทยาการ กับหน่วยงาน องค์กรต่างๆ เพื่อเป็นการเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อเข้าถึงองค์ความรู้ที่จะพัฒนาพื้นที่สูง ต่อไปสำหรับโครงการขยายผลโครงการหลวงวาวี เริ่มดำเนินการจากการที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 (ปปส.ภาค 5) ได้มีหนังสือเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ขอให้มูลนิธิโครงการหลวงเข้ามาพัฒนาและช่วยเหลือประชาชนในหมู่บ้านที่ในอดีตสำนักงานปปส.เคยดำเนินการพัฒนาส่งเสริมอาชีพทดแทนการปลูกพืชที่มีปัญหายาเสพติด โดยมีเป้าหมายในพื้นที่บ้านดอยช้าง หมู่ที่ 3 บ้านดอยล้าน หมู่ที่ 4 และบ้านใหม่พัฒนา หมู่ที่ 25 ในตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย และมูลนิธิโครงการหลวงได้มอบหมายให้สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เป็นผู้แทนของมูลนิธิโครงการหลวงเข้ามาประสานการทำงานในเชิงบูรณาการร่วมกับทางจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานต่าง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเป็นประธานคณะกรรมการโครงการขยายผลโครงการหลวงวาวี
สำหรับโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯ 80 พรรษา มหาราชา ครั้งนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากการที่คณะทำงานโครงการขยายผลโครงการหลวงวาวีได้เข้าศึกษาในพื้นที่แห่งนี้พบว่า มีปัญหาการบุกรุกป่า และตัดไม้ทำลายป่าเป็นบริเวณกว้าง เพื่อทำไร่กาแฟ ปลูกข้าวไร่ ข้าวโพด และพืชหมุนเวียน โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านดอยช้าง หมู่ที่ 3 ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย ซึ่งเป็นพื้นที่ดำเนินงานของโครงการขยายผลโครงการหลวงวาวี พบว่าสภาพของทรัพยากรป่าไม้ได้ถูกทำลายลงไปเป็นอย่างมาก โดยสังเกตได้จากภูเขาและป่าไม้ ในพื้นที่ร้อยละ 80 ถูกเข้าบุกรุกทำลาย กลายเป็นปัญหาวิกฤตของบ้านดอยช้าง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ต้นน้ำแห้งแล้ง และอาจทำให้เกิดภาวะน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มในช่วงฤดูฝนได้
คณะทำงานโครงการขยายผลโครงการหลวงวาวี อำเภอแม่สรวย โดยมีนายอำเภอแม่สรวย เป็นประธาน จึงได้ดำเนินการตรวจสอบสภาพปัญหาในเบื้องต้นและเห็นว่า การแก้ไขปัญหาดังกล่าว จะต้องเริ่มจากการปลูกป่าทดแทน โดยให้ราษฎรในพื้นที่มีส่วนร่วมในการปลูกป่าและเป็นกำลังหลักในการดูแลรักษาเพื่อสร้างจิตสำนึกในการหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ และป่าไม้ พันธุ์ไม้ในท้องถิ่นของตน และเพื่อเป็นการริเริ่มหรือนำร่องให้กับพื้นที่อื่นๆ ต่อไป คณะทำงานฯ จึงได้พิจารณาเลือกพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมในพื้นที่บ้านดอยช้าง ตำบลวาวี บริเวณพิกัด NB 6091 ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ในความดูแลของศูนย์บริการด้านพืชและปัจจัยการผลิตเชียงราย (วาวี) กรมวิชาการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเป็นพื้นที่ดำเนินงานของโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ด้วย
วัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมครั้งนี้ คือ เพื่อถวายเป็นราชสักการะเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระชนม์มายุครบ 80 พรรษา และเพื่อสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนในพื้นที่ ดอยช้าง มีความรักและหวงแหน พร้อมทั้งช่วยกันฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้อย่างมีส่วนร่วม รวมทั้งเพื่อส่งเสริมให้เกิดการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชในท้องถิ่น ทั้งนี้โดยได้มีการฝึกอบรมชาวบ้านเรื่องการปลูกป่า และร่วมกันวางแผนการดูแลบำรุงรักษาป่า โดยชาวบ้านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง การปลูกป่าครั้งนี้จะปลูกต้นไม้จำนวน 58,000 ต้น ประกอบด้วยต้นไม้ 6 ชนิด คือ เสี้ยวป่า มะเกี๋ยง พญาสัตบรรณ ประคำดีควาย แคแสด และแอปเปิ้ลป่า สำหรับการจัดงาน ในวันนี้ได้มีพิธีกรรมบวชป่าของชนเผ่าอาข่า และลีซู ด้วย
เมื่อหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี องค์ประธานของงานเสด็จมาถึงบริเวณพิธี ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้ทูลเชิญให้เสด็จขึ้นบนเวทีเพื่อเปิดกรวยถวายราชสักการะ และรับฟังการกล่าวถวายรายงานจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หลังจากนั้นจึงมีพระดำรัสเปิดงาน ท่านกล่าวว่าดีใจที่เห็นคนบนดอยช้างเข้าใจปัญหาและมาช่วยกันปลูกป่าอย่างมากมายหลังจากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดได้ทูลเชิญปลูกต้นเสี้ยวป่าไว้เพื่อเป็นศิริมงคลด้วย
ผู้เข้าร่วมในพิธีครั้งนี้ประกอบด้วย ผู้แทนผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส. ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเชียงราย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย เชียงราย ปลัดจังหวัด ผบ.ฉก.ม. 3 นายอำเภอและข้าราชการอำเภอแม่สรวยพร้อมด้วยข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งประชาชนชาวตำบลวาวี และอำเภอแม่สรวย จำนวนประมาณ 1,000 คนโดยเฉพาะประชาชนชาวลีซอและอาข่า มาในชุดชนเผ่าที่สวยงามน่าตื่นตาตื่นใจมาก
ขอบคุณค่ะ มีข้อแนะนำหรือ แลกเปลี่ยนเชิญได้เลยค่ะ
ทัศนีย์