ปล่อยปลากลางดึก : ไม่รู้บุญ หรือบาป แต่ผมก็สุขใจเหลือเกิน


ปลาสองตัวได้รับอิสรภาพคืนกลับไป

วันนี้กว่าจะคืนกลับถึงห้องนอนก็ล่วงเข้า 3 ทุ่มเศษ ..

วันนี้เป็นอีกวันที่ผมรู้สึกมีความสุขเป็นที่สุด,    ภาคเช้าเตรียมความพร้อมรับการมาศึกษาดูงานของคณะมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน  ครั้นตกบ่ายคณะผู้ดูงานก็มาเยือนตามกำหนดการอย่างไม่คลาดเคลื่อน

 

ตกเย็นและล่วงเข้า 1 ทุ่มเศษ  ผมพร้อมด้วยเจ้หนิงDSS "work with disability" ( หนิง ),  น้อง นุ้ยcsmsu   เพื่อนชีวิตของผม (แดนไท )  และที่ขาดไม่ได้คือ "เด็กชายแผ่นดินและแดนไท"  ได้รับประทานอาหารเย็นร่วมกับ อ.ขจิต ฝอยทอง อย่างเฮฮา (ศาสตร์)  สนุกสนานและอิ่มสุขกันถ้วนทั่ว 

 

.....

 

ครั้นถึงห้องพัก  ผมและน้องแผ่นดินก็จัดการชำระตัวเอง  อาบน้ำ  แต่งตัวพร้อมเข้านอน   แต่ก็ไม่วายเปิด G2K  เข้ามาอ่านบันทึกต่าง ๆ  พอได้เป็นยาวิเศษกล่อมให้นอนได้ง่ายขึ้น

 

ไม่นานนักเพื่อนชีวิตของผมก็เดินเข้ามาบอกกล่าวในทำนองหารือว่า "เธอไม่ต้องการที่จะฆ่าปลาดุกอุยสองตัวที่ขังไว้ในกะละมังหลังห้อง" ...

 

ปลาดุกทั้งสองตัวนี้ พ่อของผมเพิ่งจับมาให้เมื่อวาน ... เพราะท่านรู้ว่า เจ้าจุกแดนไทชื่นชอบต่อการกินปลาดุก (สุก ๆ )  เป็นพิเศษ ..

 

พ่อและแม่รู้ดีว่าผมไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมายาวนานนักแล้ว   ,  แต่ท่านก็เข้าใจว่าลูกสะใภ้แสนเก่งกล้าหาญพอที่จะปลิดชีวิตของปลาดุกสองตัวนี้เพื่อกลายสภาพเป็นอาหารอันโอชะให้กับหลานชายสุดที่รักของท่านได้  และด้วยเหตุดังกล่าวนี้, ปลาดุกสองตัวจึงถูกนำลำเลียงใส่รถเก๋งคันโทรมวิ่งฝ่าลมฝนมาจากกาฬสินธุ์และถูกขังไว้อย่างเดียวดายที่มหาสารคาม

....

 

ทันทีที่ผมได้รับรู้ความรู้สึกของเธอเกี่ยวกับการไม่ปรารถนาปลิดชีพของปลาดุกทั้งสองตัว,  ...  ผมก็ถามย้ำความมั่นใจของเธออีกครั้ง  ซึ่งเธอก็ยังยืนยันเจตนารมณ์อันแน่วแน่ - ...

 

ผมตัดสินใจลุกขึ้นมาสวมเสื้อและคว้าเอากะละมังใบเล็กที่เจ้าปลาดุกทั้งสองตัวซุกนอนอย่างเงียบหงอยดุ่มเดินออกจากห้องครัว .  แต่ไม่ทันที่ผมจะก้าวเท้าออกพ้นประตูห้อง  เจ้าจุกแสนซนก็ร้องทักขึ้นว่า "สิเอาปลาแดนไป ไส...."

 

ผมหยุดชะงักอัตโนมัติ ... ตอนแรกนึกอะไรไม่ออก ... นิ่งเงียบอยู่สักพัก  ก่อนที่จะตอบอย่างฉะฉานให้ลูกชายได้ฟังว่า ..... "เอาไปปล่อย  เหลือโตนปลาดุก" ...

น้องแดนยิ่งดูนิ่งเงียบมากกว่าผม ... แต่ก็ไม่ทัดทานใด ๆ ..  ผมสรุปเองว่าการเงียบของแกคือการ "เห็นด้วย" ....

 

......

 

ผมเดินฝ่าสายฝนที่โปรยสายผ่านม่านมืดของค่ำคืนไปยังคลองน้ำที่อยู่ใกล้ที่พัก   เมื่อไปถึงที่หมายก็หยุดนิ่งสักครู่  จากนั้นก็ปล่อยปลาดุกทั้งสองลงสู่ท้องน้ำ

 

ผมไม่มีโอกาสได้เห็นว่าปลาสองตัวมีอาการเช่นไรกับอิสรภาพที่ได้คืนกลับไป ....  แต่ผมก็สุขใจที่ได้ทำเช่นนั้น

 

ผมไม่รู้ว่า "บาป" หรือไม่ที่เอาปลาของพ่อไปปล่อยทิ้งแทนที่จะทำเป็นอาหารให้ลูกชายได้ทานอย่างที่ท่านต้องการ -

 

แต่ที่แน่ ๆ  ผมรู้แต่เพียงว่า "สุขกาย สบายใจ"  เหลือเกิน .. 

 

หมายเลขบันทึก: 117488เขียนเมื่อ 6 สิงหาคม 2007 22:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)
  • มายิ้มๆๆ
  • เพิ่งเห็นฤทธิ์เดชกุมารน้อยสองตน
  • น่ารักมากแล้วจะเอาไปให้พี่อ้อย
  • เธออิจฉาเล่น
  • น่าจะได้บุญนะ
  • อย่าไปบอกพ่อท่านนะเดี๋ยวท่านน้อยใจ
  • พรุ่งนี้จะมีทีมคุณลิขิต ติดป้ายว่า UKM11 ขึ้นมาจะฝากทักทายให้หน่อยนะครับ
  • ขอบคุณมากๆๆครับสำหรับอาหารมื้อเย็นแสนอร่อย
  • พร้อมเสียงอันสนุกสนานของกุมารน้อย

ความถูกต้องหรือไม่ อยู่ที่จิตสำนึกของคนเรา ว่า มีความรู้สึกที่ดี ต่อเพื่อนร่วมโลกอยู่หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำสิ่งใดที่เป็น การช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกใบเดียวกันแล้ว สิ่งนั้นย่อมนำมาซึ่งความสุข ที่เงิน หรือ อะไร ก็ไม่สามารถซื้อได้

อนุโมทนากับกุศลเจตนาครั้งนี้ด้วย

สุข สงบ เย็น

เดียวดายกลางสายฝน

ได้บุญค่ะ เคยเข้าหมู่บ้านเพื่อปฎิบัติงาน แล้วพบคนจับ ปลามาขาย โดนเฉพาะปลาช่อน ท้องแก่ 4 ตัว แต่ใจนึกว่าจะซื้อสักตัวไปปล่อย แต่ขณะนั้น ก็เกิดความรู้สึกวูบขึ้นมา ถึง 3 ตัวที่เหลือ รู้สึกสงสารและแทนใจว่าถ้าเราเป็นผู้ไม่ถูกเลือกให้รอด จะรู้สึกอย่างไร เท่านั้นเอง จิตที่เกิดความเมตตา ก็ทำให้เหมาปลาและแถมด้วยสัตว์น้ำอื่น ที่เขาเตรียมไปเร่ขาย แล้วนำไปปล่อย ที่สะพานปลอดคน เห็นปลากระโดดสูง และไกลเป็นเมตร รู้สึกปลื้มไม่รู้ลืมเลยค่ะ

บุญจะเกิดก็ต่อเมื่อ

 

  • รู้ว่าปลานั้นมีชีวิตเหมือนเรา
  • มีจิตเมตตา
  • ปล่อยปลาเป็นอิสระจากที่คุมขัง
  • ปลานั้นมีชีวิตรอด
อนุโมทนา สาธุ กับ จิตอันเป็นกุศล ในครั้งนี้ด้วย สาธุ

เดี๋ยววันที่ 9 ส.ค. นี้ ดิฉันก็จะร่วมปล่อยปลาจำนวน 1 ล้านตัวด้วยค่ะ

ไม่ใช่ปลาดุกนะคะ เป็นปลากินพืชหลายๆชนิด

ปล่อยตอนบ่าย 2 โมง คิดว่าเป็นบุญแน่ๆค่ะ

อย่างน้อยๆก็บุญของปลาเหล่านั้นที่ไม่ต้องไปเป็นอาหารของคนอย่างเรา

แค่นี้ก็สบายใจแล้วค่ะ

  • สวัสดีครับ อ.ขจิต
    P
  • เป็นวันที่ทำงานเหนื่อย  แต่มีความสุข
  • ผมพยายามที่จะเรียนรู้การทำงานอย่างมีความสุขเหมือนที่ อ.ขจิตกำลังเป็นอยู่
  • ส่วนกุมารน้อย  นั่นน่าจะสำแดงฤทธิ์แต่พอสังเขปนะครับ  ,  ถ้าเต็มที่เมื่อไหร่มีหวังร้านอาหารถล่มทลายเป็นแน่
  • .....
  • ขอให้วันนี้เป็นอีกวันที่ อ.ขจิต มีความสุขกับการงานแห่งสาธารณะ นะครับ
  • เชื่อเลยว่า "เลือดกิจกรรม"  ยังคงเต็มล้นอยู่ในจิตวิญญาณของอาจารย์อย่างไม่เปลี่ยนแปลง

อิอิอิ  หัวจุกไม่ว่าอะไรซักคำเลยเหรอคะ มีแต่อาการอึ้งๆ

ปล่อยปลาน่ะคิดว่าคงได้บุญค่ะ แต่อย่างที่อ.ขจิตว่า อย่าบอกพ่อปู่นะคะ เดี๋ยวท่านเสียใจ  เพราะนั่นเป็นอาหารอันโอชะของหลานชายสุดที่รักของท่าน อิอิอิ

  • สวัสดีค่ะ คุณแผ่นดิน ..

เรื่องนี้ของคุณ  ..ทำให้ต้อมนึกถึงบางเรื่องขึ้นมา

เรื่องแรก .. เมื่อหลายวันก่อน  จำได้ติดตามาก  แม่เอาปลาดุกตัวเป็น ๆ เข้าบ้านซึ่งตอนนั้นต้อมไม่รู้    อยู่ในห้องก็ได้ยินเสียงดังโครมครามในห้องครัวก็วิ่งออกมาดู  พบปลาดุกตัวเขื่องอยู่ในถุงก้อปแก๊บ   ยังดิ้นพล่านอยู่เลย  ก็รู้สึกแย่  แต่ไม่รู้จะทำไง  ระหว่างเอาไปปล่อยที่บ่อน้ำหน้าบ้านหรือหาอะไรมาครอบไว้เพราะกลัวแม่จะว่า    แล้วสิ่งที่ไม่น่าจะให้อภัยตัวเองเลยก็คือต้อมเลือกหนทางหลัง   เอาฝาหม้อมาครอบไว้   แล้ววิ่งหนีเข้าห้องด้วยความรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย    แต่ก็ต้องวิ่งกลับมาดูอีกหลายรอบเพราะปลาดุกตัวนั้นดิ้นแรงจนฝาหม้อครอบไม่อยู่    มันเป็นความรู้สึกที่แย่จริง ๆ นะคะ   ถ้าย้อนเวลากลับไปได้  ต้อมจะเอาไปปล่อย  แต่ในความจริงก็คือเราไม่สามารถจะย้อนเวลากลับไปเพื่อแก้ไขอะไรได้    มันก็เลยติดอยู่ในความรู้สึกอย่างนี้

เรื่องที่สอง .. ทำให้นึกถึงพ่อ   พ่อต้อมเป็นครูที่ใจดีมาก ๆ   มักจะซื้อกุ้ง  หอย  ปู ปลา กบ เขียด  นก ที่ชาวบ้านนำมาขาย ไปปล่อยอีกที    แม้ก่อนวันที่จะจากไปก็ได้บอกให้คนสวนปล่อยนกที่บินมาติดตาข่าย   

 

 

  • แวะมาซึมซับความรู้สึกดีๆ...
  • อ่านจบ รู้เพียงว่า...สุขและสบายใจไปด้วยเลยจริงๆ ...
  • และคืนนั้น คุณก็นอนหลับอย่างเป็นสุข...ดีใจด้วยค่ะ...เสมือนได้ปลดปล่อยอิสรภาพให้ตัวเอง

  • สวัสดีครับ
    P
  • การเป็นผู้ให้ที่ดีและการเป็นผู้รับที่ดี น่าจะเป็นกุยแจอันสำคัญของการดำรงอยู่ในโลกใบนี้
  • และแนวคิดเช่นนี้ก็ถือได้ว่า .. เป็นธรรมะที่จะช่วยให้คนเราเห็นค่าและความสำคัญของการพึ่งพิงกันและกัน
    .....
  • สำหรับประเด็นนี้,  ความถูกต้องหรือไม่ อยู่ที่จิตสำนึกของคนเรา ผมอาจเทียบความจากชีวิตจริงของผมก็คือ  ผมไม่เคยลังเลที่จะครุ่นคิดถึงข้อเท็จจริงแห่งการให้ว่าจริงหรือเท็จ  เช่น  ผมชอบซื้ออาหารให้ช้าง โดยไม่คำนึงว่า  ควรหรือไม่ควร ... หรือแม้แต่ขอทานผมก็หยิบยื่นให้อย่างไม่ลังเลถึงข้อเท็จจริง
  • เพราะผมมีความรู้สึกมีความสุขที่ได้ทำเช่นนั้น  ขืนคิดมากก็ดูจะเป็นทุกข์กับการให้ ...
  • ....
  • ขอบคุณแนวคิดที่ดีและเติมเต็มบันทึกนี้ได้อย่างลงตัวนะครับ

ความถูกต้องหรือไม่ อยู่ที่จิตสำนึกของคนเรา ว่า มีความรู้สึกที่ดี ต่อเพื่อนร่วมโลกอยู่หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำสิ่งใดที่เป็น การช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกใบเดียวกันแล้ว สิ่งนั้นย่อมนำมาซึ่งความสุข ที่เงิน หรือ อะไร ก็ไม่สามารถซื้อได้

 

  • สวัสดีครับ คุณบุญรุ่ง
  • ทันทีที่ผมอ่านบันทึกสั้น ๆ ของคุณบุญรุ่งแล้ว  ผมเห็นภาพที่ชัดเจนของเรื่องที่เล่าและพลอยสัมผัสกับความสุขนั้นด้วยราวกับตนเองเป็นผู้กระทำ หรือปฏิบัติเสียเอง
  • การได้ปลดปล่อยชีวิตใดชีวิตหนึ่งออกไปสู่เสรีภาพ   เป็นเสมือนเราได้ปลดปล่อยตัวเองจากห้วงทุกข์เช่นกันกระมังครับ
  • ผมขออนุญาตนำบันทึกสั้น ๆ ของคุณบุญรุ่งมากล่าวซ้ำอีกรอบนะครับ  

พบคนจับ ปลามาขาย โดนเฉพาะปลาช่อน ท้องแก่ 4 ตัว แต่ใจนึกว่าจะซื้อสักตัวไปปล่อย แต่ขณะนั้น ก็เกิดความรู้สึกวูบขึ้นมา ถึง 3 ตัวที่เหลือ รู้สึกสงสารและแทนใจว่าถ้าเราเป็นผู้ไม่ถูกเลือกให้รอด จะรู้สึกอย่างไร เท่านั้นเอง จิตที่เกิดความเมตตา ก็ทำให้เหมาปลาและแถมด้วยสัตว์น้ำอื่น ที่เขาเตรียมไปเร่ขาย แล้วนำไปปล่อย ที่สะพานปลอดคน เห็นปลากระโดดสูง และไกลเป็นเมตร รู้สึกปลื้มไม่รู้ลืมเลยค่ะ

  • ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน ขอบคุณที่ตอบกระทู้มาและกล่าวว่าบทความของดิฉันทำให้คุณรู้สึกดีไปด้วย คุณเองก็เช่นกันค่ะ อ่านแล้วสร้างความรู้สึกดีๆเช่นกัน จะช่วยเป็นกำลังใจให้ผู้ที่คิดทำความดีทุกคนค่ะ

  • สวัสดีครับ  ครูเสือ
    P
  • อันที่จริงผมก็ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนมากหรอกนะครับ   เพราะรู้สึกว่าทำแล้วสบายใจ  ผมก็ทำโดยไม่ลังเล
  • รู้มาบ้างว่าครูเสือ  โดนพ่อครูบาฯ  ช่วยตั้งชื่อใหม่ให้เหรอครับ

สวัสดีครับ

P

ผมเข้าใจดีนะครับว่าการให้.. ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรซับซ้อนมาก  ไม่งั้นแทนที่จะเป็นการให้ที่มีความสุขก็จะกลายเป็นการให้ที่เกิดทุกข์  เพราะเกิดจากความไม่ปล่อยวาง

ผมขออนุโมทนากับการปล่อยปลาครั้งนี้ด้วยคนนะครับ

สาธุ  สาธุ  สาธุ

สวัสดีครับ

P

ความยิ่งใหญ่ของชีวิต คือ การได้เป็นผู้ให้ .. และการให้ ก็คือความสุขอันยิ่งใหญ่ของชีวิตเช่นกัน

ขอบคุณครับ....

และขอให้มีความสุขกับการเป็นผู้ให้เสมอไป..

ผมเป็นกำลังใจให้

น้องนุ้ย...

P

เจ้าจุกมองตามแบบสงสัย  แกคงกำลังทำความเข้าใจกระมังว่า  เอามาให้กิน  แล้วทำไมเอาไปปล่อย  แต่ที่สุดแล้วแกก็เข้าใจนะว่า "สงสาร..."

 

สวัสดีครับ คุณต้อม

P

สบายดีนะครับ,

แทบไม่น่าเชื่อว่าบันทึกนี้จะสะกิดให้หลายท่านหวนคิดถึงเรื่องราวในทำนองเดียวกันนี้  และดูจะเป็นการหวนคิดที่ระคนหม่นเศร้าอยู่ไม่น้อย

เรื่องแรกที่คุณต้อมเล่านั้น  ผมเข้าใจสภาพเช่นนั้นดี  เพราะตนเองก็ประสบพบเจอมานักต่อนักแล้ว  โดยเฉพาะในวัยเด็กที่พี่ชายไปจับปลามาได้ก็มักจะมาขังไว้ในหม้อเล็ก ๆ  และทั้งคืนผมก็จะได้ยินเสียงปลาดิ้นอยู่อย่างไม่รู้จบ  การดิ้นในแต่ละครั้งก็ทำเอาผมรู้สึกสะท้อนสะเทือใจไปด้วย 

ส่วนพ่อก็มักจะเอาปลาที่จับมาได้ขังไว้ในตุ่มน้ำ  เพราะลดปัญหาเรื่องการดิ้น  หรือแม้แต่การเลี้ยงไว้ประกอบอาหาร

พ่อเคยบอกว่า  การจับปลามาเพื่อประทังชีวิตไม่ใช่เรื่องบาป  แต่ถ้าจับมาทำเล่น ๆ  ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ  ... พฤติกรรมเช่นนั้นถือว่าไม่เหมาะสมและเป็นการกระทำบาปอย่างไม่น่าให้อภัย

แต่สำหรับแม่แล้ว,  ท่านหยุดการฆ่าสัตว์เพื่อประกอบอาหารมาลายปีแล้ว

...

ขอให้คุณต้อมลบเลือนภาพบรรยากาศเช่นนั้นได้ในเร็ววัน  หรือถ้าไม่สามารถลืมเลือนมันได้  ก็ให้ระลึกถึงในแง่งามของชีวิตแทนนะครับ

ผมเป็นกำลังใจให้

สวัสดีครับ คุณแหวว

P

คืนนั้นก็เป็นดังที่คุณแหววพยากรณ์อย่างไม่ผิดเพี้ยน  ภายหลังผมปล่อยปลาเสร็จแล้ว  ก็กลับมานอนพักหลับฝันอย่างเป็นสุข 

เฉกเช่นคำกล่าวของคุณแหววว่า เสมือนได้ปลดปล่อยอิสรภาพให้ตัวเอง

...

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ คุณบุญรุ่ง

ผมขอแบ่งปันความสุขอันเป็นกุศลจากบันทึกนี้ไปสู่กัลยาณมิตรชาวบล็อกทุกท่านนะครับ...

และขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการเป็นผู้ให้และปลดปล่อยชีวิตสู่อิสระภาพดังที่ควรจะเป็น ..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท