อาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ถือว่ามีความสำคัญยิ่งเพราะมีความเกี่ยวข้องตั้งแต่เริ่มต้นจนจบหลักสูตร อาจารย์ควบควบคุมวิทยานิพนธ์เป็นเสมือนไฟส่องทางหรือสื่อที่จะสามารถถ่ายทอดความคิด ความรู้และคำตอบของประเด็นปัญหาที่นิสิต นักศึกษาได้ทำการวิจัยค้นคว้า โดยทั่วไปแล้วการเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์แต่ละสถาบันมีหลักเกณฑ์ไม่เหมือนกัน แต่จะไม่แตกต่างกันมาก การเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้กระบวนการทำวิทยานิพนธ์ของนิสิต นักศึกษามีความราบรื่นยิ่งขึ้น ทำให้ประสบความสำเร็จในการทำวิทยานิพนธ์ คุณลักษณะของอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์หรืออาจารย์ที่ปรึกษา(Advisor) ที่เลือกต้องสอดคล้องกับเรื่องที่นิสิต นักศึกษาสนใจ นอกจากนี้ก่อนการเลือก นิสิต นักศึกษาควรเข้าพบ ทาบทามอาจารย์มาเป็นที่ปรึกษา ซึ่งบางครั้งอาจารย์อาจจะไม่รับเป็นที่ปรึกษาก็ได้ ด้วยเหตุผลที่ว่า อาจารย์ท่านนั้นไม่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องที่นิสิต นักศึกษาทำหรืออาจารย์รับเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ครบแล้วและอาจารย์ไม่มีเวลาในการให้คำปรึกษา การศึกษาลักษณะอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ก่อนจึงเป็นเรื่องสำคัญ ลักษณะสำคัญที่สุดของอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ คือ รู้ขั้นตอนการทำวิทยานิพนธ์ มีเวลาให้นิสิต นักศึกษา จริงใจต่อนิสิต นักศึกษาและมีความรู้ความสามารถ รวมถึงด้านบุคลิกภาพ ล้วนแต่เป็นสิ่งสำคัญยิ่งขององค์ประกอบที่จะทำให้วิทยานิพนธ์มีคุณภาพและประสบความสำเร็จตามเวลาที่กำหนดไว้ได้
หลักเกณฑ์ในการเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์
วิทยานิพนธ์จะประสบความสำเร็จได้นั้น บางครั้งต้องขึ้นอยู่กับอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ เป็นสำคัญถ้านิสิต นักศึกษาได้อาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่ดี การทำวิทยานิพนธ์มีความสำเร็จไปแล้วเกือบครึ่ง ในทางกลับถ้าได้อาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ไม่มีคุณภาพการจะทำวิทยานิพนธ์จะเสร็จสมบูรณ์มีคุณภาพนั้นเป็นไปได้ยาก ดังนั้นนิสิต นักศึกษาจะเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ ควรพิจารณาหลักเกณฑ์ดังนี้
1. รู้ขั้นตอนการทำวิทยานิพนธ์
โดยทั่วไปแล้วแต่ละสถาบันจะมีรูปแบบและขั้นการทำวิทยานิพนธ์ไม่แตกต่างกันมากนัก
จะแตกต่างกันตรงรายละเอียดบางหัวข้อหรือบางประการเท่านั้น
ดังนั้นการเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการทำวิทยานิพนธ์ตามคู่มือการเขียนวิทยานิพนธ์ของสถาบัน
ข้อบังคับ
ระเบียบและประกาศของมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาแล้ว
จะสามารถให้คำแนะนำที่ถูกต้องแก่นิสิต นักศึกษา ได้เป็นอย่างดี
ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้านิสิต
นักศึกษาได้รับการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการทำวิทยานิพนธ์ที่ถูกต้องแล้ว
จะทำให้สามารถวางแผนล่วงหน้าก่อนลงมือทำจริงได้ชัดเจน
มีกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจนเมื่อใดจะเริ่มทำอันไหนก่อน-หลัง
รวมทั้งสร้างนิสัยของนิสิต นักศึกษา
ให้ทำงานเป็นระบบมากขึ้น
2.
ความรู้ความสามารถของอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์
การเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีความรู้ความสามารถจะทำให้การทำวิทยานิพนธ์ของนิสิต
นักศึกษาประสบความสำเร็จง่ายยิ่งขึ้น
ถือว่าปัจจัยสำคัญยิ่งอีกประการหนึ่งที่ขาดไม่ได้
ในทางกลับกันถ้านิสิต
นักศึกษาเลือกอาจารย์ที่ไม่มีความรู้ความสามารถในเรื่องที่ทำ
จะทำให้งานวิทยานิพนธ์ออกมามีคุณภาพน้อยและจะมีปัญหาในการดำเนินการทำวิทยานิพนธ์
การเขียนวิทยานิพนธ์ การสอบเค้าโครงและการสอบปากเปล่าด้วย
สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาที่นิสิต นักศึกษาไม่อยากให้เกิดขึ้น
สิ่งที่ต้องการให้มีคือต้องการอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีความรู้ความสามารถ
สามารถให้คำปรึกษา คอยชี้แนะ
ช่วยเหลือเวลาขึ้นสอบเค้าโครงวิทยานิพนธ์และสอบปากเปล่า
ซึ่งบุญชม ศรีสะอาด(2544 : 31) กล่าวว่า
ลักษณะอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่นิสิต
นักศึกษาต้องการมากด้านความรู้ความสามารถคือ
2.1
มีความรู้ในเรื่องที่นิสิตทำวิทยานิพนธ์
2.2
มีประสบการณ์ในการทำวิทยานิพนธ์
2.3
มีความรู้ความสามารถในด้านสถิติ
สามารถชี้แนะแนวทางการเลือกใช้สถิติได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมตามข้อตกลงเบื้องต้นของสถิติ
ไม่ฝ่าฝืนข้อตกลงเบื้องต้นของสถิตินั้น
รวมทั้งสามารถให้คำปรึกษา
แนะนำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ด้วย
2.4
มีความรู้ในการวิจัยประเภทต่าง ๆ เช่น
วิจัยเชิงปริมาณและวิจัยเชิง
คุณภาพ เป็นต้น
2.5
รู้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลในการทำวิจัย
2.6
ให้คำแนะนำเกี่ยวกับรูปแบบวิทยานิพนธ์ การเรียบเรียงภาษา
การเรียงลำดับหัวข้อ
การใช้ภาษาที่เป็นแนวเดียวกันและแหล่งศึกษาค้นคว้าข้อมูลได้
2.7
สามารถเลือกหัวข้อวิทยานิพนธ์เพื่อให้นิสิต
นักศึกษาเลือกได้
2.8
สามารถชี้ปัญหาในการทำวิจัยได้อย่างชัดเจนและถูกต้อง
2.9
เป็นผู้มีตำแหน่งทางวิชาการ(ผศ.
รศ.)และเป็นที่ยอมรับในวงวิชาการ มีความรู้รอบตัว
2.10 สามารถให้คำแนะนำ
เพื่อหลีกเลี่ยงหรือแก้ไขปัญหาในการทำวิทยานิพนธ์
3. เวลา
การเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีเวลาให้คำปรึกษาเป็นสิ่งประเสริฐอย่างยิ่งและที่สำคัญ
การตรงต่อเวลา มีความรับผิดชอบสูง ไม่เลื่อนนัดมากจนเกินไป
จนทำให้แผนการดำเนินการทำวิทยานิพนธ์ล้ม
ดังนั้นเวลาของอาจารย์จึงเป็นสิ่งสำคัญ
เมื่อถึงเวลานัดหมายแล้วอาจารย์ให้คำปรึกษามากน้อยเท่าใด
และอาจารย์นัดหมายให้พบกี่ครั้ง
การที่อาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์มีเวลามากเท่าใดยิ่งดีสำหรับนิสิตที่ไม่มีความรู้พื้นฐานทางการวิจัยและไม่เคยทำงานวิจัยมาก่อน
เพราะจะได้ขอคำปรึกษาทั้งกระบวนการ
ระเบียบวิธีวิจัยและการเลือกใช้สถิต เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ต้องได้รับคำปรึกษา ขอคำชี้แนะจากอาจารย์ที่ปรึกษา
เวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการทำวิทยานิพนธ์ให้ประสบความสำเร็จ
แต่กระนั้นเมื่ออาจารย์มีเวลาให้กับนิสิตเต็มที่
นิสิตควรฉกฉวยโอกาสให้ได้มากที่สุด
ไม่ควรจะปล่อยเวลาให้สูญเสียโดยเปล่าประโยชน์
จะพบว่ามีกรณีตัวอย่าง เช่น
นิสิตส่วนมากคิดว่าค่อยไปเร่งช่วงสุดท้าย
ซึ่งบางครั้งทำให้อาจารย์ไม่มีเวลาและจะส่งผลเสียต่อนิสิตโดยตรงและทางอ้อม
เพราะนิสิต
นักศึกษาคิดว่าอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์คงจะมีเวลาให้คำปรึกษาตลอดเวลา
ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ใช่และที่สำคัญนิสิต
นักศึกษาควรทำตารางนัดหมาย รายละเอียดศึกษาได้ในบทที่ 8
4. ความจริงใจ
นิสิต
นักศึกษาควรเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีความจริงใจต่อนิสิต
ทั้งนี้เพราะจะต้องทำงานร่วมกับอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ตลอดระยะเวลาที่ทำวิทยานิพนธ์
จึงควรเลือกอาจารย์ที่ให้ความสำคัญกับงานวิทยานิพนธ์อย่างจริงใจ
ไม่ปิดปังและสามารถอุทิศเวลาให้คำปรึกษาอย่างเต็มที่ไม่หน่วยเหนี่ยว
กีดกันไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมให้นิสิต
นักศึกษาเสียเวลาและทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก เช่น
การตรวจงานวิทยานิพนธ์ไม่ควรจะล้าช้าเกินเวลาที่ควรจะเป็นหรือการลงนามเซ็นแบบฟอร์มต่าง
ๆ
5. บุคลิกภาพ
ถือว่ามีความสำคัญยิ่งเช่นเดียวกัน
บุคลิกภาพของอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์เป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมให้นิสิต
นักศึกษามีกำลังใจในการทำงาน สร้างแรงจูงใจในการทำวิทยานิพนธ์
ซึ่งมีกรณีตัวอย่างหลายครั้งที่นิสิต นักศึกษาทำวิทยานิพนธ์ไม่สำเร็จ
เพราะบุคลิกภาพและนิสัยใจคอเข้ากันไม่ได้
ทำให้การทำงานเกิดความขัดแย้งส่งผลเกิดความเบื่อหน่ายในการทำวิทยานิพนธ์มากที่สุดและสิ่งที่เลวร้ายที่สุด
คือเปลี่ยนอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ ส่งผลเสียทำให้เสียเวลา
เสียเงินและกำลังงานต้องมานับหนึ่งใหม่อีกครั้ง
จากการสำรวจโดยทั่วไปแล้วบุคลิกภาพอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่นิสิต
นักศึกษาต้องการ คือ มีความเสียสละ
มีความเป็นกันเองไม่ถือตัว
ใจกว้างยอมรับฟังความคิดเห็นของนักศึกษาและผู้อื่น
สื่อความหมายกับนิสิต นักศึกษาได้ชัดเจน มีความรอบคอบ
ไม่ดูถูกเหยียดหยาบความรู้ความสามารถของนิสิต นักศึกษา
มีความยุติธรรมไม่ลำเอียงกับนิสิต นักศึกษา
คนใดคนหนึ่ง ตัดสินใจได้รวดเร็วและถูกต้องตามหลักการ
เหตุผลของกระบวนการทำวิทยานิพนธ์
แยกแยะเรื่องส่วนตัวและเรื่องการทำงานให้ชัดเจน
ดังนั้นนิสิต
นักศึกษาควรเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีบุคลิกภาพดี
6. ความสนใจในหัวข้อวิทยานิพนธ์
การที่อาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์มีความสนใจหัวข้อวิทยานิพนธ์ที่นิสิต
นักศึกษาศึกษา ก็จะทำให้งานวิจัยมีความสำเร็จและมีคุณภาพมากขึ้น
ทั้งนี้เพราะอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์มีความอยากรู้อยากเห็นผลการวิจัยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
อาจารย์จะมีเอาใจใส่ดูงานให้นิสิต
นักศึกษาและให้ความช่วยเหลือมากยิ่งขึ้น
ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้วิทยานิพนธ์ประสบผลสำเร็จได้
ดังนั้นนิสิต นักศึกษา
ควรเลือกหัวข้อที่น่าสนใจไม่ซ้ำงานที่เคยทำมาแล้วหรือเลือกหัวข้อที่มีความใกล้เคียงกับความเชี่ยวชาญของอาจารย์ด้วย
7. ลักษณะการทำงาน
นิสิต
นักศึกษาต้องเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีความพร้อมที่เต็มใจเป็นที่ปรึกษาให้จริง
ๆ มีลักษณะการทำงานที่จะอุทิศเวลาให้วิทยานิพนธ์ที่ตนรับผิดชอบ
ตรงต่อเวลาที่นัดหมายซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะจะทำให้นิสิต
นักศึกษา สามารถวางแผนการทำงานล่วงหน้าก่อนลงมือทำจริงได้ชัดเจน
นอกจากนี้อาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ต้องมีความสามารถในการชี้แจงเรื่องที่นิสิต
นักศึกษาสงสัย
เกิดข้อข้องใจและมีความกระตือรือร้นที่จะร่วมงานกับนิสิตอย่างเต็มใจ
และสิ่งที่นิสิต
นักศึกษาต้องหลีกเลี่ยงอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่มีลักษณะการทำงานได้มาตรฐานต่ำ
กล่าวคือ
ประเมินงานวิทยานิพนธ์ง่ายหรือไม่ตรวจรายละเอียดงานเลยแต่ให้ผ่าน
ซึ่งนิสิต นักศึกษาบางคนอาจจะพอใจ
วิทยานิพนธ์สำเร็จตามที่กำหนดไว้แต่บางครั้งอาจจะไม่ประสบความสำเร็จตามมุ่งหวังไว้
เพราะอาจจะมีปัญหาในการขั้นตอนการสอบปากเปล่าวิทยานิพนธ์
จะทำให้นิสิตไม่สามารถตอบคำถามของกรรมการหรือสอบไม่ผ่านได้
ที่สำคัญงานวิทยานิพนธ์ของนิสิต นักศึกษาด้อยคุณภาพ
8. ทัศนะต่อการทำวิทยานิพนธ์
ทัศนคติต่อการทำวิทยานิพนธ์ก็มีผลต่อการทำวิทยานิพนธ์
เช่นเดียวกัน ถ้านิสิต นักศึกษา และอาจารย์มีทัศนคติทางบวกว่า
การทำวิทยานิพนธ์จะช่วยพัฒนาความรู้ความสามารถของนิสิต นักศึกษา
ทั้งการทำวิจัย ช่วยพัฒนาบุคลิกภาพ
จะช่วยให้การทำวิทยานิพนธ์มีความสำเร็จมากขึ้น เพราะได้แรงเสริมทางบวก
เมื่อเจออุปสรรคในขั้นตอนการทำวิทยานิพนธ์ ไม่ว่าจะเป็น
การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลและการสอบปากเปล่า
อุปสรรคเหล่านี้จะไปผ่านไปและแก้ปัญหาได้เพราะทัศนคติทางบวกต่อวิทยานิพนธ์นั้นเอง
ในทางตรงข้ามถ้าเกิดอาจารย์หรือนิสิต
นักศึกษามีทัศนคติที่ไม่ดีแล้ว ความเบื่อหน่าย
ความท้อแท้จะเข้ามาแทนที่ทำให้เกิดความล้าช้าในทำวิทยานิพนธ์ตามเวลาที่กำหนดที่ไว้
จะเห็นได้จากตัวอย่างในปัจจุบัน ที่นิสิต
นักศึกษาไม่จบการศึกษาตามเวลากำหนด
หรือจำเป็นต้องเปลี่ยนเรียนสาขาใหม่
ซึ่งเหล่านี้เกิดจากทัศนคติที่ไม่ดีต่อวิทยานิพนธ์
เมื่อนิสิต
นักศึกษาได้เลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์หรือทราบว่าได้อาจารย์ท่านใดท่านหนึ่งเป็นที่ปรึกษาแล้ว
นิสิต นักศึกษาก็ควรติดต่อ ขอคำปรึกษา อย่างเร่งด่วน
ทั้งนี้เพื่ออาจารย์และนิสิต นักศึกษาจะมีพูดคุย ซักถาม
ซึ่งอาจมีความคิดเห็นแตกต่างกัน
คนละแนวทางกันได้เสมอ
อย่างไรก็ตามพึงระมัดระวังอย่าให้ความคิดเห็นไม่สอดคล้องกันกลายเป็นความขัดแย้งส่วนตัว
เมื่อใดก็ตามที่ นิสิต นักศึกษารู้สึกว่าความคิดเห็น /
ข้อเสนอแนะของตนไม่ได้รับความสนใจจากอาจารย์ที่ปรึกษา
ควรพยายามเข้าพบเพื่อหารือเรื่องนี้อย่างจริงจังกับอาจารย์ที่ปรึกษาทันที
พึงระลึกไว้เสมอว่าเมื่อเริ่มมีปัญหากับอาจารย์ที่ปรึกษา
ต้องคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาโดยเร็ว
อย่าปล่อยให้ความคิดเห็นหรือทัศนะที่ไม่สอดคล้องกันพัฒนาไปเป็นความขัดแย้งหรือเป็นปรปักษ์กัน
อย่างไรก็ตามถึงแม้นิสิต
นักศึกษาจะเลือกอาจารย์ควบคุมวิทยานิพนธ์ที่ดีที่สุดแล้ว
แต่ถ้านิสิต
นักศึกษาไม่มีความรับผิดชอบในการทำวิทยานิพนธ์
สุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จเหมือเดิม ดังนั้นต้องเริ่มจากนิสิต
นักศึกษาเป็นสำคัญ เพราะเป็นผู้ทำวิทยานิพนธ์นั้นเอง
ทองสง่า ผ่องแผ้ว 6/08/2550
ไม่มีความเห็น