Health Tips


การขับถ่ายอุจจาระไม่เป็นเวลา ใครคิดว่าไม่สำคัญ

    คุณเป็นคนหนึ่งหรือไม่ที่ขับถ่ายไม่คอยเป็นเวลา  โดยเฉพาะช่วงเช้า
น่ะคะ...ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ขับถ่ายไม่ค่อยเป็นเวลานัก  และมักมีความหวาดกลัวที่สุดก็คือ  "โรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่"  ดังนั้นดิฉันจึงมักจะศึกษาจากเอกสาร  อินเตอร์เน็ต  วารสาร  และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ  ตลอดเวลา เกี่ยวกับเรื่องโรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่  และเอกสารทุกฉบับมักจะกล่าวว่าโรคนี้  เกิดจากพฤติกรรมการกิน  และการขับถ่ายไม่ตรงเวลา ....ถ้าคุณคือบุคคลที่ขับถ่ายไม่ตรงเวลา  ดิฉันได้นำความรู้มาฝาก ขอให้คุณอ่านตรงนี้สักนิด   เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ  
      คุณรู้หรือไม่ว่า  ช่วงเวลา   05.00 - 07.00  น. เป็นเวลาสำคัญของลำไส้ที่จะทำหน้าที่ของตนเองได้ดีที่สุด  ถ้าคุณไม่ได้ขับถ่ายอุจจาระแล้วปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาถึง  07.00 - 09.00  น.  ซึ่งเป็นเวลาของกระเพาะอาหาร  โดยที่คุณยังไม่ยอมกินอาหารเช้าอีก  อุจจาระจากลำไส้ที่ไม่ได้ถูกขับถ่ายออกไปจะถูกบีบต้วขึ้นมาจากลำไส้ใหญ่  ผ่านลำไส้เล็กมาที่กระเพาะอาหาร  แล้วก็จะถูกดูดซึมเข้าในกระแสเลือดอีกครั้ง   ในอุจจาระเก่ามีแก๊สที่เสียแล้ว  ซึ่งเกิดจากการบูดเน่าโดยอุณหภูมิของร่างกายซึ่งมีความร้อนที่  37  องศาเซลเซียสอยู่ตลอดเวลา  ร่างกายของเราไม่เหมือนกับตู้เย็นที่สามารถถนอมอาหารได้นาน  เพราะฉะนั้น  แก๊สพิษเหล่านี้จะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด  ผลคือทำให้เลือดที่ไหลเวียนในร่างกายของเราเป็นเลือดที่ไม่สะอาด
และเมื่อเลือดที่ไม่สะอาดไหลเวียนไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย  ไม่ว่าจะไหลผ่านสมอง  หัวใจ  ปอด  ม้าม  ตับ  ผิวหนัง  ก็จะทำให้ทุกส่วนได้รับพิษจากแก๊สนี้ไปด้วย

         ผลเสีย   ที่คุณจะได้รับ   คือ

                        1. ก่อนเที่ยงถึงบ่าย  คุณจะรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนเพราะเลือดไม่สะอาดไปเลี้ยงหัวใจๆ  ก็จะอ่อนล้า  ไม่สดชื่น

                        2.  มีกลิ่นตัว  กลิ่นปาก  ก็มาจากเลือดไม่สะอาดไปเลี้ยงปอด  ปอดก็จะขับออกทางผิวหนังและลมหายใจ  ซึ่งตัวคุณเองจะไม่ค่อยได้กลิ่น  แต่คนอื่นจะได้กลิ่น

                        3. ถ้าปล่อยไว้ไม่ขับถ่ายในช่วงเวลา 05.00 - 07.00  น.
นานๆ เข้าเป็นระยะเวลาหลายๆ ปี  สมองก็จะไม่ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์   เมื่อแก่ตัวความจำก็อาจจะเสื่อมเร็วกว่าคนที่ถ่ายในเวลาปกติ

       วิธีแก้ 

                 -  พยายามขับถ่ายระหว่างเวลา  05.00 - 07.00  น.  ให้เป็นนิสัย  ถ้าไม่ขับถ่ายให้ทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารมากๆ  ได้แก่  ผัก  ผลไม้ต่าง ๆ      กรณีที่ไม่สามารถทานได้ก็ควรเสริมด้วยผลิตภัณฑ์อาหารเสริมประเภทเส้นใยอาหาร  และหากเป็นไปได้   ควรทานขมิ้นชันเป็นประจำเพื่อบริหารลำไส้ใหญ่  และควรกินอาหารเช้าทุกวันระหว่าง   07.00 - 09.00  น.

        สำหรับดิฉันได้หันมารับประทานผลไม้ที่มีเส้นใยอาหารมากๆ   และผักผลไม้  อาหารชีวจิต ธันยพืชมากๆ   และโปรตีนจากพืช  เช่น ถั่ว  น้ำเต้าหู้  และพยายามงดอาหารประเภทเนื้อสัตว์ใหญ่  เช่น  เนื้อ  หมู   ไก่   ถ้าจะกินโปรตีนจากสัตว์ก็จะเป็นจำพวกเนื้อปลา    เมื่อดิฉันได้ปฏิบัติตามนี้มีความรู้สึกว่าการขับถ่ายของดิฉันดีขึ้นมาก  และได้ฝึกการขับถ่ายให้อยู่ในช่วงระหว่างเวลา  05.00 - 07.00  น  ได้เป็นปกติแล้ว  อยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีจึงนำสิ่งดีๆ  มากฝากกัน

                                ขอบคุณค่ะ.........แล้วพบกันใหม่นะคะ

 

 

                      

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 117120เขียนเมื่อ 5 สิงหาคม 2007 15:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 22:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีครับ

สาเหตุของมะเร็งลำไส้มีหลายอย่าง เช่น เกิดอาการอักเสบในลำไส้ เป็นระยะเวลานาน ต่อเนื่อง การได้รับเชื้อบางชนิดที่อยู่ในลำไส้ กระตุ้นอาการอักเสบ

ข้อควรปฏิบัติ คือ การกินอาหารให้ตรงเวลา กินผักและผลไม้จะทำให้มีกากอาหาร ช่วยย่อย

อาจดื่มน้ำมากๆ ในช่วงเช้าหลังตื่นนอน เริ่มจาก 200 ซีซี แล้วเพิ่มจำนวน จน ถึง 500-1000 ซีซี (ตามความสามารถ) จะทำให้ช่วยในการขับถ่ายทั้งปัสาวะและอุจารระ และทำให้ท้องไม่ผูกได้ครับ

สวัสดีค่ะ......ท่านผศ.  เพชรรากร  
              ก่อนอื่นต้องขอโทษด้วยนะคะ...ที่ตอบท่าน
ช้าไปหน่อย  เนื่องจากมีปัญหาเรื่องคอมพิวเตอร์ต้องเข้าร้านซ่อม  จึงไม่มีโอกาสได้เข้ามาขอบพระคุณท่านผศ.   ที่ท่านได้ให้คำแนะนำ....ซึ่งเป็นประโยชน์
ต่อตัวดิฉัน   และผู้ที่มีปัญหาเรื่องมะเร็งลำไส้ มาก
               ดิฉันจึงขอขอบพระคุณมา  ณ  โอกาสนี้ด้วย
ถ้ามีคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพอื่นๆ  ช่วยแนะนำด้วยนะคะ ............ดิฉันจะคอยติดตามดูค่ะ   
                           

สงสัยนะคะ

 ได้ยินมาว่า ระบบทางเดินอาหารของคนเราจะไม่ปล่อยให้ของเสียไหลย้อนกลับ

 ไม่ทราบว่าทำไมอุจจาระถึงได้ถูกบีบตัวกลับขึ้นไปที่กระเพาะอาหารได้คะ เคยได้ยินมาว่า ของเสียจะหมักหมมอยู่ที่ปลายลำไส้ใหญ่ซึ่งจะดูดซึมน้ำและสารอาหาร (ที่แทบจะไม่มีเหลือแล้ว) เข้าสู่กระแสเลือด ฉะนั้น กากอาหารที่จะเป็นอุจจาระจะไม่ได้ถูกบีบตัวให้ไหลย้อนกลับ แต่เป็นน้ำที่อยู่ในกากอาหารที่ไม่ได้ขับออกไปเป็นพิษเข้าสู่กระแสเลือดมากกว่ารึเปล่าคะ

 อยากทราบจริงๆ เพราะไม่อยากให้ตัวเองมีความเชื่อผิดๆ

 ด้วยความเคารพ

K.JacK

ต้องขอโทษ K.JACK ด้วยนะคะ..ที่ตอบคุณช้ามากๆ ..เนื่องจากคอมพิวเตอร์มีปัญหาเรื่องการเข้าอินเตอร์เน็ตอยู่พักหนึ่ง..แต่คงไม่ช้าเกินไปนะคะ

ต้องขอบอกนะคะว่าส่วนใหญ่ดิฉันเป็นคนที่ชอบศึกษาหาความรู้เรื่องของสุขภาพมากและชอบอ่านหนังสือและวารสารต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ พอดีความรู้ที่ได้นำมาเขียนในครั้งนี้ได้นำมาจาก Herbalift (Healthy Living) ซึ่งเป็นวารสารที่ให้ความรู้เรื่องสุขภาพดีมากคะ...และยังมีอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจ...และดิฉันก็เป็นครูสอนวิชาสุขศึกษา ได้อ่านหนังสือวิชาการที่ต้องนำไปใช้สอนนักเรียนหลายเล่มเกี่ยวกับระบบการย่อยอาหารเหมือนกันว่า เมื่อร่างกายได้รับประทานอาหารไปแล้วกระบวนการย่อยอาหารของร่างกายจะทำงานอัตโนมัติ เมื่ออาหารที่มีประโยชน์ส่งไปใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกายแล้ว อาหารที่เหลือเป็นกากอาหารจะส่งไปลำไส้ใหญ่และลงไปที่ทวารหนัก

รอการขับถ่าย แต่เมื่อร่างกายของเราไม่ขับถ่ายตามเวลา คือทุกๆ วัน แล้ว ร่างกายจะมีการดูดซึมน้ำในส่วนที่อยู่บริเวณลำไส้ใหญ่กลับไปอีก.จึงทำให้กากอาหารที่อยู่ลำไส้ใหญ่แห้งและแข็งจับตัวเป็นก้อน..จึงทำให้ขับถ่ายยากขึ้น..และเมื่อถ่ายยากขึ้นบ่อยๆ

จะทำให้เมื่อเวลาถ่ายออกมาจะมีเลือดออกปนมาด้วย..ลักษณะดังกล่าวนี้...อาจก่อให้เกิดการเป็นโรค "ริดสีดวงทวาร" ได้..และในโอกาสต่อไปก็จะทำให้เป็นโรคมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย... ส่วนใหญ่ความรู้ที่ได้มาก็จะมาจากการศึกษาจากตำราและวารสารและหนังสือที่เขียนไว้..เพราะดิฉันจะใช้ประกอบกับการสอนวิชาสุขศึกษาด้วย.. ขอบคุณนะคะ...........แล้วพบกันใหม่คะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท