ปฐโม อรุโณ เสโตฯ
อิทานิ อรุโณทยํ อาปุจฺฉามิฯ
บัดนี้ ฉันบอกกล่าว อรุโณทัย
อรุโณทัย อรุโณทัย แจ้งสว่างแล้วโว้ย...
ฉันนุ่งสบงพระวินัย ( อา. ปา. มะ. จุ. ปะ. )
คาดประคตเอว ทำใจให้มั่นแน่น อิมํ กายพนฺธนํ อธิฏฺฐามิฯ
ห่มจีวรพระสูตร ( ที. มะ. สัง. อัง. ข.ุ )
แล้วหยิบสังฆาฏิพระอภิธรรมขึ้นพาดบ่า ( สัง. วิ. ธา. ปุ. กะ. ยะ. ปะ. )เพื่อให้ดูสง่างามพร้อมใจที่รู้ ธรรมธาตุทั้งปวง
ทุติโย ตามฺพมํ เจวฯ
อยํ อตฺตภาโว
อสุจิ อสุภํมรณปริโยสานํกมฺมฏฺฐานํ ภาเวติฯ
ฉันห่มครองเรียบร้อยแล้วนั่งลงพิจารณาอัตตภาพเจริญกรรมฐาน
ไม่สะอาด ไม่งาม มีความตายเป็นที่สุดรอบฯ
ถวายเครื่องสักการะแด่พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า
พุทฺธํ ให้แจ้ง ธมฺมํ ให้สว่าง สงฺฆํ เบิกทางให้สว่างคือดวงแก้วฯ
แล้วสวดมนต์บทสรรเสริญพระพุทธคุณ
อิติปิโส ภควาอรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ฯเปฯ
และบทพาหุงฯ อันแสดงความเชิดชู
เทิดทูน-สรรเสริญคุณพระพุทธเจ้าอย่างยิ่ง...
จบลงด้วยการกรวดนํ้าให้แด่สัตว์โลก
จากนั้นฉันก็พิจารณาขณะของปัจจัยทั้งสี่ เพื่อกำหนดรู้และใช้อย่างถูกต้อง
ตติโย โอทาโตฯ
ก่อนยามแห่งอรุณที่สี่จะย่างถึงฉันจักไม่นอนลงให้กิเลสมันขี่คออีก
จักใช้เวลาที่เหลือตริตรองธรรมท่องบ่นพระคัมภีร์
แสดงความผิดกับสหธรรมิกเพื่อไม่ให้อาบัติข้ามวันคืน
และฉันจักบอกกล่าวแก่ตนเองว่า-
วันหนึ่งผ่านไปแล้วโว้ย วันหนึ่งผ่านไปแล้วโว้ย
จักได้ทำอะไรให้มันถูกต้องตามกิจและกาลกำหนดของวัน
จตุตฺโถ นนฺทิมุโขฯ
วันใหม่ขณะแห่งอรุณที่สี่ฉันเปลื้องจีวรครอง
นุ่งห่มจีวรเก่าหยิบบาตรขึ้นมาดู
แล้วควานมือลงไปด้วยคำภาวนา-
จตฺตาโร สติปฏฺฐานา,
กายานุปสฺสนา สติปฏฺฐานํ เวทนานุปสฺสนา สติปฏฺฐานํ
จิตฺตานุปสฺสนา สติปฏฺฐานํ ธมฺมานุปสฺสนา สติปฏฺฐานํ ฯ
ตั้งตนไว้ในที่อยู่ไม่ไปปราศจากสติ สติอวิปฺปวาโสฯ
แล้วถือบาตรเดินไปตามย่านบ้านด้วยคำภาวนา-
สพฺเพ สตฺตา อเวรา โหนฺตุอพฺยาปชฺฌา-อนีฆา-สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตุฯ
หยุดยืนสงบนิ่งหน้าบ้านทายก-ทายิกาผู้ศรัทธาในพระไตรรัตน์
นามรูปํ อนิจฺจํ นามรูปํ ทุกฺขํ นามรูปํ อนตฺตาฯ
ก้อนข้าว ตกลงในบาตรแสดงความร้อนผ่านบาตรเหล็ก
นิสฺสตฺโต นิชฺชีโว สุญฺโญฯ
ฉันขอบคุณผู้ศรัทธา ด้วยพระบาลีในใจว่า-
จตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนฺติอายุ วณฺโณ สุขํ พลํ ฯ
และ เอวํ โหตุฯ ขอความปรารถนาของท่านจงสำเร็จ...
ฉันกลับมาถึงอารามวางบาตรลงด้วยพระคาถาว่า-
อิทานิ อาหารคเวสิทุกฺขํ สํเวควตฺถูติ วุจฺจติฯ
ความทุกข์อันเนื่องด้วยการแสวงหาอาหาร
ในกาลนี้อันท่านกล่าวว่า เป็นวัตถุแห่งความสังเวค...
ฉันนุ่งพระวินัย ห่มพระสูตร พาดพระธรรม
จิตใจของฉันขลังมีพลังยึดเหนี่ยว
ด้วยความศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธรังษีทฤษฎีญาณ
ฉันขอกราบขอบพระคุณพระอุปัชฌาย์
แลพระอาจารย์ที่ได้สอนสั่งให้มั่งคงดำรงตนอยู่ได้ในร่มกาสาวพัสตร์
โดยไม่ปล่อยไปตามบุญ ยถากรรม
ฉันจักขอน้อมนำพระธรรมวินัยมาปฏิบัติขัดเกลาตนเองทุกเมื่อ
เพื่อไม่ให้ร้อนฯ
๏ นุ่งพระวินัย ห่มพระสูตร พาดพระอภิธรรม เป็นเหมือนคำอุปมา พระวินัยป้องกันไม่ให้ทำชั่ว ทำผิด, พระสูตรแสดงซึ่งความดับทุกข์, พระอภิธรรมให้สง่าราศีสูงสุด เพราะทำให้เรามีความรู้ธรรมะขั้นละเอียด ลึกซึ้ง
ขอให้เราได้นุ่งพระวินัย ห่มพระสูตร พาดพระอภิธรรมได้อย่างถูกต้องกันทุกคน สาธุ ฯ
หมายเหตุกถา เขียนขึ้นมาจาก “การทำวัตรแบบโบราณ” ท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุใน เสขิยธรรม ฉบับที่ ๒๓ ปีที่ ๔ กรกฎาคม-กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๗
พระมหาศุภกร ธมฺมสาโร
น.ธ.เอก, ป.ธ.๔, ศศ.บ. (การพัฒนาชุมชน)
เรียบเรียงกถาไว้เมื่อ พุธที่ ๑๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๓๘
ไม่มีความเห็น