ด้วยวัตถุประสงค์ พรบ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พศ. 2545 มีขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้สถานประกอบการภาคเอกชน(ที่มีลูกจ้าง 100 คนขึ้นไป) มีส่วนร่วมในการพัฒนาฝีมือแรงงานให้มากยิ่งขึ้น โดยการใช้มาตราการจูงใจ ด้านการยกเว้นและลดหย่อนภาษีอากร รวมทั้งการให้สิทธิและประโยชน์ในด้านต่างๆ โดยปรับปรุงสิทธิและประโยชน์ในกรณีที่นายจ้างและสถานประกอบการดำเนินการฝึกอบรมแรงงานให้กับลูกจ้างของตนเองให้มีความเหมาะสมและเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นในการจัดอบรมเพื่อพัฒนาพนักงาน ฝ่ายนายจ้างหรือฝ่ายพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ หรือฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรคำนึงถึงหลักเกณฑ์ และกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ให้เหมาะสมกับ พรบ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 รวมถึงให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดกับฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง
โดยในการบังคับใช้ พรบ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 นั้นได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฏีกา เล่ม 119 ตอนที่ 98/1ก วันที่ 1 ตุลาคม 2545 มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 120 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2546 ซึ่งในสาระสำคัญของพรบ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 มีแบ่งออกเป็น 3 หมวดหมู่คือ การฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน, การฝึกเตรียมเข้าทำงาน และการฝึกเปลี่ยนสาขาวิชาชีพ ซึ่งในที่นี้ผู้เขียนขอยกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับงาน Human Resource Development โดยตรงคือ การฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน
ซึ่งประเด็นที่สำคัญของ พรบ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ได้อธิบายเกี่ยวกับการได้สิทธิลดหย่อนภาษีอากรได้เป็นกรณีพิเศษ สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในกรณีการฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน ตามพระราชกฤษฏีกาที่ออกตามประมวลรัษฏากร โดยฝ่ายสถานประกอบการจะต้องมีการจัดอมรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งมีหลักเกณฑ์รายละเอียดโดยย่อดังนี้คือ
· การฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน โดยกรณีส่งไปฝึกกับสถานศึกษา/สถานฝึกอบรมฝีมือแรงงาน และกรณีจัดฝึกเอง/จ้างจัดฝึก
1. ระยะเวลาในการดำเนินการนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม ของปีนั้นๆ
2. หลักสูตรที่จัดขึ้นต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะ และทัศนคติที่ดีต่อการปฏิบัติงานเพิ่มขึ้นตามสาขาอาชีพที่ลูกจ้างนั้นปฎิบัติงานอยู่ตามปกติหรือสาขาอาชีพอื่นเพิ่มเติมนอกเหนือจากลักษณะงานที่ปฎิบัติอยู่ตามปกติ
3. เนื้อหาวิชาหลักสูตรต้องมีความสอดคล้องและเป็นประโยชน์กับกิจการของสถานประกอบกิจการนั้นหรือเพื่อประโยชน์ต่อลูกจ้างที่จะพัฒนา ไปสู่การทำงานในสาขาอาชีพอื่นเพิ่มเติมได้
4. ระยะเวลาในการฝึกอบรมต้องสอดคล้องกับหลักสูตร และระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง
5. จำนวนผู้รับการฝึกต้องไม่เกินกลุ่มละ 50 คน
6. สถานประกอบการต้องจัดให้มีการฝึกอบรมฝีมือแรงงานไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของลูกจ้างทั้งหมด (โดยไม่นับซ้ำหัว) เช่น บริษัท A จำกัด มีลูกจ้างจำนวน 500 คน ดังนั้นบริษัท A จำกัด ต้องดำเนินฝึกอบรมให้กับพนักงานในบริษัทอย่างน้อย 250 คน (โดยไม่นับซ้ำหัว)
7. ในขั้นตอนดำเนินการขอสิทธิลดหย่อนภาษีอากรได้เป็นกรณีพิเศษ สำหรับค่าใช้จ่ายที่ใช้ไปในการจัดให้มีการฝึกอบรมฝีมือแรงงานของสถานประกอบการนั้นๆ ต้องปฏิบัติและดำเนินการตามขั้นตอนที่ทางกรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้กำหนดไว้ตามคู่มือพรบ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545
8. บทลงโทษในกรณีที่สถานประกอบการไม่ปฏิบัติตามพรบ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 สถานประกอบการนั้นๆ ต้องจ่ายค่าปรับตามจำนวน 3,990 บาทต่อคน เพื่อสมทบเข้ากองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน
ดังตัวอย่างเช่น บริษัท A จำกัด มีลูกจ้างจำนวน 500 คน หากบริษัท A จำกัด ดำเนินฝึกอบรมให้กับพนักงานในบริษัทแค่เพียง 200 คน ซึ่งจำนวนดังกล่าวไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนลูกจ้างทั้งหมด ดังนั้นบริษัท A จำกัดต้องจ่ายค่าปรับโดยนับจำนวนลูกจ้างที่ขาดไปโดยเป็นจำนวนเงินดังนี้คือ : 50(คน) X 3,990(บาท) = 199,500บาท
ดังที่กล่าวไว้ตอนต้นเกี่ยวกับ พรบ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสถานประการภาคเอกชนที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป ซึ่งต้องปฏิบัติและดำเนินการอย่างเคร่งครัด ซึ่งจากข้อมูลที่ผู้เขียนได้ศึกษามานั้นสามารถสรุปจำนวนสถานประกอบการ และจำนวนแรงงานต่างๆ ได้ดังตาราง (โดยอ้างอิงจากข้อมูลสำนักงานประกันสังคม พ.ศ. 2548)
ประเภทสถานประกอบการ |
สถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป | สถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป | |||
จำนวน | จำนวน | ||||
สถานประกอบการ | แรงงาน | สถานประกอบการ | แรงงาน | ||
สถานประกอบการ : ทั่วประเทศไทย | 362,559 | 8,225,477 | 13,333 | 4,855,153 | |
สถานประกอบการ : กรุงเทพมหานคร | 135,963 | 2,884,459 | 4,451 | 1,596,477 |
ตารางแสดงการเปรียบเทียบระหว่างจำนวนสถานประกอบการและจำนวนแรงงาน ในกรณีที่มีสถานประกอบการมีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป และสถานประกอบการมีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป
ซึ่งจากตารางพบว่าจำนวนสถานประกอบการทั่วประเทศไทยที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คน มีเพียงร้อยละ 3.68 เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับจำนวนสถานประกอบการทั่วประเทศไทยที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป แต่ในทางกลับกันจำนวนแรงงานของสถานประกอบการทั่วประเทศไทยที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนมีร้อยละ 59.03 เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับจำนวนแรงงานของสถานประกอบการทั่วประเทศไทยที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป
นอกจากนี้จำนวนสถานประกอบการในกรุงเทพมหานครที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คน มีเพียงร้อยละ 3.27 เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับจำนวนสถานประกอบการในกรุงเทพมหานครที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป และจำนวนแรงงานของสถานประกอบการในกรุงเทพมหานครที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนมีร้อยละ 55.35 เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับจำนวนแรงงานของสถานประกอบการในกรุงเทพมหานครที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป
จากข้อมูลดังกล่าวที่ผู้เขียนได้นำเสนอนั้น จะเห็นได้ว่าพรบ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 นั้นมีความตั้งใจและพยายามในการที่จะช่วยเหลือให้แรงงานในประเทศไทยได้รับการพัฒนา ทั้งนี้เพื่อเป็นประโยชน์กับสถานประกอบการนั้นๆ แล้ว ยังเป็นการยกระดับแรงงานในประเทศไทยให้มีศักยภาพ และมีความทัดเทียบกับแรง....งานในประเทศต่างๆ
ดังนั้นหากมองในมุมมองของกระทรวงแรงงาน หรือในฐานะฝ่ายวางแผนนโยบายในการออก พรบ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 นั้น วิธีการนี้เป็นวิธีการที่ดีในการที่จะช่วยให้เกิดการพัฒนาแรงงานในประเทศไทยขึ้น อย่างน้อยซึ่งก็เป็นการลดภาวะการเอารัดเอาเปรียบที่นายจ้างมีต่อลูกจ้าง รวมถึงการสร้างคุณค่าต่อตัวแรงงาน และส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน หากแต่เพียงว่าจุดอ่อนของพรบ. พัฒนาฝฝีมือแรงงาน 2545 นี้ มีผลบังคับใช้แค่องค์กรที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปเท่านั้น นั่นก็หมายความว่า หากองค์กรใดที่มีลูกจ้างต่ำกว่า 100 คน การพัฒนาลูกจ้างขององค์กรนั้นๆ จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ก็เพียงแค่ขึ้นอยู่กับนายจ้าง...
ส่วนในมุมมองของฝ่ายสถานประกอบการ หรือฝ่ายนายจ้าง หรือฝ่ายปฎิบัตินั้นนอกจากจะเป็นการโดนบังคับโดยผ่านพระราชบัญญัติแล้ว สถานประกอบการต่างๆต้องปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ต่างๆที่ทางกระทรวงแรงงานได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้เช่น แบบฟอร์มต่างๆที่มีมากกว่า 20 แบบฟอร์ม ที่เกี่ยวข้องกับ พรบ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 นี้ นอกจากนี้รายละเอียดต่างๆในแบบฟอร์ม ยังคงต้องกรอกให้ครบสมบูรณ์ทั้งหมด เช่น เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน คำนำหน้าชื่อ รายละเอียดข้อมูลต่างๆ ฯลฯ นั่นก็แสดงให้เห็นว่าหากองค์กรใดที่ยังไม่มีระบบในการจัดเก็บข้อมูลในเรื่องที่เกี่ยวข้องนี้แล้ว ย่อมหมายถึงภาระหน้าที่ของฝ่ายนายจ้าง โดยเฉพาะฝ่ายทรัพยากรบุคคลในการรวบรวมข้อมูลต่างๆ ส่งให้กับทางกระทรวงแรงงาน
ซึ่งแต่หากมองในอีกมุม พรบ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ก็เปรียบเสมือนหลักประกันขั้นพื้นฐานอันหนึ่ง ที่ลูกจ้างจะได้รับการพัฒนาโดยผ่านการอบรมในเรื่องต่างๆ โดยสถานประกอบการนั้นๆ อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการสร้างคุณค่าให้กับแรงงาน สร้างคุณค่าให้กับผลผลิต และสร้างคุณค่าให้กับเศรษฐกิจไทยครับ
***************************************************************************
ข้อมูลอ้างอิง
: สาระสำคัญ พรบ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545
: The Summary of Social Security Statistics 2005
: สำนักงานประกันสังคม (www.sso.go.th)
: กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน: กระทรวงแรงงาน
ขออภัยผู้อ่านทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
เกิดความผิดพลาดในเรื่องการจัดวางข้อความ เนื่อจาผมได้เขียนในMS. Word และ copy มาวางอีกที จึงเป็นสาเหตุทำให้การจัดวางข้อความเลยดูแปลกตาออกไปครับ
จึงขออภัยมาณ ที่นี้ด้วยครับ
อรรณพ
citrus say:
แวะมาดูหลายรอบแล้ว รออ่านฉบับปรับหน้าตาอยู่ค่ะ
ได้ปรับปรุงแก้ไขให้เรียบร้อยแล้วครับ
เป็นหัวข้อที่น่าสนใจนะคะ สามารถนำกฎหมายมาเชื่อมโยงกับ HRD ได้ ^O^ รบกวนขอตัวอย่างของหลักสูตรของการฝึกอบรมด้วยได้ไหมคะ พอดีอยากทราบว่า กิจการประเภทไหนควรได้รับการฝึกอบรมในเรื่องอะไรถึงจะสอดคล้องตามกฎหมายค่ะ
คำถาม:
อยากทราบว่า กิจการประเภทไหนควรได้รับการฝึกอบรมในเรื่องอะไรถึงจะสอดคล้องตามกฎหมายค่ะ
คำตอบ:
จริงๆแล้วการที่นายจ้างหรือสถานประกอบการจัดฝึกอบรมให้กับพนักงานหรือลูกจ้างของตนเองนั้นสามารถอบรมในเรื่องอะไรก็ได้ครับ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละประเภทธุรกิจของนายจ้างนั้น แต่เพียงให้การอบรมนั้นๆ มีวัตถุประสงค์ในการจัดขึ้นเพื่อ
1. การฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน หรือ
2. การฝึกเตรียมเข้าทำงาน หรือ
3. การฝึกเปลี่ยนสาขาวิชาชีพ
และต้องเป็นไปตามเงื่อนไขอื่นๆที่ทาง พรบ. ได้กำหนดไว้ครับเช่น จำนวนชั่วโมง, จำนวนผู้เข้ารับการอบรม ฯลฯ
ขอบคุณครับสำหรับคำถาม
น่าสนใจดีค่ะ เป็นเรื่องที่ควรรู้ อยากดูวิธีการนำมาใช้กับหลักสูตรจริงๆ ค่ะ ที่บริษัทของโน๊ต มีตัวอย่างวิธีการทำบ้างไหมคะ
อุไรวรรณ ทองเจริญ ค่ะ
ขอบคุณครับสำหรับคำถาม...
โดยปกติทั่วไปในการจัดหลักสูตรอบรมให้กับพนักงานภายในบริษัทนั้นเชื่อได้ว่าส่วนใหญ่ก็มีวัตถุประสงค์กว้างๆ ก็เพื่อพัฒนาศักยภาพพนักงานให้มีความรู้ความสามารถเพิ่มมากขึ้นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ระบบงานใหม่ๆ เทคนิคใหม่ๆ หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือแม่กระทั่งความรู้ต่างๆ ฯลฯ
ดังนั้นหลักสูตรที่องค์กรแต่ละที่จัดขึ้นมาก็ถือได้ว่าเป็นหลักสูตรที่เข้าข่ายเป็นหลักสูตรที่ยกระดับฝีมือแรงงาน เช่นการาจัดอบรมภาษาอังกฤษ, การอบรมโปรแกรมคอมพิวเตอรืที่จำเป้นในการทำงาน, ทักษะในการทำงานต่างๆ เป็นต้นครับ...นอกจากควรให้ความสำคัญกับประเด้นอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วยนะครับเช่น จำนวนคนเข้ารับการอบรม, จำนวนชั่วโมง, ค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นต้น
ขอบคุณครับสำหรับคำถาม
ดี ดี
อยากรู้เรื่องกฏหมายางด้านแรงงานเยอะๆ เหมือนกัน นอกจากจะรู้เอาไว้เพื่อตนเองแล้ว ยังสามารถนำไปใช้ในงานด้าน HR ของพวกเราได้อีกด้วย ฉะนั้นก็รู้ไว้ดีกว่าเนอะ
ในเรื่องการพัฒนาบุคคลนั้นดีครับที่ฝ่ายรัฐจะส่งเสริม โดยการลดหย่อนภาษีให้ ฉะนั้นใครที่อยากให้มีการฝึกอบรมก็เอาข้อกฏหมายนี้ไปเสนอกับหัวหน้า หรือเจ้าของบริษัทนะครับ
แล้วพวกเราก็ไปซื้อกฏหมายแรงงานมาอ่านกันคนละเล่มกันมั้ยครับบบบ เจ้านาย
โน๊ต
มีตัวอย่างบริษัทที่ได้ทำตามเรื่องที่เขียนมาบ้างไหมจ๊ะ
พี่บุป
พี่บุปครับ
จริงๆแล้วตัวอย่างของบริษัทที่ทำ พรบ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 นี้ไม่มีครับ แต่ว่าทุกบริษัทต้องโดนบังคับให้ปฏิบัติตามพรบ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ทุกบริษัทที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปครับ ซึ่งหากดูตามตารางด้านบนครับจะเห็นได้ว่าในปี พ.ศ 2548 มีสถานประกอบการที่มีลูกจ้าง 100 คนทั่วประเทศไทย 13,333 แห่ง ดังนั้น นั่นหมายความว่าสถานประกอบการทั้ง 13,333 ต้องปฏิบัติตาม พรบ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ทั้งหมดครับ
เป็น HR นี่ต้องรู้รอบๆจริงๆเลยเนอะพี่โน๊ต ต้องคิดคำนึงหลายๆอย่างมากไม่ว่าจะจัดอบรมแบบไหน จัดอะไร จัดเองหรือให้คนอื่นจัดให้ แล้วต้องรู้กฎหมายอีก ..................เรื่องที่พี่เอามาเขียนนี่ดีมากเลยนะ สามารถเอาไปประกอบกับวิชานี้ได้เลย สร้างหลักสูตรฝึกอบรมได้และถูกต้องตามกฎหมายด้วย ....ขอถามพี่โน๊ตหน่อยครับเคยได้ยินว่าอีกหน่อย(หรือตอนนี้หว่า)ที่กฎหมายจะเริ่มผูกการอบรมเข้ากับ competency ของบริษัทนั้นๆด้วย คือต้องจัดอบรมให้ตรงกับ competency ของบริษัท และดูว่าการอบรมนั้นไปเสริมหรือพัฒนา competency ข้อไหน ......ไม่ทราบว่าใช่หรือไม่ครับ..เพราะไม่ค่อยแน่ใจว่าได้ฟังตอนเรียนมาถูกมั๊ย ถ้าใช่บริษัทไหนที่ยังไม่มี competency ก็คงต้องลำบากกันหน่อย
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่นำมาแบ่งปัน
จากที่พี่อุ พี่ปอม และพี่บุปได้ถามถึงเรื่องตัวอย่างของบริษัทที่ได้ทำตามเรื่อง พรบ. ที่ได้เขียนมาแล้ว ตอนแรกก็อยากทราบเหมือนกัน แต่พี่โน๊ตก็บอกว่าไม่มี case study เนื่องจากทุกบริษัทต้องทำตาม พรบ.นี้อยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้โบว์ขอเสนอแนะนิดนึงนะค่ะว่าพี่โน๊ตน่าจะเอา Link หรือเอกสารที่บอกรายละเอียดของ พรบ.มาแนบไว้ใน Blog ด้วยก็จะดีมากเลยล่ะค่ะ
ส่วนเนื้อเรื่องได้ประโยชน์ดีมาเลยนะคะ ขอบคุณค่ะ
เป็นประโยชน์มากๆเลย แต่จากข้อมูลที่โน๊ตบอกมาข้างต้นแล้วว่าทุกบ.ที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปต้องทำตาม ทีนี้อยากรู้ต่อว่าทุกบ. เค้าได้ทำตามจริงๆเหรอ เพราะถึงแม้ว่าจะเอาไปหักลดหย่อนภาษีได้ แต่บางบ.อาจจะเห็นว่าเป็นภาระในเรื่องค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมรึเปล่า
ได้มีการตรวจสอบผลการนำไปใช้ตาม พรบ. มากน้อยแค่ไหน
พรบ.ฉบับนี้ใช้สำหรับเอกชนอย่างเดียวโดยไม่ครอบคลุมราชการใช่ไหมคะ น่าจะมีการเผยแพร่ให้คนทำงานในสถานประกอบการที่อยู่ภายใต้ พรบ.นี้ให้รับรู้ทั่วกันนะคะ เพราะส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ซะมากกว่า ทำให้ลูกจ้างต้องพลาดเรื่องดี ๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการเข้าฝึกอบรมฯ ฝึกอาชีพ ผลประโยชน์ที่ควรจะได้รับ น่าจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึงนะคะ เห็นด้วยปละ
บุษบงค์ (ยิน : ปี 2)
หวัดดี โน๊ต
เป็นความรู้ที่ดีมากเลยครับ เพราะเป็นสิ่งที่ HR จำเป็นต้องรู้ โดยเฉพาะในส่วนของ training ซึ่งส่วนตัวผมไม่ได้ทำในส่วนนี้ แต่อยากหาอ่านมานานแล้ว พอได้อ่านบทความนี้ของโน๊ตก็เข้าใจได้ดีเลยครับ แต่เท่าที่เห็นที่บริษัทเค้าทำกัน ค่อนข้างวุ่นวายเหมือนที่โน๊ตบอกจริงๆ มีแบบฟอร์มค่อนข้างเยอะ ซึ่งบริษัทของผมมีบริษัทในเครือด้วย และมีการย้ายคนข้ามบริษัทไปมาบ่อยๆ ซึ่งก็ยิ่งทำให้การจัดฝึกอบรมต้องเช็คจำนวนคนกันวุ่นวายอยู่เสมอ และการขอรับรองหลักสูตรบางครั้งก็ช้ามาก แต่อีกหน่อยเค้าคงจะพัฒนาให้ทำได้ง่ายขึ้น
บอย
เป็นคนที่ไม่ได้ทำงาน (ฮา)
เลยไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับ HR เท่าไหร่ สิ่งที่พี่โน้ตมาแขร์มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ
จะเอาไปถามที่บ้านว่าทำตามนี้ครบแล้วหรือยัง
ขอบคุณนะคะ ^^
ดีมากเลยโน้ต เพราะไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย พอดียังมีพนักงานไม่ถึง 100 คน ไว้อีก 2-3 ปีนะ จะให้มาเป็นที่ปรึกษา
ขอบคุณค่ะ
ได้เรื่องราวใหม่ๆอีกแล้ว เพิ่งทราบนะคะเนี่ยว่าการจัดฝึกอบรมเอาไปลดหย่อนภาษีได้ด้วย แล้วใน พรบ. มีการกำหนดไว้ในเรื่องของระยะเวลา เนื้อหาหลักสูตร วัตถุประสงค์ จำนวนคน ในการฝึกอบรม ต้องครึ่งนึงของจำนวนพนักงานทั้งหมดด้วย แถมมีเสียค่าปรับอีก ดีนะคะจะได้เป็นการส่งเสริมการฝึกฝนอบรมพนักงานให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น
อยากดูตัวอย่างหลักสูตรที่สอดคล้องกับที่ พรบ. กำหนดอ่ะค่ะ จำนวนการอบรมแบบ 50 ไม่เกินคน นี่เค้าจะอบรมในเรื่องอะไร แล้วได้ผลเป็นยังไง ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการรึเปล่า
น้องนันทน์
เป็นเจ้าของกระทู้ครับ รู้สึกยินดีและดีใจเป็นอย่างยิ่งครับ สำหรับข้วความ และความคิดเห็นต่างๆ ที่ได้เสนอแนะครับ
สำหรับตัวพรบ.นี้ ทางกระทรวงแรงงานได้มอบหมายให้กับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์มาได้สักระยะใหญ่ๆแล้วครับ โดยวิธีการในการประชาสัมพันธ์ ก็มีทั้งผ่านทางเวปไซต์ของกระทรวงแรงงาน และเอกสารจดหมายจากราชการ รวมถึงการจัดประชุมเพื่อประชาสัมพันะและให้ความเข้าใจแก่องค์กรเอกชนทั่วไปที่เข้าข่ายกับพรบ นี้ครับ...
ส่วนกลุ่มเป้าหมายสำหรับองค์กร หรือนายจ้างที่เกี่ยวข้องกับ พรบนี้บังคับใช้เฉพาะหน่วยงานเอกชนเท่านั้นครับ...ซึ่งผู้อ่านที่สนใจสามารถอพเดตข้อมูลข่าวสารได้ตามลิงค์นี้ครับ www.dsd.go.th
นอกจากนี้หากผู้อ่านท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ยังไม่นึกหัวข้อหลักสูตรในการอบรมพัฒนาให้กับพนักงานไม่ได้ล่ะก็ ผมมีเวปไซต์ดีๆ มาแนะนำครับ ซึ่งเป็นเวปไซต์ที่รวมหลักสูตรสำหรับการพัฒนาพนักงานมาให้ดู เพื่อที่ว่าอาจจะเป็นประโยชน์ในอนาคตได้ไม่มากก็น้อยครับ www.trainer.in.th หรือ www.thaitrainingzone.com ครับ ซึ่งได้มีการแบ่งหมวดหมู่ไว้อย่างเรียบร้อบครับ
บุญรักษา
อรรณพ
เป็นเจ้าของกระทู้ครับ รู้สึกยินดีและดีใจเป็นอย่างยิ่งครับ สำหรับข้วความ และความคิดเห็นต่างๆ ที่ได้เสนอแนะครับ
สำหรับตัวพรบ.นี้ ทางกระทรวงแรงงานได้มอบหมายให้กับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์มาได้สักระยะใหญ่ๆแล้วครับ โดยวิธีการในการประชาสัมพันธ์ ก็มีทั้งผ่านทางเวปไซต์ของกระทรวงแรงงาน และเอกสารจดหมายจากราชการ รวมถึงการจัดประชุมเพื่อประชาสัมพันะและให้ความเข้าใจแก่องค์กรเอกชนทั่วไปที่เข้าข่ายกับพรบ นี้ครับ...
ส่วนกลุ่มเป้าหมายสำหรับองค์กร หรือนายจ้างที่เกี่ยวข้องกับ พรบนี้บังคับใช้เฉพาะหน่วยงานเอกชนเท่านั้นครับ...ซึ่งผู้อ่านที่สนใจสามารถอพเดตข้อมูลข่าวสารได้ตามลิงค์นี้ครับ www.dsd.go.th
นอกจากนี้หากผู้อ่านท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ยังไม่นึกหัวข้อหลักสูตรในการอบรมพัฒนาให้กับพนักงานไม่ได้ล่ะก็ ผมมีเวปไซต์ดีๆ มาแนะนำครับ ซึ่งเป็นเวปไซต์ที่รวมหลักสูตรสำหรับการพัฒนาพนักงานมาให้ดู เพื่อที่ว่าอาจจะเป็นประโยชน์ในอนาคตได้ไม่มากก็น้อยครับ www.trainer.in.th หรือ www.thaitrainingzone.com ครับ ซึ่งได้มีการแบ่งหมวดหมู่ไว้อย่างเรียบร้อบครับ
บุญรักษา
อรรณพ
เป็นเจ้าของกระทู้ครับ รู้สึกยินดีและดีใจเป็นอย่างยิ่งครับ สำหรับข้วความ และความคิดเห็นต่างๆ ที่ได้เสนอแนะครับ
สำหรับตัวพรบ.นี้ ทางกระทรวงแรงงานได้มอบหมายให้กับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์มาได้สักระยะใหญ่ๆแล้วครับ โดยวิธีการในการประชาสัมพันธ์ ก็มีทั้งผ่านทางเวปไซต์ของกระทรวงแรงงาน และเอกสารจดหมายจากราชการ รวมถึงการจัดประชุมเพื่อประชาสัมพันะและให้ความเข้าใจแก่องค์กรเอกชนทั่วไปที่เข้าข่ายกับพรบ นี้ครับ...
ส่วนกลุ่มเป้าหมายสำหรับองค์กร หรือนายจ้างที่เกี่ยวข้องกับ พรบนี้บังคับใช้เฉพาะหน่วยงานเอกชนเท่านั้นครับ...ซึ่งผู้อ่านที่สนใจสามารถอพเดตข้อมูลข่าวสารได้ตามลิงค์นี้ครับ www.dsd.go.th
นอกจากนี้หากผู้อ่านท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ยังไม่นึกหัวข้อหลักสูตรในการอบรมพัฒนาให้กับพนักงานไม่ได้ล่ะก็ ผมมีเวปไซต์ดีๆ มาแนะนำครับ ซึ่งเป็นเวปไซต์ที่รวมหลักสูตรสำหรับการพัฒนาพนักงานมาให้ดู เพื่อที่ว่าอาจจะเป็นประโยชน์ในอนาคตได้ไม่มากก็น้อยครับ www.trainer.in.th หรือ www.thaitrainingzone.com ครับ ซึ่งได้มีการแบ่งหมวดหมู่ไว้อย่างเรียบร้อบครับ
บุญรักษา
อรรณพ
เรียน สมาชิกทุกท่าน ยินดีให้ คำแนะนำ คำตอบ การทำหลักสูตรฝึกอบรมตรม พรบ. ส่่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ปี พ.ศ. 2545 ทุกท่านครับ 084 - 6820 180
สามารถนำไปใช้กับการพัฒนาชุมชนได้รึป่าว ค่ะ ในการเพิ่มศักยภาพของคนภายในชุมชน