ผู้นำตะวันตกกล่าวว่า : จงทำลายล้างอิสลามและจงถอนรากถอนโคนชาวมุสลิมให้สิ้นซาก(Western leaders say : Islam destroyed, wiped out his family)
พวกเขาพยายามทำลายล้างอิสลามด้วยสงครามศักดิ์สิทธิ์ (ตามความเชื่อของพวกเขา) ที่มีชื่อว่า “ครูเสด” อันน่าสะพรึงกลัว แต่ทุกครั้งที่กองทัพของพวกเขาเดินทางไปจู่โจมประเทศอิสลามจำนวนนับล้าน กลับต้องประสบกับความสูญเสียความปราชัยที่ใหญ่หลวง ดังนั้นพวกเขาจึงกลับไปวางแผนใหม่เพื่อศึกษา ค้นหาและพัฒนายุทธวิธีใหม่เพื่อกำราบอิสลามและชาวมุสลิม เสร็จแล้วพวกเขาก็จะเดินทางกลับมาหาเราอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับกลยุทธ์ใหม่ๆในการทำลายล้าง กลับมาพร้อมกับกองทัพใหม่ที่ทันสมัย อาวุธสงครามสมัยใหม่ๆที่มีอานุภาพการทำลายล้างที่สูง และแนวคิดใหม่หรือแผนการใหม่ที่มีการศึกษาทั้งภาคสนามและทฤษฎีอย่างรัดกุม กลับมาเพื่อทำลายล้างอิสลามครั้งใหม่
บรรดานายทหารของพวกเขาจะตะโกนด้วยเสียงอันดัง ขณะที่กำลังสวมเสื้อนักรบเพื่อเดินทางไปยึดครองประเทศอิสลามว่า
แม่ครับ...
ผมอยากได้ยินพรจากแม่... แม่ต้องไม่ร้องไห้...
แม่ต้องหัวเราะและมีความหวังสิครับ...
ผมกำลังจะเดินทางไปยังทริโปลี...
ด้วยความตื้นตันและยินดี...
ผมจะทุ่มเทเลือดเนื้อของผมเพื่อบดขยี้ประชาชาติที่อัปรีย์...
ผมจะประจัญบานกับศาสนาอิสลาม....
และผมจะต่อสู้อย่างแข็งขันเพื่อลบอัลกุรอาน....
* * *
และแล้วกองทัพที่กำลังคุกรุ่นด้วยพลังแห่งความเกลียดชังต่อประชาชาติอิสลามที่นำโดยแม่ทัพที่เลวทรามที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์รู้จักมาก็ประสบชัยชนะดังใจหวัง... พวกเขาทำการทารุณ ข่มเหง และบดขยี้ประชาชาติอิสลามอย่างไร้ซึ่งความปรานี…
กองทัพตะวันได้รับชัยชนะหลังจากที่บรรดาผู้ปกครองของอิสลามได้ปูทางและทอดสะพานให้แก่พวกเขา...
กองทัพเหล่านั้นได้ทำอะไรหรือ ?...
พวกเขาได้เข่นฆ่าประชาชาติไม่เว้นแม่แต่เด็กน้อยและสตรี ทุบทำลายมัสยิดหรือเปลี่ยนให้เป็นโบสถ์ และเผทำลายห้องสมุดของชาวมุสลิมจนเป็นเถ้าถ่าน...
ต่อไปนี้เราลองมาอ่านสิ่งที่บรรดานักเขียนของเขาได้บันทึกไว้เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้กับประชาชาติอิสลามจากทั่วทุกมุมโลกอิสลามที่มการทำลายล้าง ซึ่งเราจะขอนำเสนอเพียงบางส่วนเท่านั้นเพื่อเป็นตัวอย่าง...
1. ที่อันดะลูเซีย
Dr. Sijrid Honch เล่าว่า “ในวันที่ 2 ของเดือน มกราคม 1492 Cardinal Dpedr พระราชาคณะของโรมันคาทอลิก ได้ยกไม้กางเขนแดงบนอัลฮัมร่า แห่งป้อมประสาทแห่งราชวงศ์นาซิริยาห์ (the Royal Castle of the Nasiriyah family) เพื่อเป็นการประกาศถึงการสิ้นสุดของอำนาจการปกครองของชาวมุสลิมต่อประเทศสเปน
และด้วยการสิ้นสุดของอำนาจการปกครองดังกล่าวทำให้อารยธรรมอิสลามและความเจริญต่างๆที่บรรดาสุลต่านได้อุตส่าห์แผ่ขยายไปยังยุโรปตลอดช่วงเวลาแห่งยุคกลาง (Middle Ages) ต้องพลอยสูญสลายไปด้วย ชาวคริสเตียนได้ผู้กำชัยชนะได้ให้ความเคารพต่อสนธิสัญญาต่างๆที่พวกเขาได้กระทำไว้กับชาวมุสลิมเพียงช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มดำเนินการเพื่อกำจัดและกวาดล้างชาวมุสลิม อารยธรรม และวัฒนธรรมของพวกเขา
พวกเขาได้ห้ามมุสลิมไม่ให้นับถือศาสนาอิสลามและบังคับพวกเขาให้ละทิ้งและออกจากศาสนาเสีย เช่นเดียวกับที่ห้ามไม่ให้พวกเขาใช้ภาษาอาหรับ ห้ามใช้ชื่ออาหรับ และห้ามสวมใส่เสื้อผ้าและอาภรณ์อาหรับ และผู้ใดที่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวจะถูกเผาทั้งเป็นหลังจากที่ได้ทำการทรมานอย่างแสนสาหัสจนหนำใจแล้ว”
เช่นนี้แหละที่ทำให้ชาวมุสลิมที่อันดะลูเซียต้องสูญสิ้นเป็นจำนวนนับล้านคน และไม่มีชาวมุสลิมคนใดที่อาศัยอยู่ที่สเปนกล้าประกาศความเป็นอิสลามของเขา
แต่ทว่า พวกเขามีวิธีการทรมานอย่างไรหละ...ท่านเคนได้ยินหรือได้อ่านเกี่ยวกับวิธีการทรมานนักโทษในบันทึกของกองตรวจไหม?...
ถ้าท่านไม่เคยได้ยินหรือได้อ่านมาก่อน ท่านก็มากับเรา เราจะแนะนำให้ท่านรู้จักกับวิธีการทรมานต่างๆ