สำนักงานโครงการพิเศษสำนักงานคณะกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติกระทรวงศึกษาธิการได้จำแนกรูปแบบการเรียนการสอนแบบบูรณาการ ออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
1. การบูรณาการภายในวิชา เป็นการเชื่อมโยงการสอนระหว่างเนื้อหาวิชาในกลุ่มประสบการณ์หรือรายวิชาเดียวกันเข้าด้วยกัน ซึ่งโดยปกติครูผู้สอนในวิชาต่าง ๆ จะปฏิบัติอยู่แล้ว
2. การบูรณาการระหว่างวิชา จะมี 4 รูปแบบ คือ
2.1 การสอนบูรณาการแบบสอดแทรก (Infusion) เป็นการสอนในลักษณะที่ครูผู้สอนในวิชาหนึ่งสอดแทรกเนื้อหาวิชาอื่น ๆ ในการสอนของตน
2.2 การสอนบูรณาการแบบคู่ขนาน (Parallel Instruction) เป็นการสอนโดยครูตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปมาวางแผนการสอนร่วมกันโดยมุ่งสอนหัวเรื่องหรือความคิดรวบยอดหรือปัญหาเดียวกันแต่สอนต่างวิชากันและต่างคนต่างสอน
2.3 การสอนบูรณาการแบบสหวิทยาการ (Multidisciplinary Instruction) เป็นการสอนลักษณะเดียวกันกับการสอนบูรณาการแบบคู่ขนาน แต่มีการมอบหมายงานหรือโครงการร่วมกัน
2.4 การสอนบูรณาการแบบข้ามวิชา (Transdisciplinary Instruction) เป็นการสอนที่ครูผู้สอนวิชาต่าง ๆ ร่วมกันสอนเป็นคณะ หรือเป็นทีม มีการวางแผน ปรึกษาหารือร่วมกันโดยกำหนดหัวเรื่อง ความคิดรวบยอด หรือปัญหาร่วมกันสอนนักเรียนกลุ่มเดียวกัน
UNESCO-UNEP ได้จำแนกประเภทของการบูรณาการหลักสูตรและการเรียนการสอนออกเป็น 2 แบบ ดังนี้
1. แบบสหวิทยาการ (Interdisciplinary) เป็นการสร้างหัวเรื่อง (Theme) ขึ้นมาแล้วนำเนื้อหาจากวิชาต่าง ๆ มาโยงสัมพันธ์กับหัวเรื่องนั้น ซึ่งบางครั้งเราอาจจะเรียกวิธีบูรณาการแบบนี้ว่า สหวิทยาการแบบมีหัวข้อ (Themetic Interdisciplinary Studies) หรือ การบูรณาการที่เน้นการนำไปใช้เป็นหลัก (Application-First Approach) การบูรณาการแบบสหวิทยาการ เป็นการสร้างหัวเรื่องขึ้นมา แล้วนำเนื้อหาจากวิชาต่าง ๆ มาโยงสัมพันธ์กับหัวเรื่องที่กำหนด โดยที่การกำหนดหัวเรื่องต้องมีหลักการ ดังนี้
1.1 เป็นเรื่องที่ผู้เรียนสนใจและมีโอกาสได้เลือกเรียน
1.2 เป็นเรื่องที่สามารถโยงความสัมพันธ์ได้หลายวิชาหรือหลายกลุ่มประสบการณ์
1.3 เป็นเรื่องที่นักเรียนมีประสบการณ์เดิมอยู่แล้วและสดคล้องกับชีวิตจริงและมีความหมายต่อผู้เรียน
1.4 เป็นเรื่องที่มีแหล่งความรู้ให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคิดอย่างหลากหลาย และเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับท้องถิ่นกับความรู้ที่เป็นสากล
1.5 เป็นเรื่องที่เหมาะสมกับระดับความสามารถของผู้เรียนและส่งเสริมพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน
1.6 การตั้งชื่อเรื่องต้องทันสมัย และน่าสนใจยั่วยุให้ผู้เรียนอยากรู้ อยากเรียน เช่น “บ้านแสนสุข” , “โรคร้ายที่ใกล้ตัว” , นักสืบชุมชนค้นาคนดี” , ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม”
2. แบบพหุวิทยาการ (Multidisciplinary) เป็นการนำเรื่องที่ต้องการจะให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ไปสอดแทรก(Infution) ไว้ในวิชาต่าง ๆ ซ่งบางครั้งเราอาจจะเรียกวิธีบูรณาการแบบนี้ได้ว่า การบูรณาการที่เน้นเนื้อหารายวิชาเป็นหลัก (Discipline-First Approch)
ทิศนา แขมมณี ได้กล่าวถึงการบูรณาการเนื้อหาสาระที่มีความเกี่ยวข้องกัน สามารถทำได้หลายลักษณะ ดังนี้
1) การบูรณาการภายในวิชา (Intradisciplinary) หมายถึง การนำเนื้อหาสาระในวิชาเดียวกัน หรือกลุ่มประสบการณ์เดียวกันมาสัมพันธ์กัน เช่น ในวิชาภาษาไทยมีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับการอ่าน การเขียนคำประพันธ์ การพูดจูงใจ ไวยากรณ์ และวรรณคดี ฯลฯ แทนที่ผู้สอนจะสอนเนื้อหาสาระที่ละเรื่องแยกออกจากกัน ผู้สอนสามารถนำสาระทุกเรื่องมาสัมพันธ์เป็นเรื่องเดียวกัน โดยเลือกศึกษาวรรณคดีเรื่อง “พระอภัยมณี” เป็นแกนหรือหัวข้อหลัก (theme) ในการศึกษาเรื่องพระอภัยมณี ผู้เรียนได้เรียนรู้เรื่องราว ความงามของภาษา การเขียนคำประพันธ์ (กลอน) การใช้ไวยากรณ์ในคำประพันธ์ การอ่านให้ไพเราะ ซาบซึ้ง และการพูดจูงใจให้เยาวชนหันมาสนใจวรรณคดีไทย เป็นต้น
2) การบูรณาการระหว่างวิชา (interdisciplinary) หมายถึง การนำเนื้อหาสาระของหลาย ๆ วิชามาสัมพันธ์ให้เป็นเรื่องเดียวกัน ตัวอย่างเช่น นำเนื้อหาสาระของวิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศิลปะ และดนตรี มาประสานสัมพันธ์เป็นเรื่องเดียวกัน ภายใต้หัวข้อเรื่อง หรือ “theme” ที่เลือก
นอกจากการบูรณาการเนื้อหาสาระแล้ว ธำรง บัวศรี กล่าวว่า ควรมีการบูรณาการในลักษณะอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย ได้แก่ การบูรณาการระหว่างความรู้และกระบวนการเรียนรู้ การบูรณาการระหว่างพัฒนาการทางความรู้และพัฒนาการทางจิตใจ การบูรณาการระหว่างความรู้และการกระทำ การบูรณาการระหว่างสิ่งที่เรียนในโรงเรียนกับสิ่งที่เป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้เรียน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการได้จำแนกประเภทของของการจัดการเรียนการสอนโดยการบูรณาการ ดังนี้
1. จำแนกจากการเชื่อมโยงจุดประสงค์หรือมาตรฐานการเรียนรู้และหรือสาระวิชาที่สอนโดยอาจแบ่งเป็นลักษณะหรือประเภทย่อย ๆ ดังนี้
1.1 การบูรณาการแบบสอดแทรก เป็นลักษณะการสอนปกติทั่วไปที่บางช่วงได้นำเนื้อหาสาระอื่นมาสอดแทรกระหว่างการเรียนการสอน เช่น การสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมเรื่องความซื่อสัตย์ในขณะสอนเรื่องกติกาการเล่นฟุตบอล โดยการเตรียมการสอนผู้สอนมิได้ดำเนินการละเอียดถึงขั้นวิเคราะห์หลักสูตร แต่พิจารณาว่าเรื่องใดพอที่จะแทรกเชื่อมโยงกันได้ และ นักเรียนจะได้รับประโยชน์มากขึ้นก็จัดสอดแทรก
1.2 การบูรณาการภายในวิชาหรือกลุ่มสาระการเรียนรู้เดียวกัน เป็นการนำจุดประสงค์ หรือมาตรฐานการเรียนรู้และหรือสาระวิชา หัวเรื่อง หรือประเด็นสาระประเด็นต่าง ๆ ที่มีในวิชานั้น ๆ มาบูรณาการกัน โดยครูผู้สอนมีการดำเนินการวิเคราะห์กำหนดรายละเอียดการบูรณาการชัดเจน เช่น ในวิชาวิทยาศาสตร์นำสาระย่อยเรื่องสสาร แรง พลัง งาน เซลล์ไฟฟ้า และวงจรไฟฟ้า เป็นต้น มาบูรณาการสอนในหัวข้อเรื่อง “กังหันมหัศจรรย์” หรือ วิชาภาษาไทยนำทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน มาสอนในหัวข้อเรื่อง “บ้านแสนสุข” เป็นต้น
1.3 การบูรณาการระหว่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ หรือ สหวิทยาการ เป็นการนำจุดประสงค์หรือมาตรฐานการเรียนรู้และหรือสาระวิชาต่าง ๆ ตั้งแต่ 2 วิชาหรือกลุ่มสาระมาบูรณาการกัน โดยโดยครูผู้สอนมีการดำเนินการวิเคราะห์กำหนดรายละเอียดการบูรณาการของแต่ละรายวิชาอย่างชัดเจน เช่น การสอนเรื่อง “ไฟฟ้าพาสุขสันต์” ที่นำมาตรฐานการเรียนรู้ หรือผลการเรียนรู้ที่คาดหวังและสาระวิชาจากวิชาวิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ดนตรี นาฎศิลป์ พลศึกษา คณิตศาสตร์ ศิลปะ เป็นต้น มาบูรณาการกัน หรือ การนำสาระคณิตศาสตร์ ภาษาไทย และจริยธรรมมาบูรณาการการสอนเรื่อง “การแก้ไขโจทย์ ปัญหาการบวก” เป็นต้น
1.4 การบูรณาการกับชีวิต เป็นการกำหนดหัวเรื่อง เนื้อหาสาระ และวิธีการเรียนรู้หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่ยึดหรือให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตประจำวันเป็นหลักก่อนแล้วจึงวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ที่เกิด เทียบโยงกับมาตรฐานการเรียนรู้หรือผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง หรือสาระที่หลักสูตรกำหนด เช่น ครูร่วมกับนักเรียนกำหนดจุดมุ่งหมาย สาระและกิจกรรมการเรียนรู้ หรือกำหนดแผนการเรียนรู้ที่เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เช่น “ชนรุ่นใหม่กับการพัฒนาชุมชน” ซึ่งเป็นเรื่องราวการพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตในชุมชน เป็นต้น แล้วดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้ที่กำหนดนั้นจนเสร็จสิ้น โดยครูมีบทบาทในการวิเคราะห์ผลการเรียนที่เกิดขึ้นนั้นว่าบรรลุผลการเรียนรู้ใดที่หลักสูตรกำหนดไว้บ้างเพื่อใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรต่อไป
2. จำแนกโดยการพิจารณาจากกิจกรรมการเรียนการสอน
2.1 บูรณาการลักษณะสอดแทรกกิจกรรมต่าง ๆ โดยที่ครูสอนวิชาใดวิชาหนึ่งตามปกติแล้วสอดแทรกกิจกรรมหรือเชื่อมโยงสาระวิชาอื่นที่เกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กับการสอนนั้น ๆ มาร่วมสอน เช่น ขณะสอนห้องเรียนขาดความสงบครูก็ชวนให้นักเรียนนั่งสมาธิ และกล่าวถึงประโยชน์ของสมาธิพร้อมกันไปด้วย เป็นต้น
2.2 บูรณาการโดยใช้กิจกรรมโครงงาน เป็นกิจกรรมการเรียนการสอนที่บูรณาการการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมการทำโครงงานเป็นหลักหรือใช้ประกอบในการเรียนรู้เรื่องนั้น ๆ ด้วยการทำโครงงานแต่ละโครงงานโดยปกติจะต้องใช้ความรู้และความสามารถลักษณะบูรณาการอยู่แล้ว โครงงานจึงสำเร็จได้ การเรียนรู้โดยการทำโครงงานจึงสะท้อนการเรียนรู้ลักษณะการบูรณาการได้เป็นอย่างดี
2.3 บูรณาการโดยใช้กิจกรรมแก้ปัญหา เป็นกิจกรรมการเรียนการสอนที่บูรณาการการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมการแก้ปัญหาเป็นหลักในการเรียนรู้ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกิจกรรมการทำโครงงาน ทั้งนี้เพราะการเรียนรู้จากกิจกรรมการแก้ปัญหาสามารถสะท้อนการเรียนรู้ลักษณะบูรณาการได้เป็นอย่างดีเพราะธรรมชาติการแก้ปัญหามิได้ใช้ความรู้ ความสามารถอย่างเดียวแต่ใช้อย่างบูรณาการ
3. จำแนกโดยการพิจารณาจากผู้สอน
3.1 แบบสอนคนเดียว เป็นลักษณะการสอนที่ครูผู้สอนคนเดียว สอนหลายวิชาหรือทุกวิชา และผู้สอนท่านนั้นจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการในทุกวิชาหรือกลุ่มวิชาที่รับผิดชอบนั้นโดยการดำเนินการกำหนดหรือวิเคราะห์รายละเอียดการบูรณาการอย่างชัดเจน
3.2 แบบสอนคู่ขนาน มีลักษณะครู 2 วิชาขึ้นไปร่วมกันกำหนดหัวเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แล้วต่างคนต่างสอนสาระที่เกี่ยวข้องกับหัวเรื่องนั้นในวิชาตนเอง เช่น ครูในสายชั้นวางแผนกำหนดสอนเรื่อง “สีสัน” โดยในวิชาวิทยาศาสตร์ ก็สอนเกี่ยวกับความถี่ของคลื่นแสง สีต่าง ๆ ครูศิลปะก็สอนเกี่ยวกับแม่สี และการผสมสี เพื่อวาดรูป วิชาสังคมศึกษา สอนเกี่ยวกับความเชื่อเกี่ยวกับสีในสังคมต่าง ๆ วิชาการงานและอาชีพและเทคโนโลยีสอนการย้อมผ้าสีต่าง ๆ จากวัสดุธรรมชาติ เป็นต้น เมื่อผู้เรียนเรียนทุกวิชาแล้วก็จะได้ภาพความรู้ที่เกี่ยวกับสีสันตามหัวเรื่อง
3.3 แบบสอนเป็นคณะ (ทีม) การที่คณะครูหลายวิชามาร่วมกันกำหนดหัวเรื่อง จุดมุ่งหมาย สาระและกิจกรรมรวมทั้งการวัดและประเมินผลที่นำมาจากหลายวิชามาบูรณาการกัน กำหนดเป็นหัวเรื่องใดหัวเรื่องหนึ่งพร้อมรายละเอียด แล้วร่วมกันสอนเป็นคณะในหัวเรื่องนั้น ผลงานที่เกิดขึ้นก็สามารถใช้ประเมินได้ทุกรายวิชา เป็นต้น ประเภทและลักษณะบูรณาการในการจัดการเรียนการสอนทั้งประเภทใหญ่และลักษณะย่อย ๆ ข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างการจัดแบ่งลักษณะที่พบกันทั่วไป ซึ่งอาจมีการจัดแบ่งลักษณะอื่นได้อีกมากตามแต่จะกำหนดความซับซ้อนหรือองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องมาพิจารณา ซึ่งบางประเภทอาจมีลักษณะผสมกัน เช่น การสอนแบบบูรณาการโดยสอนเป็นทีมและใช้กิจกรรมโครงงานประกอบกันเป็นต้น
ขั้นตอนการจัดการเรียนการสอนโดยการบูรณาการ
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ได้กำหนดขั้นตอนการจัดการเรียนการสอนโดยการบูรณาการ ดังนี้
1. ศึกษาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
2. จัดทำหลักสูตรสถานศึกษา
3. การจัดหน่วยการเรียนรู้แบบบูรณาการ
4. การจัดแผนการเรียนรู้แบบบูรณาการ
5. การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ
สำนักงานโครงการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ ได้กำหนดขั้นตอนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณการ ดังนี้
1. กำหนดเรื่องที่จะสอน โดยการศึกษาหลักสูตรและวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ของเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องกัน เพื่อนำมากำหนดเป็นหัวเรื่องหรือปัญหา หรือความคิดรวบยอดในการสอน
2. กำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ โดยการศึกษาจุดประสงค์ของวิชาหลักและวิชารองที่จะนำมาบูรณาการ และกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ในการสอนสำหรับหัวเรื่องนั้น ๆ เพื่อการวัดและประเมินผล
3. กำหนดเนื้อหาย่อย เป็นการกำหนดเนื้อหาหรือหัวเรื่องย่อย ๆ สำหรับการเรียนการสอนให้สนองจุดประสงค์การเรียนรู้ที่กำหนดไว้
4. วางแผนการสอน เป็นการกำหนดรายละเอียดของการสอนตั้งแต่ต้นจนจบ โดยการเขียนแผนการสอน ซึ่งประกอบด้วยสำคัญเช่นเดียวกับแผนการสอนทั่วไป คือ สาระสำคัญ จุดประสงค์ เนื้อหา กิจกรรมการเรียนการสอน การวัดผลประเมินผล
5. ปฏิบัติการสอน เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่กำหนดไว้ในแผนการสอน รวมทั้งมีการสังเกตพฤติกรรมการเรียนของนักเรียน ความสอดคล้องสัมพันธ์กันของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ผลสำเร็จของการสอนตามจุดประสงค์ ฯลฯ โดยมีการบันทึกจุดเด่น จุดด้อยไว้สำหรับการปรับปรุงหรือพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
6. การประเมินปรับปรุง และพัฒนาการสอน เป็นการนำผลที่ได้บันทึก รวบรวมไว้ในขณะปฏิบัติการสอน มาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาแผนการสอนแบบบูรณาการให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
บทสรุป
ทิศนา แขมมณี ได้กำหนดตัวบ่งชี้การการจัดการเรียนรู้โดยการบูรณาการ ดังนี้
1) ผู้สอน หรือผู้สอนและผู้เรียนมีการจัดเตรียมหน่วยบูรณาการ โดยมีการวิเคราะห์ อภิปรายเกี่ยวกับหลักสูตร เนื้อหาสาระและวัตถุประสงค์ และนำเนื้อหาสาระภายในวิชา / ระหว่างวิชา มาสัมพันธ์เป็นเรื่องเดียวกันโดยใช้วิธีการและกระบวนการต่าง ๆ ตามความเหมาะสม เพื่อให้ได้ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ
2) ผู้สอน หรือผู้สอนและผู้เรียนมีการร่วมกันกำหนดกิจกรรมการเรียนการสอนที่สามารถสนองวัตถุประสงค์ที่กำหนด ทั้งนี้กิจกรรมควรมีลักษณะที่สำคัญ ดังนี้
2.1)เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนมีโอกาสศึกษาหาความรู้หรือสร้างความรู้ในเนื้อหาสาระที่นำมาบูรณาการครบทุกเรื่อง
2.2) เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนมีโอกาสได้ใช้ความรู้ / เนื้อหาสาระที่นำมาบูรณาการ
2.3) เป็นกิจกรรมที่เน้นความเข้าใจ มิใช่เพียงความจำเนื้อหาสาระ
2.4) เป็นกิจกรรมที่เน้นความสัมพันธ์เป็นภาพรวม
3) ผู้เรียนมีการดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้ ภายใต้คำปรึกษาแนะนำของผู้สอน
4) ผู้สอนและผู้เรียนมีการร่วมกันอภิปราย สะท้อนความคิด และสรุปการเรียนรู้ที่ได้รับ
5) ผู้สอนมีการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนครบถ้วนทุกด้านตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด
ไม่มีความเห็น