หลายคนที่เรียนหนังสือผ่านมาครูมักจะสอนให้ท่องจำ ตั้งแต่สูตรคูณ สอนท่องจำอาขยานบทกลอนที่แต่ละระดับชั้นกำหนดให้ท่อง และความที่ท่องจำมานาน หลายคนยอมรับว่าการสอนแบบท่องจำสามารถทำให้ผู้ท่องมีความจำและสามารถท่องจำสูตรคูณ ท่องจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ท่องจำบทอาขยานไทยท่ไพเราะได้ แต่พอมายุคสมัยนี้ผู้ใหญ่บางคนท่านบอกว่าอย่าสอนเด็กท่องจำเป็นนกแก้วนกขุนทอง ต้องสอนให้เด็กรู้จักคิด ท่านไม่คิดบ้างหรือว่ายุคสมัยท่านก็ถูกสอนให้ท่องจำมาแล้ว แล้วท่านจำได้ไหม ใครจะว่าสอนท่องจำไม่ดี คงไม่จริง ครูหลายท่านทุกวันนี้ก็ยังสอนท่องจำอยู่ อย่างน้อยส่งที่เด็กท่องจำก็จะจำติดตราตรึงในสมองผู้ท่องแน่นอน เหมือนนักวิชาการด้านสมองที่มีการวิจัยพบว่าในสมองของมนุษย์เรามีเท่าเทียมกันเพียงแต่ว่าเราจะรู้จักพัฒนาหรือใช้สมองด้านใดมากเท่านั้น ถ้าใช้หรือฝึกปรือบ่อยๆ ทุกๆวันจนครบ 22 วัน สมองส่วนนั้นจะเก็บบันทึกการจดจำหรือการทำกิจกรรมนั้นๆอย่างถาวร นี่เป็นข้อยืนยันอย่างหนึ่งว่าการท่องจำเป็นส่งดี จึงอยากเชิญชวนให้ทุกคนเห็นว่าการสอนแบบท่องจำไม่ใช่เป็นการสอนแบบโบราณ แต่เราสามารถนำมาสอนและเสริมให้เด็กเรารู้จักคิดบ้าง เพราะทุกวันนี้เห็นเด็กๆเข้าสอบกันมีเครื่องทุ่นแรง ทุ่นสมองมาก มีทั้งเครื่องคิดเลข ดิกชินนารี่ ก็เอาเข้าไปได้ สมัยก่อนเด็กๆเรียนหนังสือไม่มีการกวดวิชา เรียนในห้องเรียนก็สอบได้สมัยนี้เรียนพิเศษกันตั้งแต่อนุบาลยันอุดมศึกษา เห็นแล้วสงสารทั้งเด็กและผู้ปกครองที่เทียวไปเทียวรับส่งลูกเรียนพิเศษกัน เด็กที่เรียนเก่งระดับประเทศหลายคนให้สัมภาษณ์ว่าไม่ได้เรียนพิเศษ แค่ตั้งใจเรียนในห้องเรียนไม่เข้าใจก็ถามครู แค่นี้ก็พอแล้ว มีเวลานอกห้องเรียนไปทำกิจกรรมอื่นได้ตั้งมากมาย จึงอยากฝากผู้ปกครองและเด็กๆไว้ว่าการทำกิจกรรมใดๆก็แล้วแต่ ถ้าทำบ่อยๆจนเกิดทักษะแล้ว ความรู้ความชำนาญนั้นก็จะเกิดกับตัวผู้ปฏิบัติเป็นแน่แท้
สวัสดีค่ะ
จึงอยากเชิญชวนให้ทุกคนเห็นว่าการสอนแบบท่องจำไม่ใช่เป็นการสอนแบบโบราณ แต่เราสามารถนำมาสอนและเสริมให้เด็กเรารู้จักคิดบ้าง
การท่องคงมีบ้าง แต่ก็ควรฝึกการคิดควบคู่ไปด้วยค่ะ
ขอบคุณ ข้อคิดดีๆค่ะ
สวัสดีครับ
คนเรามีสมอง 2 ข้าง ข้างหนึ่งคิด ข้างหนึ่งจำ เราต้องให้ทั้งสองข้าง สนับปรับเปลี่ยนกันอย่างสม่ำเสมอ การท่องและการคิด ช่วยพัฒนาสมอง ขึ้นอยู่กับรูปแบบการเรียน การสอน ทำให้เกิดการเรียนรู้และการจดจำ
ผมมีข้อความที่ผมได้รับฟังและเรียนรู้มาจากอาจารย์ท่านหนึ่งที่สอนผมครับดังนี้ครับ
ถ้าผมสอนคุณ สักวันคุณอาจจะลืม ที่ผมสอน
ถ้าผมแสดงให้ดู คุณก็จะเกิดความรู้ และมองเห็นภาพชัดขึ้น
แต่ถ้าคุณปฏิบัติเอง คุณจะเกิดความรู้ ความเข้าใจ และจำ(อาจจนวันตาย ก็ได้)
ขอบคุณ...ทุกท่านที่ร่วมแสดงความคิดเห็น การสอนให้ท่องจำ....ก่อนสอนครูควรมีเทคนิคว่าจะสอนให้เด็กจดจำเนื้อหานั้นอย่างไร สอนให้เด็กอยากสืบค้น สอนให้เด็กคิดตาม หรือเชื่อมโยงเรื่องที่สอนกับสิ่งที่ใกล้ตัว ด้วยการยกตัวอย่างนิทาน บทเพลง ฯลฯ ประกอบ เมื่อเด็กเข้าใจการจดจำนั้นก็จะง่ายขึ้นและจดจำอย่างไม่ลืมเลือน เหมือนกับบทเพลงทุกวันนี้เพลงไพเราะไม่ไพเราะ ถ้าเจ้าของเพลงหรือเจ้าของค่ายอยากให้ดังทำได้ง่าย เปิดทุกๆสถานี กรอกหู กรอกตาคนฟังคนดู จนกลายเป็นเพลงฮิตติดตลาดไป แล้วบทเพลงยาวๆ ทำไมเด็กๆหลายคนจึงจำเนื้อร้องได้ละ .....เห็นไหมว่าการท่องจำ ถ้ารู้จักสอดแทรกหรือเชื่อมโยง ให้ผู้ท่องจำได้คิด.. เข้าใจ...และที่สำคัญคือมีสติ รับรองว่าจำได้แม่นยำแน่นอนไม่ใช่ท่องจำแบบนกแก้วนกขุนทอง ( จำเท่าที่ท่องได้เท่านั้นแต่อาจไม่รู้ความหมาย ถ้าผู้สอนไม่บอกความหมาย หรือสอนให้เข้าใจในเนื้อหาที่จะท่องก่อน) พอสะดุดก้อนหินเป็นลืมหมด และอยากฝากเด็กๆที่มักบ่นว่าจำไม่ค่อยแม่น หรือจำไม่ค่อยได้ ว่าการจำจดจำอะไรก็แล้วแต่ เช่น ..ถ้าเราอ่านหนังสืออย่างมีสติ คิดตาม แล้วจดบันทึก และนำมาทบทวนหลายๆครั้งก่อนสอบเราก็จะทำข้อสอบนั้นได้ แต่ถ้าเมื่อใดเราทิ้งไม่หมั่นทบทวนไปเราก็จะลืมเนื้อหานั้นๆไป การดูหนังสือคนเดียวบางครั้ง มากพอแล้วลองสนทนา ซักถามความรู้กับเพื่อนดู บางครั้งอาจทำให้เราสนุกกับการอ่านและจดจำเรื่องที่เราสนทนานั้นได้ดี ดังคำพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า
สากัจฉายะ ปัญญา เวทิตัพพา
ปัญญาพึงรู้ได้ด้วยการสนทนา