ร.พสงฆ์ กับความมุ่งมั่นทำ KM

เคยอบรมKM มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่มันยุ่งยาก มาวันนี้รู้สึกว่ามันง่าย

ได้มีโอกาสเข้าไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำ KM ในหน่วยงานของ ร.พ สงฆ์ เมื่อวันที่24 ก.ค50 (คือตัวดิฉันและน้องปลา) เป็นวันที่2 ต่อจากอาจารย์นันทา เมื่อวานนี้ที่ท่านได้มาบรรยายให้ความรู้เรื่องKM และทำกลุ่มเล่าเรื่องกันไปแล้ว เช้าวันนี้เมื่อเดินทางไปถึง ก็ถามหาห้องประชุม ดูตึกแล้วมีซ้อนกันติดเป็นแถว และได้พูดคุยกับทีมKM ของร.พ ว่าจะให้เราเล่าเรื่องการทำKM ของหน่วยงาน เอาตั้งแต่เริ่มตั้งต้น เป็นมาอย่างไร แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร มี CoP อะไรบ้าง และที่สำคัญเมื่อวานนี้ทาง ร.พสงฆ์ ได้ทำ work shop การเล่าเรื่องกันแล้ว หัวปลาคือ การให้บริการที่ประทับใจ

และอยากทราบว่าจะเอาไปทำอะไรต่อได้อีก ดูภาพบรรยากาศวันนี้ซิ

บรรยากาศในวันนั้นสนุกสนาน ทีมของร.พ สงฆ์มีความมุ่งมั่น และมีท่านผู้อำนวยการ คือ แพทย์หญิงวราภรณ์ ภูมิสวัสดิ์ เป็นประธานอยู่แล้วก็คงทำให้เกิดรูปแบบ KM ชัดเจนไม่ยากเลย และได้ทำAAR กับเจ้าหน้าที่ได้หลายคนเหมือนกัน(จำนวน60คน วันนั้นเหลือ40กว่าคน) ซึ่ง ผอ.ก็บอกว่าอยู่มากกว่าครึ่ง ก็ทำให้รู้สึกว่าเกินคาด

และนี่คือท่าน CKO แห่งร.พ สงฆ์

เรามีโอกาสได้เดินชมสถานที่ใน ร.พ (ซึ้งไม่เคยเข้ามาเลย) มีหอพระ ได้ทราบเรื่องราว ประวัติของพระพุทธรุปในหอพระ ซึ่งมีอายุเป็นพันๆปีตั้งแต่สมัยเชียงแสน ได้รับความรู้จาก อาจารย์ แสง จัตุรานนท์ ได้กรุณาให้ความรู้ด้านพระพุทธศาสนาอีกคือ เมื่อเราจะเดินออกจากโบสถ์ ก็กราบพระ แล้วให้เดินถอยหลังหันหน้าเข้าก้าวเท้าถอยหลังสามเก้า ตามองหน้าพระพุทธรูป เมื่อถอยหลังได้สามเก้า แล้วจึงหันหน้ากลับเดินออกจากโบสถ์

และที่แน่ๆคือเราเองกราบพระไม่เป็น ก็ได้หันกราบวันนั้น ตอนนี้กราบเป็นแล้ว แค่เรากราบพระถูกต้อง เราก็ได้บุญแล้ว (อ.แสง บอกค่ะ) วันนั้นจึงเป็นวันหนึ่งที่เรามีความสุข

และขอนำความรู้สึกของหลายๆท่านในวันที่เรา ลปรร. ด้วยกันมาถ่ายทอด ต้องขออภัยที่เราไม่ได้จดบันทึกชื่อของท่านที่พูด จึงได้แต่บันทึกคำพูดมาถ่ายทอดอย่างดียว

อ.คนที่1 ได้เกินความคาดหวังใด้ใช้ในงานทำให้งานเก่งและสำเร็จ ใช้ได้ทั้งในการสร้างมนุษยสัมพันธ์ และทำให้เกิด idea ในการปรับปรุงการทำงาน

อ.คนที่2 ได้ตามสิ่งที่คาดหวังคือได้ทราบรูปแบบในการทำ KM ในงานประจำ สิ่งที่ได้เกินคือสามารถเอาไปใช้ทั้งส่วนบุคคลและองค์กร

อ.คนที่3 ตอนแรกไม่ได้คาดหวังอะไร แต่พอมาแล้วได้เกินความคาดหวัง มันไม่ได้ยาก สามารถเกิดขึ้นในหน่วยงานได้ และจะทำอย่างไรให้ tacit ออกมาเป็น explicit และเอาออกมาใช้ได้

อ.คนที่4 ตอนแรกไม่ได้หวังอะไรเลย ถือว่าเป็นการบังคับ ค่อนข้างจะลึก ยุ่งยากมาก แต่วันนี้รู้สึกคนละเรื่องเลย คิดว่าทุกคนมีความรู้ในเรื่องที่เล่าอย่างดีก็จะเล่าอย่างเมามัน สนุก ง่าย เป็นอีกอย่างที่จะทำให้คนมีส่วนร่วม คิดว่าได้เกินคาดหวัง สามารถนำไปใช้ได้

อ.คนที่5 ไม่ไดคาดหวังอะไรมาก่อน วันแรกที่อบรมเห็นแสงทองเรืองๆ วันี้เห็นแสงจ้าเลย สามารถนำไปใช้ในงาน ชีวิตประจำวัน

อ.คนที่6 ผมชอบKM ชอบที่อาจารย์พูดว่า มันทำให้เรามองคนอย่างมีคุณค่า เห็นคุณค่าคนอื่น และมีศักยภาพKM ทำให้คนปฏิสัมพันธ์กัน ต้องเปิดใจให้กว้าง

อ.คนที่7 เคยอบรม KM มาครั้งหนึ่ง แต่ว่ายุ่งยาก หวังว่าจะมีวิธีไหนมาทำให้ง่ายกว่านี้ มาวันนี้รู้สึกว่ามันง่าย

อ.คนที่8 ได้อะไรจากการประชุม รอบๆตัวเรามีอะไรเยอะแยะ สิ่งที่ขาดคือการสกัดคงต้องขยันเขียนและสกัดมากขึ้น ได้รู้จักการเริ่มอย่างมีหลัก

อ.คนที่9 ไม่เคยได้เข้าประชุมKM เลย คิดว่ามันคงยุ่งยาก จะนำไปใช้อย่างไร ตอนหลังเข้าใจมากขึ้น เป็นแนวทางให้สามารถสกัดปัจจัยได้ สามารถเอาไปใช้กับตัวเอง หน่วยงาน องคกร และงาน IC ของตัวเองได้

อ.คนที่10 KM ดูเป็นเรื่องยุ่งยาก ไม่ทราบมาก่อน คงเป็นเพราะทำตามนโยบาย เมื่อได้มาเรียนรู้แล้วเห็นว่า KM นี่เราทำอยู่ทุกวัน เรามีการแลกเปลี่ยนกันในหน่วยงานอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีการจัดระบบ พวกเรา Kmteam ต้องมาช่วยกันทำให้เป็นระบบมากขึ้นหรือให้เป็นสังคมใหม่ๆของ ร.พสงฆ์ จากการประชุมกลุ่มมีความพร้อมเพรียงอยู่ด้วยกันจนถึงเย็นเลย

ท่านผ.อ (CKO ของร.พสงฆ์) ต้องขอชื่นชมว่ามีการทำงานเป็นทีม มีการเปิดใจ ตักเตือนได้ เรื่องทำงานอาจไม่ perfect มาแต่อ้อนแต่ออก คาดหวังว่าคนที่นี่จะรู้จัก tacit และ explicit สิ่งที่ได้เกืนคาดคือฟังจากทุกคนแล้วอยากจะเอา TK ออกมาเป็น EK จัดเก็บความรู้ไว้ ทางขรุขระนำไปสู่สวรรค์ ผลของการกระทำเป็นเหตุจากสิ่งที่เราทำลงไป ให้ความสำคัญกับการทำเหตุให้ดี แล้วผลมันจะดีเอง