โจทย์เขียนรายงานวิชาเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข สัปดาห์ที่ 1


ความภูมิใจที่สุดของชีวิตในการทำงานด้านสาธารณสุขของท่านมา 1 เรื่อง ว่าเป็นเรื่องใด โดยสรุปประเด็นที่ภูมิใจคืออะไร และเรื่องนี้ได้ส่งผลต่อแง่คิดการปฏิบัติของท่าน ในชีวิตการทำงานตลอดห้วงเวลาต่อมาอย่างไรบ้าง

     โปรดดูรายละเอียดกติกาได้ที่บันทึก โจทย์เขียนรายงานวิชาเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข โดยในสัปดาห์นี้ก็ขอให้ท่านได้เล่าความภูมิใจที่สุดของชีวิตในการทำงานด้านสาธารณสุขของท่านมา 1 เรื่อง ว่าเป็นเรื่องใด โดยสรุปประเด็นที่ภูมิใจคืออะไร และเรื่องนี้ได้ส่งผลต่อแง่คิดการปฏิบัติของท่าน ในชีวิตการทำงานตลอดห้วงเวลาต่อมาอย่างไรบ้าง

     ผมจะได้เล่าในส่วนของผมก่อนเพื่อจะได้ดูเป็นแบบร่าง เน้นว่าเป็นแบบร่าง ใครจะฉีกแนวไปอย่างไรก็ได้ ขอเพียงให้ได้ใจความสรุปใน 3 ประเด็นข้างต้นเป็นพอ ผมเชื่อว่าคงไม่ลอกกันมานะครับ ถ้าลอกได้ก็สุดยอด (ฮา)

          ในชีวิตการทำงานของใครคนหนึ่งย่อมมีเรื่องที่น่าประทับใจได้มากมายหลายเรื่อง ทั้งในส่วนที่เป็นงานปกติตามหน้าที่ งานฝาก หรืองานร้องขอ (ออกปาก) หากจะพูดถึงความประทับใจเรามักจะมองเชิงบวกหรือเรื่องที่ดี ๆ เป็นหลัก และถ้าหากว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีก็มักจะไม่เรียกว่าประทับใจ แต่จะเรียกอย่างอื่นแทน เช่น ติดใจ แค้นใจ หรือ สนิมในใจ (ดูจะออกนิยาย) ฉะนั้นประทับใจต้องเป็นเชิงบวก ประทับใจแล้วภูมิใจด้วย จำนวนเรื่องจะเหลือน้อยลง เพราะถ้าภูมิใจด้วยแสดงว่าน่าจะทำเรื่องนั้นได้ดี เป็นที่ยอมรับกัน ไร้ข้อโต้เถียง ฉะนั้นเรื่องความดีความชอบขั้นพิเศษ (1.5-2 ขั้น) ผมจึงมองว่าไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจนัก เพราะมักจะมีข้อโต้เถียง วิธีการของเรื่องนี้ผมจึงไม่ค่อยเห็นด้วยมานานแล้ว ยกเป็นตัวอย่างว่าความประทับใจและความภูมิใจ ต้องทำเรื่องนั้นได้ดี เป็นที่ยอมรับกัน ไร้ข้อโต้เถียง ความประทับใจของผมที่เป็นที่สุดของที่สุด คือ การได้มาทำหน้าที่สอนแบบเรียนรู้ร่วมกันกับนักสาธารณสุขชุมชนอย่างท่าน และรุ่นก่อนหน้านี้แหละครับ

          วันหนึ่งขณะที่ผมนั่งทำงานอยู่ วันนั้นเป็นวันเสาร์ ก็ได้รับโทรศัพท์จากรุ่นน้องคนหนึ่งว่า ผศ.ชาญชัย เรืองขจร จะขอพูดสายด้วย โดยท่านติดต่อให้ไปช่วยสอนวิชาเศรษฐศาสตร์สาธารณสุขแก่นักศึกษาหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต (สาธารณสุขชุมชน) แม้จะได้แนะนำให้อาจารย์ติดต่อกับรุ่นพี่ และอาจารย์ของผมอีกทีนึง แต่ครึ่งวันผ่านไป ท่านก็ติดต่อกลับมาอีกครั้งและบอกว่าห้ามปฏิเสธอีกแล้ว ขณะนั้นผมไม่ได้รู้จักกับท่านเป็นการส่วนตัวเลย และมาถึงวันนี้ผมทราบมาว่าท่านพึงพอใจในเทคนิคและกระบวนการสอนของผม (ที่ไม่ค่อยเหมือนใคร) โดยการประเมินจากนักศึกษารุ่นก่อน ๆ ที่ผ่านมา ผมก็ดีใจ ประทับใจ และภูมิใจในการทำหน้าที่นี้ โดยเฉพาะประเด็นที่ผมได้เครือข่ายซึ่งเป็นท่านที่มาร่วมเรียนกันนี้เพิ่มขึ้น ได้มีโอกาสแม้จะเล็ก ๆ อีกหนึ่งเรื่องในการช่วยพัฒนาระบบสาธารณสุขผ่านตัวท่านไป ซึ่งหมายถึงได้ช่วยกันหลาย ๆ แรง ท่านเชื่อไหมทุกรุ่นที่ผ่านมาผมได้รับประสบการณ์จากการมาทำหน้าที่พิเศษนี้ ไปปรับใช้ในการทำงานของผมเองด้วยทั้งในเรื่อง "ไตรภาคีพัฒนาสุขภาพชุมชน" และ "การสร้างหลักประกันสุขภาพแก่ประชาชน"

          ฉะนั้นการได้มาทำหน้าที่พิเศษที่ว่านี้ ทำให้ผมต้องคิดถึงแบบอย่างที่ดีในการทำงานที่ผมควรจะต้องปฏิบัติให้ได้ด้วย ไม่ใช่เป็นเพียงแต่มาทำหน้าที่ (สอน) แต่งานที่ตัวเองทำกลับไม่เคยเห็นว่าได้ประยุกต์ใช้อะไรเลย ซึ่งก็ได้บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ไว้ที่ GotoKnow.org ในนามชายขอบ  อันนี้ก็เป็นแบบอย่างอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นการจัดการความรู้จากการที่ได้ปฏิบัติของตนเองเอาไว้ และก็ได้ชักชวนท่านให้ร่วมทำเรื่องนี้ได้ ผมได้พยายามทำงานด้วยอุดมการณ์ที่ว่าจะพยายามให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมจากระบบโดยละมุนละม่อมให้มากที่สุด แล้วผมเชื่อว่าแนวคิดที่ทำให้เกิดความเป็นธรรมที่เป็นจริงได้คือ การปลดปล่อยเขา (ประชาชน) สู่อิสระ อย่าไปครอบงำเขาให้มาก ให้เขาพึ่งตนเองได้แบบพอเพียง สุดท้ายแล้วสุขภาวะถ้วนหน้ากันครับ

หมายเลขบันทึก: 11525เขียนเมื่อ 7 มกราคม 2006 02:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม 2015 08:31 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
โอกาส เป็นอะไรที่สิ่งมีชีชิตอยากมี อยากหา อยากใฝ่คว้า มาครองเป็นของตนเอง หรือเป็นของที่มอบให้กับคน สัตว์ และสิ่งของที่เรารัก หรือเราปรารถนาที่จะให้สิ่งเหล่านั้นเป็นไปตามที่ใจเราปรารถนา
แต่ถามว่า การแสวงกาโอกาสของสิ่งมีชีวิตมีความแตกต่างกันหรือเปล่า ตอบได้ว่าแตกต่างกัน อาจจะขึ้นอยู่กับ เหตุและปัจจัยในขณะที่แสวงหาโอกาสน้น หรือทำตามใจที่ตนเองปรารถนา แต่ถามว่า ถูกต้องหรือเปล่า
ตอบยากนะ เพราะการแสวงหาโอกาสอย่างเดียวกัน อาจมีความแตกต่างกัน หรือเหมือนกันโดยบังเอิญหรือโดยทางเลือก ขึ้นอยู่กับกระบวนการคิด ที่ผ่านการสังเคราะห์จากการรับรู้ ถามว่าถูกต้อง  ใช้อะไรวัดละ ตัวเรา
หรือเสียงส่วนใหญ่ หรือองค์ประกอบอื่น อันนี้คำตอบน่าจะอยู่ในใจของผู้แสวงหาโอกาส คือว่า ถุกต้องในใจเราโดยที่ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนทุกด้าน เราไม่เดือดร้อน และไมผิดขนบธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติแสดงว่า
ใช้ได้ นั่นน่าจะเป็นคำตอบ (สำหรับผม) นั่นคือสิ่งที่ประทับใจมากที่สุด คือการมีโอกาสได้เข้ารับราชการพลเรือน ในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งถือว่า ประทับใจสุดแล้ว ซึ่งโอกาสที่ได้รับให้คุณค่าแก่ชีวิต ทุกด้าน
ไม่ว่าสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ซึ่งมีโอกาสดีมากกว่าคนอื่นเป็นหมื่นเป็นแสน ที่ไม่มีโอกาสเหมือนผม แล้วเกิดมาทั้งทีได้รับโอกาสอย่างนี้แล้ว สิ่งที่ภาวนาในจิตใจคือ ทำอย่างไรจะพัฒนาการเรียนรู้ของบุคคลอื่นให้มีโอกาส เหมือนผมหรือเท่ากับผม
และให้เขาม๊โอกาส ในด้านที่เขาถนัด หรือให้เขามีโอกาสที่จะ อยู่ในโลกใบนี้อย่างมีความสุข 
นายราชันต์ ศรีนวล และ นายวรวิทย์ กาเส็มส๊ะ
จากคนที่มีความรู้เรียนจบพยาบาลเทคนิค แต่มีความภาคภูมิใจในวิชาชีพ บรรจุเข้าทำงานเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2543 ณ สถานีอนามัยที่ทุรกันดาร ห่างไกลความเจริญ ไม่มีแม้กระทั่งไฟฟ้า ประปาและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แต่ผมก็มีความภาภูมิใจที่ได้ทำงานบริการประชาชน วันที่ 20 เมษายน 2543 เวลา 06.00 น.ชายวัยกลางคนวิ่งหน้าตาตื่นมายังบ้านพักสถานีอนามัย เสียงร้องเรียกหมอดังลั่น"หมอๆ ช่วยไปดูเมียผมหน่อย เมียผมคลอดลูกไม่ออก"ทันทีที่สิ้นเสียงชายคนนั้น ผมก็รีบจัดแจงอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการทำคลอดเท่าที่จะหาได้ในสถานีอนามัยและมุ่งหน้าไปยังบ้านของชายคนนั้น ซึ่งข้างบนบ้านมีคนอยู่ประมาณ 15 - 20 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ผมตรงเข้าไปหาผู้ป่วยทันที ดูสีหน้าเธออิดโรยมากเนื่องจาการเสียเลือด ข้างๆนั้นมีหมอตำแยกำลังโปรยข้าวสารรอบๆตัวเธออยู่ ผมมองเห็นหัวทารกคาอยู่ที่ช่องคลอด จึงถามหมอตำแยว่า"ทำไมไม่เอาเด็กออก เขาบอกว่าเด็กไม่ออก ผมตรวจดูบริเวณลำคอเพื่อดูว่ามีสายสะดือพันคออยู่หรือเปล่า แต่ก็ไม่พบ จากนั้นจึงจัดการทำคลอดตามวิชาชีพที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมา และในที่สุดก็สามารถทำคลอดช่วยชีวิตทารกและแม่ได้อย่างปลอดภัย                สรุปประเด็น คือ สามารถใช้วิชาชีพที่ศึกษาเล่าเรียนมาช่วยชีวิตทารกและแม่ได้อย่างปลอดภัย                                  ให้แง่คิดในการทำงานในเวาลาต่อมา คือ                      การทำอะไรต้องทำอย่างมีสติ ไม่หวั่นไหวตามสภาพการณ์หรือสถานการณ์รอบข้าง  และต้องมีความเชื่อมั่นในตนเอง จึงจะทำให้งานหรือสิ่งที่ทำออกมามีประสิทธิภาพ
วีระ สุวรรณละเอียด-สุภาวณี ยูโซ๊ะ (476277011-476277016)
ความภูมิใจที่สุดในชีวิตการทำงานสาธารณสุข
เป็นเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นการทำงานในชุมชน
 ข้าพเจ้าได้รับการบรรจุครั้งแรก ที่สถานีอนามัยตำบลปากแตระ อำเภอระโนด วันแรกที่ ก้าวย่างเข้าสู่สถานีอนามัย (วันที่ 14 กรกฏาคม 2540)ข้าพเจ้ารู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่งว่า เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยและชาวบ้านที่นี่จะเป็นอย่างไรหนอ จะทำงานร่วมกันได้หรือเปล่า ข้าพเจ้าเริ่มรับมอบหมายหน้าที่การงานและหมู่บ้านให้รับผิดชอบ รู้สึกว่าหนักเอาการสำหรับการเป็นน้องใหม่ที่นี่ ทำให้รู้สึกกังวลเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อ รับการมอบหมายให้รับผิดชอบหมู่ที่ 1,2และ 6 ซึ่งทั้งสามหมู่บ้านนี้ เป็นชุมชนเมือง(ตรงสี่แยกรับแพรก)การคมนาคมในการไปรับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลสะดวกกว่าการไปรับการรักษาที่สถานีอนามัย แตาข้าเจ้าก็ได้ใช้ช่วงโอกาสในการโน้มน้าวใจให้ประชาชนในหมู่ที่ 1 และ 2 ไปรับการรักษาที่สถานีอนามัยมากขึ้นกว่าในอดีตมาก  แต่ทั้งนี้ต้องใช้เวลาในการทำให้ชาวบ้านเชื่อมั่นในศักยภาพของสถานีอนามัย ทั้งการเข้าไปคลุกคลีกับชาวบ้านโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่อยู่บ้านเฝ้าเรือน บางวันก็ไปเก็บข้อมูลหรือติดตามงานได้แค่วันละหลังหรือสองหลังคาเรือน เพราะต้องจับเข่าคุยกับชาวบ้านสร้างความสัมพันธ์ให้เขาเข้าใจเรา เชื่อมั่นในตัวเรา ซึ่งข้าพเจ้าเองก็ทำได้  มีอยู่วันหนึ่ง ชาวบ้านในเขตรับผิดชอบของข้าพเจ้า(ม.1) ซึ่งทำงานอยู่ในตัวอำเภอระโนด ได้รับอุบัติเหตุ มือเข้าไปในสายสะพานเครื่องจักร เป็นแผลฉีกขาด ยาวประมาณ 6 ซม. ลึก ประมาณ 0.7 ซม.มารับการรักษาที่สถานีอนามัยโดยขับรถผ่านโรงพยาบาลระโนดมาถึงสถานีอนามัย เมื่อมาถึงเข้าพเจ้าถามว่า ทำไมลูกพี่ถึงไม่แวะเย็บแผลที่โรงพยาบาล คำตอบที่ข้าพเจ้าได้รับ คือ มารักษาที่นี่ดีกว่า เพราะหมอก็เป็นกันเองดี ใส่ใจดูแล พูดคุยก็ดี ไปโรงพยาบาลเสี่ยงกับแผลเน่า เจ้าหน้าที่ก็ปากจัด ได้ยินดังนั้น ข้าพเจ้าก็ตอบไปว่า ยังงัยซะโรงพยาบาลก็ดีกว่าสถานีอนามัยอยู่แล้ว เครื่องมือก็พร้อม หมอก็มี แต่ที่เขาไม่มีคือ ความใกล้ชิดกันแค่นั้นเองแหละ (แต่ข้าพเจ้าก็นึกยิ้มและภูมิใจเป็นที่สุดที่เขาเชื่อมั่นในเราและยอมเสี่ยงที่จะมารับการรักษาที่เรา อาจเป็นเพราะการสร้างความสัมพันธ์ สร้างความเชื่อมั่นและเป็นกันเองกระมังที่เขายอมเสี่ยง)
 ประเด็นที่ภูมิใจ คือ เขายอมขับรถผ่านโรงพยาบาลระโนดมารับการรักษาที่สถานีอนามัยที่เขาเชื่อมั่นว่าเรารักษาเขาได้ดีกว่าและน่าประทับใจกว่า
 ผลต่อแง่คิดในการทำงานของข้าพเจ้า  อย่างน้อยเหตุการณืนี้ทำให้ข้าพเจ้าคิดว่า การที่เราจะทำงานร่วมกับชุมชนได้นั้น เราต้องรุกเข้าไปหาชาวบ้าน สร้างความผูกพันธ์ สร้างความรัก ความเข้าใจ ความมั่นใจ ให้ประชาชนในพื้นที่มีต่อเราในทางที่ดี เมื่อสร้างสิ่งเหล่านี้ได้ เราก็จะเป็นคนกำหัวใจของประชาชน งานในหน้าที่ของเราก็จะได้รับความร่วมมือในทางที่ดีตลอดไป.
มยุรา ชูทอง - วไลภรณ์ สุขทร

เมื่อจะพูดถึงความภาคภูมิใจที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนเรา เชื่อว่าแต่ละคนมีความภูมิใจที่ไม่เหมือนกัน ในเหตุการณ์เดียวกัน มีผู้ร่วมเหตุการณ์สองคนหรือมากกว่านี้ คนหนึ่งอาจภูมิใจในเหตุการณ์นั้น แต่อีกคนหนึ่งอาจไม่ภูมิใจ ซึ่งเป็นเรื่องของนานาจิตตัง และแต่ละคนจะมีความภาคภูมิใจในตัวเองหลายๆเรื่อง แต่ในที่นี้ขอหยิบยกความภาคภูมิใจในหน้าที่การปฏิบัติงานสาธารณสุข หรือที่เรารู้จักกันในนาม “หมออนามัย” มาเล่าสู่กันฟัง

ความภาคภูมิใจในงานสาธารณสุขของข้าพเจ้า คือ ภูมิใจที่มีโอกาสได้ประกอบอาชีพนี้ (หมออนามัย) เพราะหมออนามัยเปรียบเสมือนต้นหญ้าเล็กๆ ที่คอยปกคลุมให้ความชุ่มชื้นแก่ผืนดินอยู่ตลอดเวลา เราเป็นด่านแรกที่ได้ดูแลสุขภาพประชาชน ตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่ไปจนถึงดับสูญจากโลกนี้ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่และท้าท้ายความสามารถหมออนามัยอย่างเรา รู้สึกเป็นสุขที่ได้ให้บริการไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริม ป้องกัน รักษา หรือฟื้นฟูสุขภาพของประชาชน มีความรู้สึกว่าเหมือนเราได้ทำบุญ ช่วยให้เขาพ้นทุกข์ แม้ว่าบางครั้งจะไม่หายป่วยก็ตาม แต่เราก็สามารถช่วยลดความทุกข์ให้เขาได้ระดับหนึ่ง มีคุณน้าคนหนึ่งเคยพูดว่า “เจ้าหน้าที่อนามัย เป็นเหมือนญาติน้าเลยนะ เพราะตั้งแต่น้าเด็กๆ จำได้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่มาฉีดยา (วัคซีน) ให้ที่โรงเรียน พอแต่งงานมีครอบครัวก็บอกให้คุมกำเนิดก่อน พอท้องก็มาตามไปฝากท้อง เมื่อคลอดลูกก็ตามเยี่ยมและฉีดยา(วัคซีน)ให้ลูกอีก หรือเวลาเจ็บไข้ไม่สบายมาอนามัยก็ได้ยากลับไปกิน น้ามีความรู้สึกว่าหมออนามัยนี่ยุ่งไปทุกเรื่อง แต่ก็ดีที่มีคนคอยดูแลสุขภาพเรา” เห็นไหมว่าน่าภูมิใจแค่ไหนที่เพราะฉะนั้นพวกเราหมออนามัยจงภาคภูมิใจในอาชีพนี้ ซึ่งบางครั้งอาจโดนนายด่า ชาวบ้านว่า ก็อย่าท้อ ใช้สติและใจในการทำงานแล้วเราจะสนุกและมีความสุขกับมัน แม้ว่าผู้ใหญ่หรือคนรวยบางคนอาจไม่รู้จักอาชีพนี้ “หมออนามัย”

ประเด็นที่ภูมิใจ คือ ชาวบ้านเห็นหมออนามัยอย่างเราเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา

คือ ชาวบ้านเห็นหมออนามัยอย่างเราเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา

แง่คิดในการทำงาน จงทำงานอย่างมีสติ และใช้ใจในการทำงานแล้วเราจะสนุกและมีความสุขกับมัน

จงทำงานอย่างมีสติ และใช้ใจในการทำงานแล้วเราจะสนุกและมีความสุขกับมัน

 

 

 

     ผมได้อ่านแล้ว (แต่น่าจะยังมีอีกนะ) ซาบซึ้งใจมาก เรื่องเหล่านี้ เราจะได้ ลปรร.กันอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 16 ม.ค.2549 คาบเรียนแรก เพื่อทบทวนของคราวที่แล้วเรื่องระบบบริการสาธารณสุข

     เมื่อ นศ.ได้เข้ามายัง GotoKnow.org แล้ว ลองศึกษาดูเรื่องอื่น ๆ แรก ๆ ก็อ่านแล้วแสดงความคิดเห็นไปบ้าง ไม่มีถูก-ผิด ทำได้เต็มที่ จากนั้นหากได้เปิด Blog เอง และเขียนบันทึกเป็นกิจประจำวันว่าวันนี้ได้ตั้งใจจะทำอะไร อะไรที่ทำได้เกินคาด อะไรที่ยังไม่ได้ตามคาด และพรุ่งนี้หรือวันต่อไปคิดจะทำอะไรต่อ เอาแค่นี้ก่อนนะครับ

     คาดหวังว่า นศ.กลับไปทำงานแล้ว จะเป็นคนจุดประกายการจัดการความรู้เพื่อยกระดับศักยภาพและศักดิ์ศรีความเป็นหมออนามัยครับ ขอส่งแรงใจให้ทุกท่าน

นายอิสมาแอ กือตุกับนายณัฐโชค บูเก็ม

 ความภาคภูมิใจที่สุดในการทำงานสาธารณสุข
    ข้าพเจ้าปฏิบัติงานวันแรกที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอทุ่งยางแดง  จังหวัดปัตตานี มีความตื่นเต้นพอสมควรกับการทำงานที่ข้าพเจ้าจะได้พบ
กับสิ่งอะไรที่ข้าพเจ้าไม่เคยคิดมาก่อน  ว่าการทำงานสาธารณสุขเข้าทำงานกันอย่างไรรูปแบบและจะต้องทำตัวอย่างไรกับการทำงานครั้งแรกของ
เจ้าหน้าที่สาธารณสุข  ข้าพเจ้าปฏิบัติปฏิบัติที่สำนักฯ มันเป็นภาคใหญ่ทั้งอำเภอและงานที่ต้องทำเป็นงานด้านวิชาการมากกว่างานปฏิบัติทางด้านสุขภาพ
ตามความรู้สึกที่คิดว่างานสาธารณสุขต้องเป็นงานที่เกี่ยวกับสุขภาพของประชาชนมากกว่างานที่เกี่ยวกับวิชาการ ซึ่งต่างกับความคิดของข้าพเจ้าที่
คิดไว้  ดังนั้น  ข้าพเจ้าคิดว่าความสุขของการทำงานที่แทนจริงจะต้องทำงานที่เกี่ยวสุขภาพของประชาชนข้าพเจ้าจึงได้ขอลงปฏิบัติงานที่สถานีอนามัย
ซึ่งการปฏิบัติงานที่สถานีอนามัยนั้น  ตรงตามรูปแบบที่ข้าพเจ้าไว้ว่างไว้  เป็นความภาคภูมิใจที่ข้าพเจ้าได้ช่วยเหลือประชาชนให้พ้นจากโรคภัยต่างๆ
และรู้ถึงปัญหาที่แท้จริงที่เกี่ยวกับสุขภาพของประชาชนและได้หาสิ่งที่การแก้ไข  ซึ่งมันอาจเป็นเพียงเล็กน้อยแต่มันก็มีความสุขกับตัวของข้าพเจ้าเอง

สรุปเรื่อง
 งานสาธารณสุขเป็นที่กว้าง เพราะเป็นงานที่เกี่ยวกับประชาชนมีความหลากหลายในการทำงาน สามารถเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ต้องมีความ
ทันสมัยอยู่ตลอด  ตามโลกสมัยใหม่

ผลที่ได้รับ
  การทำงานต้องมีแผน  แต่แผนนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงไว้ตามสถานการณ์

นาย อาดัม แวดาย๊ะกับนายยุทธา กาฬสุวรรณ

ข้าพเจ้า นาย อาดัม แวดาย๊ะ รหัสนักศึกษา  476277017   เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 โปรแกรมสาธารณสุขชุมชน คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ประสบการณ์ทำงาน เริ่มทำงานเมื่อวันที่ 1เมษายน 2542 ฝ่ายเภสัชกรรมโรงพยาบาลยะหริ่ง จังหวัด ปัตตานี จบการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรสาธารณสุขศาสตร์ (เทคนิคเภสัชกรรม) จากวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร ยะลา จึงได้รับผิดชอบงานเกี่ยวกับงานฝ่ายเภสัชกรรม อย่างเช่น การจัดยา จ่ายยาให้กับคนไข้เป็นงานหลัก ส่วนงานอื่นๆคือ การเบิกยา การรับยา การเช็คยา การจัดเก็บยา การผลิตยา การดูแลเรื่องสวนสมุนไพร การทำวารสารเกี่ยวกับยา ทำแผ่นพับ และอีกหลายเรื่อง จากที่ทำงานตรงนี้ทำให้มีความชำนาญเกี่ยวกับยาในการรักษาโรค ที่ประทับใจ คือ สามารถให้การรักษาคนไข้ที่เจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆก่อนไปรักษาที่โรงพยาบาลเพื่อลดจำนวนคนไข้ลง โดยยาที่ให้ก็เป็นยาที่เบิกเก็บไว้เผื่อคนไข้มาขอ และให้ยาโดยไม่คิดเงิน ที่ประทับใจที่สุด คือ ได้เป็นตัวแทนแข่งขันกีฬาสาธารณสุขระดับประเทศครั้งที่.....สามารถคว้าเหรียญได้ 2 เหรียญ คือ 1 เหรียญเงินกีฬาประเภท วิ่ง 4x400 เมตร ชาย และ อีก 1 เหรียญทองแดง กีฬาประเภท วิ่ง 4x100 เมตร ชาย นั้นเป็นความภาคภูมิใจที่สุดที่เคยแข่งขันกีฬามา

ข้าพเจ้า นาย ยุทธนา กาฬสุวรรณ รหัสนักศึกษา  476277005  เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 โปรแกรมสาธารณสุขชุมชน คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ประสบการณ์ทำงาน เริ่มทำงานเมื่อวันที่ 1เมษายน 2541  สถานีอนามัยมะรือโบออก ตำบลมะรือโบออก อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส จบการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรสาธารณสุขศาสตร์ (สาธารณสุขชุมชน) จากวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร ยะลา ได้รับผิดชอบเกี่ยวกับงานโรคติดต่อ โรคไม่ติดต่อ งานส่งเสริมสุขภาพ งานประกันสุขภาพ งานรักษาและงานกีฬา อย่างเช่น การรักษา การป้องกันโรค การลงสอบสวนโรค การจัดยา การเย็บแผลทำแผล ให้กับคนไข้เป็นงานหลัก ส่วนงานอื่นๆคือ การเบิกยา การรับยา การเช็คยา การจัดเก็บยา การไปตามผู้ป่วยมารับยา และอื่นๆอีกมากมาย ที่ประทับใจ คือ สามารถให้การรักษาคนไข้ที่เจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆก่อนไปรักษาที่โรงพยาบาลเพื่อลดจำนวนคนไข้ลง ที่ประทับใจที่สุด คือ ได้เข้าร่วมคัดเลือกตัวแทนทีมชาติ ในกีฬาประเภทวอลเลย์บอลชายหาด ที่จังหวัดนครพนม และได้อันดับที่ 13 จากทั่วประเทศ  นั้นเป็นความภาคภูมิใจที่สุดที่เคยแข่งขันกีฬามา
นายวิพิทย์ จันทร์อินทร์ นายวีรวัฒน์ ล่าโยค นายอาสัน หง๊ะเจะแอ
ความประทับใจในชีวิตการทำงาน

 

 

ในช่วงชีวิตของคนเรามีความยากลำบากในการดำรงชีวิตมาตั้งแต่เกิดจนปัจจุบันมีความต้องการในเรื่องต่างๆ ที่ส่งผลให้มีความสุขในชีวิต มีความมานะอดทนต่อสู้เพื่อให้ตัวเดองมีความสุขในชีวิตให้ได้มากที่สุดหรือตามความสามารถของตนเองที่พึงจะมีเพื่อวงศ์ตระกูล เป็นแบบอย่างต่อสังคมในทางที่ดี และสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ตามความสามารถของตนเอง

 

 

ความประทับใจในชีวิตการทำงาน คือ การที่ได้เป็นข้าราชการที่ดีอยู่ใต้เบื้องบาทพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นแบบอย่างในการทำงานเพื่อประชาชนมาโดยตลอด การที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นโดยการยอมเสียสละทั้งส่วนตัว และในหน้าที่การงานก็มีความซื่อสัตย์ในหน้าที่ที่รับผิดชอบ การทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี และประสบความสำเร็จในการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี เช่น หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน ตลอดถึงประชาชนในเขตที่รับผิดชอบ มีความสุข มีความเป็นกันเองในชีวิตการทำงาน มักจะประสบความสำเร็จและก้าวหน้าไปในอนาคต มีหลายคนที่ต้องการความสำเร็จในชีวิตของการทำงาน ต้องการความก้าวหน้าและมีความสุขในการทำงาน แต่สิ่งที่สำคัญของการทำงานต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต มีความจริงใจ มีความรับผิดชอบ และมีความคิดสร้างสรรค์ในงานที่ทำ มีการยอมรับและฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ไม่นิ่งดูดาย มีการเสียสละ ทุกอย่างที่ทำไปผลที่จะสนองกลับมาจะเป็นสิ่งที่ดีต่อตนเอง และจะเกิดความประทับใจในชีวิตการทำงานของตนเองในที่สุดทั้งจากคนรอบข้างในที่ทำงานและบุคคลภายนอกที่ทำงานหรือประชาชน

 

 

การทำงานจะเกิดความรู้สึกที่ดีในที่ทำงานเป็นเบื้องต้น และมักชอบในงานที่ตนเองทำอยู่อย่างมีความสุขตลอดไป ในครอบครัวก็มักมีความสุขที่คนในครอบครัวมีความสุขในการใช้ชีวิตในสังคม ได้เชิดหน้าชูตาในสังคม และเป็นความภาคภูมิใจที่ไม่สามารถอธิบายได้ซึ่งมีความสุขในการเสียสละต่อสังคมและประเทศชาติต่อไป

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท