เรื่องเล่าจากเวบ เก็บมาสะกิดใจเพื่อเล่าสู่กันฟังก่อนวันหยุด อ่านแล้วทำให้คิดว่า ในภาวะปัจจุบัน เราใส่ใจในการทำงานนอกบ้าน ใส่ใจกระบวนการทางสังคมนอกบ้านมากไปหรือไม่ จนทำให้เราลืมนึกถึงคนข้างเคียง (ไม่ใช่คนข้างบ้าน) ลืมนึกถึงคนที่เราต้องดูแล รักษา (ห่วงหา อาทร ฯลฯ) ทั้งร่างกาย และจิตใจ อ่านแล้วชวนให้คิดว่าสิ่งที่จะนำมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังนี้ อาจจะเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่ทำให้หลาย ๆ ท่านหันกลับไปมองคนที่อยู่ข้างหลัง คนที่อยู่ข้าง ๆ ว่า เราได้ดูแลซึ่งกันและกันอย่างไรบ้าง?????
ขอซื้อ 1 ชั่วโมง
ชายคนหนึ่งกลับจากที่ทำงานมาถึงบ้านก็พบกับลูกชายวัย 5 ขวบยืนรออยู่และถามว่า
"พ่อไปทำงานได้เงินชั่วโมงละเท่าไรครับ"
พ่อได้ตอบไปด้วยความโมโหเพราะเพิ่งกลับมาเหนื่อย ๆ ว่า "30 บาท จะรู้ไปทำไม"
ลูกชายจึงบอกว่า "ผมขอยืมสัก 10 บาท ได้ไหมครับ"
พ่อชักโมโหเพิ่มขึ้นแล้วไล่เด็กน้อยไปทำการบ้าน เด็กน้อยค่อย ๆ เดินออกจากห้องไป
หนึ่งชั่วโมงต่อมา พ่อรู้สึกว่าทำไม่ดีกับลูกเกินไปอาจทำให้ลูกเสียใจจึงได้เดินไปที่ห้องของลูกชาย แล้วพูดว่า "นอนหรือยังลูก พ่อเสียใจที่พูดไม่ดีกับลูก เอ้า นี่เงินที่ลูกขอยืม 10 บาท พ่อให้ลูกไม่ต้องยืมหรอก"
ลูกชายยิ้มทั้งน้ำตา แล้วดึงกล่องใต้หมอนออกมาแล้วหยินเศษสตางค์และธนบัตรยู่ยี่ นับแล้วได้ 20 บาท
พ่อชักสงสัยจึงถามว่า
"ลูกมีเงินอยู่แล้วตั้ง 20 บาท แล้วมายืมพ่ออีก 10 บาทไปทำไม"
เด็กน้อยจึงตอบว่า
"ผมจะเอาเงิน 30 บาทนี้มาซื้อเวลาของพ่อ ขอให้พ่อได้อยู่กับผมสัก 1 ชั่วโมงเท่านั้นแหละครับ"
คัดลอกจากข่าวคณะเภสัชศาตร์ฉบับที่ 30/2550 วันที่ 23 - 27 กค.2550 อ้างอิงจาก http://www.dhammathai.org/dhammastory/view.php?No=151
สัญญาค่ะ
หยุด 4 วันนี้ เสร็จจากภาระงานแล้ว จะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวให้นานที่สุดค่ะ
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดี ๆ ที่สำคัญ คืนนี้ คงต้องแอบไปดูใต้หมอนของคุณ samee ว่าสะสมเงินไว้เท่าไหร่แล้ว
ยิ้ม ๆ ค่ะ
เรียน ท่านสมพร
เวลา มีค่าสำหรับคนใกล้เสมอ โดยเฉพาะ คนเป็นพ่อแม่ แค่เห็นลูกอยู่บ้าน ก็ชื่นใจแล้ว จริงไหมคะ
เดี๋ยวคิดอีก..จนกว่า....